ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5831 ท่านเซียนแห่งภูเขาแสนลี้(2)
ด้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน นิยาย บท 5831
ครั้งนี้ เขาไม่ได้ให้เฉินจื๋อข่ายเปลี่ยนชื่อเช่าเครื่องบินเจ็ทธุรกิจ แต่ให้ใช้เครื่องบินส่วนตัวของตระกูลเย่ที่เมืองจินหลิงโดยตรง
ที่ไม่ได้หลบๆซ่อนๆอีก เป็นเพราะเย่เฉินคิดว่า สถานการณ์แบบนี้ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าอู๋เฟยเยี่ยนจะพบเจอ
แต่ในเวลานี้ อู๋เฟยเยี่ยนใช้พาสปอร์ตของตัวตนหัวเซี่ยที่จัดเตรียมเอาไว้เรียบร้อยตั้งแต่แรกผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยและด่านศุลกากรแล้ว นั่งอยู่ภายในเลานจ์ของอาคาร VIP รอเครื่องบินลำนั้นของตนเองด้วยความกังวลภายในใจ
ความตึงเครียดและสับสน ทำให้กล้ามเนื้อขาของเธอยังคงเป็นตะคริว จนถึงตอนนี้
และภายในหัวสมองของเธอ ก็มักจะมียังไม่รีบไป สี่คำนั้นของเมิ่งฉางเชิงวนเวียนซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในแก้วหูอย่างไม่หยุดหย่อน!
สี่คำนี้ ทำให้ส่วนลึกของวิญญาณของเธอปกคลุมไปด้วยความหวาดกลัวขนาดใหญ่
เธออดไม่ได้ที่ก้นบึ้งของหัวใจจะทบทวนเรื่องทั้งหมดซ้ำไปมา เค้นสมองอย่างหนักเพื่อวิเคราะห์ความเป็นไปได้ที่เมิ่งฉางเชิงยังมีชีวิตอยู่
เธอย้อนกลับไปทีละเล็กละน้อยที่ตนเองได้กราบไหว้เป็นลูกศิษย์ของเมิ่งฉางเชิง แอบครุ่นคิดในใจ: “อันที่จริง พอตอนนี้มาลองคิดดู อันที่ตอนนั้นอาจารย์ไม่ค่อยยอมรับฉันกับศิษย์พี่เท่าไหร่ ถ้าหากไม่ใช่ว่าพวกเราถูกทหารชิงไล่ฆ่า คิดว่าอาจารย์ก็คงไม่มีทางปรากฏตัวต่อหน้าของพวกเรา……”
“ตอนนี้ลองมาคิดดู อาจารย์รับพวกเราสองคนเป็นลูกศิษย์ ครึ่งหนึ่งเป็นเพราะเพื่ออยากจะเข้าใจโลกภายนอกจากพวกเรา ครึ่งหนึ่งก็เป็นเพราะหวังว่าพวกเราสามารถทำอะไรบางอย่างเพื่อชาวฮั่นและแผ่นดินได้บ้าง แต่ตัวเขาเอง เหมือนกับว่าไม่เคยเห็นพวกเราเป็นลูกศิษย์จริงๆ……”
ทันทีที่คิดถึงตรงนี้ อารมณ์ของอู๋เฟยเยี่ยน ก็ถูกดึงกลับไปเมื่อสามร้อยกว่าปีก่อนอีกครั้ง ภายในหัวสมองมีภาพเหตุการณ์ตอนที่เธอกับหลินจู๋ว์หลูศิษย์พี่ถูกทหารชิงไล่ตามฆ่าเข้ามาที่ภูเขาแสนลี้
ที่ด้านนอกภูเขาแสนลี้ ทหารม้าทหารชิงจำนวนนับหมื่นเร่งเดินทัพตลอดทั้งคืน ไล่ตามฆ่าส่วนที่เหลือของราชวงศ์หมิงใต้ รวมทั้งองค์กรพั่วชิงที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับราชวงศ์หมิงใต้ที่เหลือ
ทหารม้าเหล่านี้สวมเสื้อเกราะของทหารชิง ถือธงของราชวงศ์ชิง ไว้ผมหางเปียค่อนข้างแตกต่างกับชาวฮั่นราชวงศ์หมิงใต้ นำทหารพ่ายแพ้ที่เหลือบีบให้เข้ามาที่ภูเขาแสนลี้
ราชวงศ์หมิงใต้ที่เหลือกับองค์กรพั่วชิงได้รับความสูญเสียอย่างสาหัส พวกเขารบไปถอยไปตลอดทาง ผู้คนบาดเจ็บล้มตายมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งสุดท้าย ข้างกายของหลินจู๋ว์หลูกับอู๋เฟยเยี่ยนทั้งสองคนไม่มีสหายคนอื่นอีก
หัวหน้ากองทัพเล็กทหารชิง ในเวลานี้นำทัพทหารมาจำนวนับร้อยไล่ตามมาอย่างกระชั้นชิด แต่เนื่องจากเป็นหน้าผาสูงชัน ต้นไม้หนาทึบ พวกเขาทำได้แค่เพียงลงจากหลังม้า เดินเท้าไล่โจมตี
ผู้นำคนนั้นกล่าวตะโกนเสียงดัง: “กบฏด้านในจงฟัง! ถ้าหากพวกเจ้าออกมายอมจำนวน ข้าก๋าเอ่อร์ถูสามารถให้พวกเจ้าไปสบายได้ ไม่อย่างนั้นถ้าหากให้ข้าจับพวกเจ้าได้ จะนำตัวพวกเจ้าไปรับโทษตายที่เมืองหลวงหลิงฉือ!”
