ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5806 สระสวรรค์(1)
ด้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน นิยาย บท 5806
สำหรับหลินหว่านเอ๋อร์พูดได้ว่า เธอมีความสงสัยมาโดยตลอดอยู่เล็กน้อย ทำไมตั้งแต่คืนนั้นที่เย่เฉินถูกแหวนพาไปยังวิลล่าบนยอดเขาจื่อจินซานอย่างกะทันหัน ตั้งแต่วินาทีนั้นเย่เฉินก็ดีกับตัวเองอย่างไม่คาดคิด
เขาไม่เพียงนำเอาโอสถที่เขามีทั้งหมดมอบให้กับเธอหนึ่งชุดแล้ว ยังเป็นไปได้ว่าเพิ่มอายุให้กับเหล่าจางและคนอื่นแล้ว อีกทั้งยังปล่อยวางสิ่งที่อยู่ในมือทั้งหมด ไปเตียนหนานเป็นเพื่อนตัวเองมาตลอดทาง
ทว่าตัวเองนั้นเพียงแค่อยากจะมาที่ภูเขาเอ้อหลางกราบไหว้บิดามารดาของตัวเองสักหน่อย เย่เฉินนำเอาจื้อเฉิงกรุ๊ปที่มีภูเขาเอ้อหลางอยู่ทั้งหมดซื้อกิจการมาแล้ว อีกทั้งยังจะดำเนินการปรับปรุงครั้งใหญ่กับที่นี่ เพื่อสะดวกแก่การมากราบไหว้บิดามารดาของตัวเองในอนาคต
หลินหว่านเอ๋อร์เองก็มีทรัพย์สินเงินทองอย่างนับไม่ถ้วน แต่การกระทำของเย่เฉินนั้น ในสายตาของหลินหว่านเอ๋อร์ ไม่สามารถใช้เงินมาวัดได้ เขาแน่นอนว่าให้ความสำคัญกับตัวเองมาก ถึงได้ใส่ใจเช่นนี้ ละเอียดอ่อนเช่นนี้
การคาดเดาของหลินหว่านเอ๋อร์ไม่ผิดสักนิด เย่เฉินให้ความสำคัญกับหลินหว่านเอ๋อร์จริงๆ บุญคุณที่ช่วยที่ชีวิตเอาไว้แน่นอนว่าก็ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่ง เย่เฉินยิ่งได้สัมผัสกับเธอมากขึ้น ภายในใจอย่างไม่รู้ตัวก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจอย่างลึกซึ้งถึงประสบการณ์อันยากลำบากของเธอในสามร้อยปีที่ผ่านมา
ทว่าความเห็นอกเห็นใจเช่นนี้ อย่างง่ายดายก็จะกลายเป็นปวดใจ
สำหรับหลินหว่านเอ๋อร์ที่มีชีวิตอยู่มาสามร้อยปีแล้ว กราบไหว้บิดามารดา สิ่งสำคัญที่สุดคือสามารถมายังสุสานของบิดามารดาได้ สัมผัสกับผืนดินของที่นี่ด้วยมือของตัวเอง พูดคุยกับบิดามารดาสักสองสามประโยค ความขมขื่นและความห่วงหาในสามร้อยปีมานี้ ต่างปล่อยวางลงได้แล้ว
หลินหว่านเอ๋อร์คุกเข่าอยู่บนพื้น บอกกล่าวกับบิดามารดาอยู่อย่างนั้นเงียบๆประมาณครึ่งชั่วโมง ทว่าหลังจากเธอลุกขึ้นมา มองดูพื้นดินสีดำที่อยู่ใต้เท้า จิตใจเบิกบานยิ้มออกมา หันหลังกลับไปพูดกับเย่เฉินว่า:“คุณชาย พวกเราไปกันเถอะ!”
