ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5844 ฮูหยิน(2)
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน นิยาย บท 5844
พูดไป เย่เฉินกล่าวกับหลินหว่านเอ๋อร์: “คุณหลิน ไม่อย่างนั้นคุณกลับไปที่ในเมืองก่อน ผมจะไปเอง!”
“ไม่ได้เด็ดขาด!”หลินหว่านเอ๋อร์คว้าแขนของเย่เฉินเอาไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว กล่าวขอร้อง: “คุณชาย ในเมื่อได้รู้สถานที่ถึงแก่กรรมของแล้วซือกงแล้วว่าอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ถ้าอย่างนั้นครั้งนี้ไม่เสียแรงเปล่า แล้วก็ไม่นับว่าล้มเลิกกลางคัน คุณชายสามารถกลับไปเตรียมตัวต่อที่เมืองจินหลิง รอให้พละกำลังของคุณชายเพิ่มมากขึ้นแล้วค่อยมาก็ไม่สาย!”
เย่เฉินเอ่ยปากกล่าว: “คุณกับผมยังไม่รู้ตัวตนของอีกฝ่ายชัดเจน ผมไม่สามารถให้คำพูดลมๆแล้งๆของอีกฝ่าย มาทำให้ล้มเลิกแผนการที่วางเอาไว้เรียบร้อยแล้วทั้งหมดได้”
หลินหว่านเอ๋อร์กล่าวด้วยความร้อนใจ: “คุณชาย มีคนรู้ว่าพวกเราจะมาที่นี่ อีกทั้งยังคำนวณเส้นทางแล้วรออยู่ที่นี่ล่วงหน้า นี่สามารถพิสูจน์ได้แล้วว่า อีกฝ่ายค่อนข้างมีความเข้าใจเกี่ยวกับพวกเรา ในเมื่อเธอไม่ได้มีเจตนาร้ายกับพวกเรา พวกเราจำต้องยอมรับเรื่องจริงที่ว่าตัวตนถูกเปิดเผยแล้ว ถ้าหากพยายามฝืนเดินทางต่อไปในสถานการณ์แบบนี้ ไม่ว่าเธอจะเป็นศัตรูหรือมิตร เกรงว่าสถานการณ์จะไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเราเป็นอย่างยิ่ง”
เย่เฉินตะลึงงันไปเล็กน้อย
คำพูดของหลินหว่านเอ๋อร์ ทำให้เขาต้องพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้ง
ตามที่หลินหว่านเอ๋อร์พูด ไม่ว่าแม่ชีจะเป็นศัตรูหรือมิตร เรื่องที่ตัวตนของตนเปิดเผยเป็นเรื่องจริง ในเมื่อเธอรู้ ถ้าอย่างนั้นก็พิสูจน์ได้ว่าคนอื่นก็อาจจะรู้แล้วเช่นกัน
ถ้าหากตนยืนกรานที่จะเดินต่อ ยังไม่ต้องพูดถึงว่าจะประสบกับอันตรายหรือไม่ ถ้าหากยังมีคนได้ล่วงรู้ตัวตนของตนเองอีกจะทำอย่างไร? ถ้าหากรู้ไปถึงหูขององค์กรพั่วชิง ควรจะทำอย่างไร?
หลินหว่านเอ๋อร์ในเวลานี้กล่าวอีกว่า: “คุณชาย ไม่ว่าอีกหลายสิบลี้ข้างหน้าจะมีอะไรอยู่กันแน่ แต่ทั้งหมดล้วนเป็นความจริงที่ว่าอู๋เฟยเยี่ยนค่อนข้างหวาดกลัวต่อมัน ถ้าหากอู๋เฟยเยี่ยนยังมีความหวาดกลัวต่อมัน ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะฝืนพยายามต่อไปอีกทำไม?”
