ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5847 ทุกอย่างอยู่ในแผนการทั้งหมด(1)
ด้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน นิยาย บท 5847
คำพูดของหลินหว่านเอ๋อร์ ทำให้เย่เฉินมีความตื่นตัวขึ้นมาเล็กน้อย
เขาอดไม่ได้ที่จะถามหลินหว่านเอ๋อร์: “คุณคิดว่า ตัวตนของเธอมีปัญหา?”
หลินหว่านเอ๋อร์พยักหน้าเบาๆ กล่าวอย่างมุ่งมั่น: “ข้าน้อยเคยติดต่อกับพระอาจารย์ที่ประสบความสำเร็จทางพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมากบางส่วน คนเหล่านี้มีเอกลักษณ์คล้ายกันอย่างหนึ่ง ก็คือจะควบคุมการกระทำของตนโดยการใช้หลักพุทธศาสนา อีกทั้งมักจะอ้างอิงคัมภีร์ ใช้สติปัญญาในหลักพุทธศาสนามาชี้นำชีวิตประจำวันและคำพูดรวมทั้งพฤติกรรมของตน พูดง่ายๆก็คือ แม้แต่ในชีวิตประจำวันของพวกเขา ก็จะพูดไม่พ้นจากหลักพุทธศาสนา แต่ซือไท่ท่านนั้น นอกจากคำว่าอามิตาพุทธแล้ว น้อยมาที่จะเอ่ยถึงหลักพุทธศาสนา ดังนั้นอยู่ๆข้าน้อยถึงคิดว่า บางทีเธออาจจะไม่ใช่ซือไท่ที่แท้จริง”
เย่เฉินตื่นตัวขึ้นมาทันที เอ่ยปากกล่าว: “ถ้าหากไม่ใช่แม่ชีจริงๆ ถ้าอย่างนั้นเธอก็ปลอมตัวเป็นแม่ขีเพื่อรอพวกเราอยู่ที่นี่ ไม่ว่าเธอจะเป็นศัตรูหรือมิตร เบื้องหลังของเธอ จะต้องเป็นกองกำลังกลุ่มอื่นที่นอกเหนือจากองค์กรพั่วชิงแน่”
หลินหว่านเอ๋อร์พยักหน้า กล่าวอย่างจริงจัง: “แต่ว่าคุณชายไม่ต้องกังวล ข้าน้อยคิดว่าเธอจะต้องไม่ใช่ศัตรู อีกทั้งมีความเป็นไปได้สูงว่าน่าจะมีความแค้นกับองค์กรพั่วชิง ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร ขอเพียงแต่พวกเธอยังคงมีความระมัดระวังต่อพวกเราอยู่นิดหน่อย หรือบางทีอาจจะมีเหตุผลอื่น ที่ตอนนี้ไม่อยากให้พวกเรารู้ตัวตนที่แท้จริงของพวกเธอ”
เย่เฉินนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เอ่ยปากถามหลินหว่านเอ๋อร์: “เธอพูดตำนานเทพเจ้ากรีกอะไร?”
หลินหว่านเอ๋อร์ไม่อยากให้เย่เฉินรู้มากเกินไป จะได้ไม่เกิดการคาดเดาเบาะแสขึ้น ดังนั้นจึงกล่าว: “เธอเพียงแค่นำเรื่องเล่าของอคิลลีสเล่าให้ฉันฟัง แม้ว่าพละกำลังจะแข็งแกร่งมาก หากไม่ระวังเพียงนิดก็อาจจะถูกทำลายได้”
เย่เฉินก็ไม่ได้คิดมากเช่นกัน กล่าวด้วยท่าทียืนกราน: “พวกเราลองกลับไปดูกัน!”
หลินหว่านเอ๋อร์ถามอย่างประหลาดใจ: “คุณชายตั้งใจจะกลับเข้าไปดูภายในอารามชิงจ้าว ?”
