ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5852 ไปจินหลิง (2)
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน นิยาย บท 5852
ส่วนผู้ที่นั่งอยู่บนเบาะหลังแถวสองหลังซือไท่ก็คือ หญิงวัยกลางคนที่ถูกเรียกว่านายหญิง ซึ่งสร้อยข้อมือลูกปัดที่เย่เฉินกำลังถืออยู่ในมือก็เป็นสิ่งที่เธอทิ้งไว้ในอารามชิงจ้าว โดยเฉพาะ
ตอนนี้ ซือไท่นั่นหันหน้ากลับไปทางหญิงวัยกลางคน แล้วถามอย่างเคารพนอบน้อม: “นายหญิง ต่อไปเราจะจัดแจงอย่างไรดีคะ?”
นายหญิงนั่นกำลังเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง เมื่อได้ยินคำถาม จึงเอ่ยปากตอบกลับว่า: “ไปจินหลิงเถอะ ฉันจะพักอยู่ในวัดชีเสียเหมือนเมื่อก่อน พวกเธอสองคนก็ไปพร้อมฉันสิ หลังจากถึงจินหลิงแล้ว ก็อย่าปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนอีกเลย”
“รับทราบค่ะ!”ซือไท่นั่นพยักหน้าเบา ๆ แล้วพูด: “งั้นเดี๋ยวดิฉันแจ้งสมภารก่อน”
หลังจากพูดจบ ซือไท่ก็ถามอีกว่า: “ใช่สินายหญิง ถัดจากนี้คุณยังอยากคบค้าสมาคมกับผู้หญิงคนไหนอีกหรือ? ดิฉันจะดูก่อนว่าจะหาโอกาสได้หรือไม่”
นายหญิงยักคิ้ว ยิ้มพลางตอบกลับว่า: “อยากเจอใครงั้นเหรอ……จะว่าไปฉันอยากเจออิโตะ นานาโกะอยู่นะ ในบรรดาผู้หญิงเหล่านี้ คนที่มีโอกาสเข้าถึงเต๋ามากที่สุดก็คือเธอแล้วล่ะ”
ซือไท่อมยิ้ม: “งั้นดิฉันจะคิดหาวิธีจัดแจงให้นะคะ”
นายหญิงพยักหน้า หัวเราะเบา ๆ แล้วพูด: “เหมือนเธอกำลังฝึกวิถีบู๊อยู่ในช็องเซลีใช่ไหม?”
“ใช่ค่ะ”ซือไท่ตอบกลับ: “คนที่ฝึกพร้อมเธอยังมีซูรั่วหลีและฉินเอ้าเสวี่ยน”
นายหญิงพูด: “พรสวรรค์ของสาวน้อยทั้งสองคนนั้นยังไม่สามารถเทียบเคียงกับอิโตะ นานาโกะได้ นอกเสียจากมีโอกาสที่ยิ่งใหญ่ มิฉะนั้นก็จะไม่มีโอกาสอะไรได้เข้าถึงเต๋า”
ซือไท่อดพูดอย่างกังวลใจเล็กน้อยไม่ได้: “นายหญิงคะ อย่างไรเสียอิโตะ นานาโกะก็เป็นคนญี่ปุ่น หากเธอเข้าถึงเต๋าจริง ๆ จะมีความเสี่ยงอะไรหรือเปล่าคะ?”
นายหญิงส่ายหน้า: “ไม่จำเป็นต้องกังวลหรอก เธอจะเป็นคนประเทศไหนมันไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือพฤติกรรมมารยาทของเธอดีหรือไม่ รวมไปถึงหัวใจของเธออยู่ที่ไหน หากพฤติกรรมมารยาทไม่ดี มีความเห็นนอกรีต แม้จะเป็นคนหัวเซี่ยแล้วอย่างไรเล่า?”
ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนนายหญิงจะพูดอีกว่า: “ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ พฤติกรรมมารยาทของหญิงสาวคนนี้สมบูรณ์แบบอย่างไร้ที่ติเลย แถมหัวใจของเธอก็ไม่ได้อยู่ญี่ปุ่นตั้งนานแล้วเหมือนกัน”
ซือไท่คลายคิ้วออก ยิ้มแล้วพูดว่า: “นายหญิงพูดถูกค่ะ ดิฉันคิดมากไปเอง”
นายหญิงพยักหน้าแล้วถามเธอ: “ใช่สิ วันนี้เธอได้เจอหลินหว่านเอ๋อร์ด้วย มีความรู้สึกอะไรต่อตัวหลินหว่านเอ๋อร์บ้างไหม?”
ซือไท่นั่นพูดอย่างทอดถอนใจ: “ดิฉันรู้สึกว่าแม้หลินหว่านเอ๋อร์จะยืนอยู่หน้าดิฉัน ดิฉันก็มองร่องรอยความโรยราของเธอไม่ออกเลยแม้แต่น้อย มีชีวิตมาสามร้อยกว่าปี ลักษณะภายนอกและความรู้สึกก็ยังคงเป็นหญิงสาวอยู่เช่นเคย ช่างน่าอิจฉาจริง ๆ……”
เมื่อพูดจบ ซือไท่ก็พูดอีกว่า: “แต่เธอมักจะทำให้ดิฉันรู้สึกเหมือนเธอเป็นคนที่ลึกซึ้งมากจนไม่อาจคาดเดาได้เสมอ”
นายหญิงอมยิ้มพลางพูด: “ไม่มีผลการฝึกฝนแม้แต่นิดเดียว แต่กลับสามารถหลบเลี่ยงการไล่ล่าจากอู๋เฟยเยี่ยนมาสามร้อยกว่าปี ในขณะเดียวกันยังมีชีวิตรอดอยู่ท่ามกลางโลกที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่ได้ด้วย ด้วยเหตุนี้จึงแสดงให้เห็นเลยว่าเธอชาญฉลาดกว่าที่เราจินตนาการเอาไว้มาก ๆ”
ซือไท่อดถามไม่ได้ว่า: “แล้วอนาคตเธอจะเดาตัวตนของคุณได้หรือเปล่าคะ?”
นายหญิงตอบกลับ: “ต้องเดาได้แน่นอน ขอแค่อนาคตเรายังมีการคบค้าสมาคมกับพวกเธออีก เรื่องนี้ก็เป็นเพียงเรื่องเวลาเท่านั้นแหละ”
ซือไท่รีบถาม: “แล้วนายหญิงเตรียมตัวพร้อมหรือยังคะ?”
นายหญิงส่ายหน้า: “ยัง ฉะนั้นต่อไปเราจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ อย่าทิ้งเบาะแสร่องรอยใด ๆ ไว้อีก”
ซือไท่พยักหน้าแล้วพูด: “นายหญิงคะ อีกประมาณ 40 นาทีเราก็จะถึงสนามบินแล้ว ฝั่งลูกเรือพร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งตลอดเวลา คุณว่าจะจัดการเส้นทางการบินอย่างไรดีคะ?”
สีหน้าอารมณ์ของนายหญิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะถามว่า: “พวกเขาล่ะ?”
ซือไท่รู้อยู่ว่าคนที่นายหญิงหมายถึงคือเย่เฉินและหลินหว่านเอ๋อร์ จึงรีบตอบกลับว่า: “เครื่องบินของพวกเขาก็อยู่ที่ยงโจวเช่นกัน คาดว่าดึก ๆ หน่อยก็น่าจะบินตรงไปที่จินหลิงเช่นกันค่ะ”
นายหญิงพยักหน้า ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยปากพูด: “งั้นเราก็ระมัดระวังหน่อยดีกว่า บินกลับเย่นจิงก่อนเถอะ หลังจากถึงเย่นจิงแล้ว ค่อยเปลี่ยนเครื่องบินอีกลำบินกลับจินหลิง เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินหว่านเอ๋อร์ อย่าได้ประมาทจะดีกว่า การคบค้าสมาคมกับเธอโดยตรงในครั้งนี้ ก็เท่ากับบอกกับพวกเขาแล้วว่าเราแอบสังเกตการณ์อยู่ในที่ลับมาโดยตลอด ต่อไปพวกเขามีแต่จะระมัดระวังมากยิ่งขึ้น”