เย่เฉินตกอยู่ในความลำบากใจทันที
เหตุผลทั้งหมดที่หลินหว่านเอ๋อร์พูดมาเขาชัดเจนมาก
เพียงแต่ สุดท้ายแล้วตอนที่เข้าใกล้ความลับของพ่อกับแม่ในตอนนั้นขึ้นอีกก้าว เขาไม่อยากจะล้มเลิกจริงๆ
ในเวลานี้ ภายในวิหารใหญ่อารามชิงจ้าว
จิ้งเฉินกลับไปยังวิหารใหญ่ กล่าวรายงานต่อแม่ชีเฒ่าคนนั้นด้วยความนอบน้อม: “ท่านน้า หลินหว่านเอ๋อร์ไปแล้ว”
แม่ชีเฒ่าไม่แม้แต่หันหน้ากลับ เอ่ยปากกล่าว: “เธอเห็นกับตาตัวเองว่าเธอลงเขาไปไหม?”
“ใช่ค่ะ”จิ้งเฉินพยักหน้า กล่าว: “หลังจากที่ฉันปิดประตู ก็แอบมองลอดช่องประตูดูเธอลงเขาไปแล้วถึงได้กลับมารายงานท่าน
แม่ชีเฒ่าถามขึ้นอีกครั้ง: “พวกเขาสองคนกำลังทำอะไร?”
“เจรจา”จิ้งเฉินกล่าวตอบ: “ทั้งสองคนยังเจรจากันอยู่กันที่เดิม แต่ว่าตอนนี้ยังไม่ได้เตรียมตัวที่จะขยับตัวออกเดินทาง”
แม่ชีเฒ่าพยักหน้าเล็กน้อย กล่าว: “เธอคอยเฝ้าดูอยู่ที่นี่ ฉันจะไปรายงานกับฮูหยิน”
พูดจบ ไม่รอให้จิ้งเฉินตอบ เธอรีบสาวเท้าเดินอย่างรวดเร็วไปทางด้านหลังวิหารใหญ่
ที่ด้านหลังวิหารใหญ่ยังมีประตูอยู่อีกบานหนึ่ง กล่าวโดยทั่วไปแล้ว ในวัดประเภทนี้จะไม่เปิดให้กับผู้แสวงบุญอีก ส่วนมากจะเป็นสถานที่สำหรับพระสงฆ์กับแม่ชี
แม่ชีเฒ่าหยุดอยู่ที่หน้าประตู เคาะประตูห้องเบาๆ กล่าวอย่างนอบน้อม: “ฮูหยิน หลินหว่านเอ๋อร์ไปแล้ว”
ภายในห้อง มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งที่ฟังดูแล้วค่อนข้างน่าเกรงขาม: “พวกเขากลับไปแล้วหรือ?”
แม่ชีเฒ่ากล่าวตอบ: “ยังค่ะ พวกเขาสองคนเหมือนว่ากำลังเจรจากันอยู่ที่ปากทางเชิงเขา ตอนนี้ยังไม่สามารถแน่ใจได้ว่าพวกเขาจะล้มเลิกความตั้งใจหรือไม่”
ผู้หญิงข้างในกล่าวพร้อมรอยยิ้มบางๆ: “น่าจะไม่มีปัญหาอะไร”
พูดไป หญิงสาวคนนั้นกล่าวอีกว่า: “ใช่แล้ว เธอรีบให้ทุกคนเก็บกวาดสักหน่อย พวกเราควรไปได้แล้ว หลินหว่านเอ๋อร์คนนั้นฉลาเป็นกรด ฉันว่าเมื่อครู่นี้เธอคงจะกังวลมากไปถึงได้มองข้ามรายละเอียดบางส่วนไป เชื่อว่าอีกไม่นาน พวกเขายังจะต้องกลับมาอีกแน่ สั่งการลงไป อย่าได้ทิ้งเบาะแสใดๆไว้ที่นี่อย่างเด็ดขาด”
แม่ชีเฒ่ากล่าวด้วยความนอบน้อมเป็นอย่างยิ่ง: “ค่ะฮูหยิน!”