“ใช่!”เย่เฉินพยักหน้ากล่าว: “ผมอยากรู้ว่า พวกเธอเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงได้รู้เกี่ยวกับพวกเราอย่างทะลุปรุโปร่ง ทำไมถึงต้องพยายามวางแผนปลอมตัวเป็นแม่ชีแล้วรอพวกเราอยู่ที่นี่ เดิมทีพวกเธอพูดว่าเป็นสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา ผมย่อมเคารพ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าพวกเธอคงจะไม่ใช่คนในพระพุทธศาสนา ถ้าไม่อย่างนั้นลองเข้าไปถามต่อหน้าให้ชัดเจน”
“นี่……”หลินหว่านเอ๋อร์ลังเลครู่หนึ่ง พยักหน้ากล่าว: “ในเมื่อคุณชายอยากจะไปค้นหาความจริง ถ้าอย่างนั้นข้าน้อยก็จะไปกับคุณชาย เพียงแต่คุณชายอย่าได้วู่วามอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้จากมิตรจะได้ไม่กลายเป็นศัตรู”
เย่เฉินพยักหน้า: “ผมเพียงแค่อยากจะรู้ว่าพวกเธอเป็นใครกันแน่ ถ้าหากทุกคนสามารถกลายเป็นมิตรเนื่องจากมีศัตรูคนเดียวกันได้จริง อย่างน้อยจะต้องซื่อสัตย์ต่อกันและกัน การปกปิดอาจจะเป็นการไม่ให้เกียรติกันเกินไป”
หลินหว่านเอ๋อร์ค่อนข้างเห็นด้วยกับทัศนคติของเย่เฉิน อีกฝ่ายรู้ตัวตน และภูมิหลังของตนกับเย่เฉินแล้ว แต่พวกเธอยังคงปกปิดตัวตนที่แท้จริงของตนเอง อันที่จริงนี้ก็ทำให้ใจของคนมีความไม่สบายใจเล็กน้อย
ดังนั้น ทั้งสองคนจึงกลับหลังหันลงเขาไปอีกครั้ง มุ่งหน้าตรงไปยังอารามชิงจ้าว
เมื่อผ่านทางรูปตัวYนั้นแล้ว เย่เฉินกับหลินหว่านเอ๋อร์ก็เดินขึ้นไปทางด้านบนตลอดทาง ตอนที่เดินไปได้ครึ่งหนึ่ง เย่เฉินก็ขมวดหว่างคิ้วกล่าว: “ในอารามชิงจ้าว ไม่มีคนแล้ว”
“หา?”หลินหว่านเอ๋อร์ถามด้วยความประหลาดใจ: “คุณชายใช้ปราณทิพย์ตรวจสอบแล้ว?”
“ใช่”เย่เฉินพยักหน้า กล่าว: “ไม่มีเหลือเลยสักคน คาดว่าน่าจะไปกันแล้ว”
“นี่……”หลินหว่านเอ๋อร์ขมวดหว่างคิ้วกล่าว: “ตอนที่ออกมาเมื่อครู่นี้ ฉันหันหน้ากลับไปมองหลายครั้ง ไม่เห็นมีใครลงจากภูเขา……”
หลังจากที่เย่เฉินปล่อยปราณทิพย์ออกไปสำรวจมากกว่าเดิม เอ่ยปากกล่าว: “หลังภูเขายังมีถนนเส้นเล็กเส้นหนึ่ง”
หลินหว่านเอ๋อร์พูดด้วยความโมโหเล็กน้อย: “ทั้งหมดต้องโทษข้าน้อย ถ้าหากข้าน้อยนึกถึงจุดนี้ได้เร็วกว่านี้หน่อยก็คงดี……”
เย่เฉินยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ กล่าวปลอบใจ: “ไม่เป็นไร ในเมื่อคนก็ไปหมดแล้ว พวกเราก็ขึ้นไปดูหน่อยเถอะ ไม่แน่ว่าอาจจะทิ้งเบาะแสบางอย่างเอาไว้ก็ได้”
หลินหว่านเอ๋อร์รีบถาม: “จะให้เหล่าซุนช่วยสืบดูหน่อยไหม? ไม่แน่ว่าคนพวกนี้จะทิ้งข้อมูลไว้ในกล้องวงจรปิดละแวกเมืองใกล้ๆนี้”