อู๋เฟยเยี่ยนในเวลานี้กำลังถูกหลินจู๋ว์หลูลากวิ่งไปในป่าอย่างบ้าคลั่ง เพียงแต่บริเวณไหล่ของอู๋เฟยเยี่ยนมีธนูลูกหนึ่งปักอยู่ ถูกพลธนูทหารม้าของทหารชิงยิงบาดเจ็บ ตอนที่กำลังล่าถอย
เนื่องด้วยทหารชิงเชี่ยวชาญในการขี่ม้ายิงธนู อีกทั้งพวกเขายังทาน้ำเหลืองจากศพที่เน่าเปื่อยลงบนหัวธนูโดยเฉพาะ ด้วยเหตุนี้หัวธนูจึงมีพิษกับแบคทีเรียจำนวนมาก บาดแผลของอู๋เฟยเยี่ยนได้กลายเป็นสีดำคล้ำ หนองที่มีกลิ่นเน่าเหม็นไหลซึมออกมา ทุกครั้งที่ขยับร่างกาย จะนำความเจ็บปวดรุนแรงมาที่บ่า และทุกครั้งที่เจ็บปวดรุนแรง จะทำให้ร่างกายของเธออ่อนยวบ แทบจะล้มลงไปบนพื้นอย่างควบคุมไม่ได้
โชคดีที่มีหลินจู๋ว์หลูคอยจับมือของเธอเอาไว้แน่น พยายามลากดึงเธออย่างสุดกำลัง ถึงทำให้เธอไม่ถูกศัตรูตามได้ทัน
อู๋เฟยเยี่ยนรู้ว่าธนูกับศรของทหารชิงโหดร้ายเป็นอย่างยิ่ง หลังจากที่โดนธนูยิง ต่อให้อาการบาดเจ็บไม่ถึงแก่ชีวิต อีกไม่กี่วันบาดแผลก็จะทำให้ทั่วทั้งตัวเกิดแผลเน่าเปื่อยและคร่าชีวิตคนผู้นั้นไป
ดังนั้น อู๋เฟยเยี่ยนในตอนนี้รู้ดีว่า ตนเองเหลือเวลาอีกไม่นานแล้ว
จ้องมองหลินจู๋ว์หลูเพื่อช่วยชีวิตตนแล้ว เห็นได้ชัดว่าช้าลงมาก เธออดไม่ได้ที่จะกล่าวอย่างสะอึกสะอื้น: “พี่จู๋ว์หลูท่านให้เฟยเยี่ยนไปสบายแล้วตัวเองก็รีบหนีไปเถอะ เฟยเยี่ยนมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานแล้ว ท่านพาเฟยเยี่ยนไปด้วย มีแต่จะตนเองเดือดร้อน……”
หลินจู๋ว์หลูกล่าวอย่างยืนกราน: “ฉันรับปากพี่ชายของเธอว่าจะปกป้องความปลอดภัยของเธอ ต่อให้ต้องสู้จนตาย ฉันก็จะตายไปกับเธอด้วย ไม่อย่างนั้นอนาคตฉันไม่มีหน้าจะไปเจอกับ”