เย่เฉินพูดว่า:“ฟ้าต่างมืดแล้ว ถ้าคุณอยากจะอยู่กับพ่อแม่นานอีกสักหน่อย เอาอย่างนี้ไหมพวกเราพักอยู่ที่นี่หนึ่งคืน? ผมสามารถไปหยิบเต็นท์ที่รถออกมาได้”
“คุณชายอย่าได้ยุ่งยากเลย”หลินหว่านเอ๋อร์พูดเบาๆว่า:“ข้าน้อยถึงแม้ว่าอยากจะอยู่กับพ่อแม่นานสักหน่อย แต่มิอาจให้คุณชายมานอนกลางดินกินกลางทรายตากน้ำค้างเป็นเพื่อนได้ ยิ่งไปกว่านั้น ข้าน้อยไม่ได้มีสถานะอะไร จะกล้าให้คุณชายมาเฝ้าวิญญาณของพ่อแม่เป็นเพื่อนได้อย่างไร วันหลังข้าน้อยจะมาเองคนเดียวถึงเวลานั้นค่อยว่ากันอีกทีเถอะ”
เย่เฉินไม่ได้คิดอย่างละเอียด เพียงแค่เอ่ยปากออกมาว่า:“กับผมคุณไม่ต้องเกรงใจอะไรมากนักหรอก เดิมทีผมก็ไม่ได้ต้องการการพักผ่อนอะไร อยู่ที่ไหนก็เหมือนกัน ทว่าฟ้าก็มืดแล้ว พวกเราต้องหาที่พักค้างคืนแล้ว ไม่งั้นก็ไปหาโรงแรมสักแห่งที่เมืองผู่เอ๋อร์ ไม่งั้นก็ต้องหาสถานที่กางเต็นท์ตั้งแคมป์”
ทันใดนั้นหลินหว่านเอ๋อร์ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ มองเย่เฉินอย่างเต็มไปด้วยความหวัง ถามออกมา:“คุณชาย ที่นี่ห่างจากสิบสองปันนาไม่ไกลแล้ว ถ้าตอนนี้พวกเราไปที่สิบสองปันนา คืนนี้ก็อยู่ที่ข้างสระสวรรค์ ตั้งแคมป์ที่สถานที่บำเพ็ญเพียรของมารดาแห่งชาผูเอ่อร์ในปีนั้นเถอะ!”
เย่เฉินมองเห็นเธอเต็มไปด้วยความหวัง ตอนนี้จึงพยักหน้าอย่างไม่ลังเลแล้ว พูดว่า:“งั้นก็ไปที่สิบสองปันนาเถอะ ก็ขับรถเพียงแค่สองชั่วโมงกว่า!”
พูดไป เย่เฉินก็พูดกับเธออีกว่า:“งั้นที่นี่สองวันนี้ก็ให้พนักงานของจื้อเฉิงกรุ๊ปดูแลต่อไปก่อน รอหลังจากคุณหนูซูซื้อกิจการมาเรียบร้อยแล้ว ผมค่อยให้เธอนำเอาพนักงานที่นี่เปลี่ยนเป็นคนของตัวเองที่เชื่อใจได้ ถึงเวลานั้นค่อยดึงคนมาจากสำนักว่านหลงย้ายมาสักหนึ่งชุดมารับผิดชอบดูแลเรื่องความปลอดภัย”
หลินหว่านเอ๋อร์พยักหน้าอย่างซาบซึ้งใจพูดออกมาว่า:“ทั้งหมดนี้ลำบากคุณชายแล้ว!”
จากนั้น ทั้งสองคนก็ลงมาจากภูเขาเอ้อหลาง
หวังจินเฉวียนมารออยู่ที่เชิงเขาตั้งนานแล้ว มองเห็นทั้งสองคนกลับมา รีบเดินหน้าเข้ามาสอบถามอย่างประจบสอพลอ:“ทั้งสองท่าน ไม่ทราบว่าพอใจต่อต้นชาต้นนั้นของพวกเรานั้นไหม?”
หลินหว่านเอ๋อร์พยักหน้า :“สายพันธุ์ของต้นชาถึงแม้จะไม่ได้ยอดเยี่ยมมาก แต่มีชัยที่อายุการเติบโตแล้ว คุณภาพก็ถือว่าไม่เลว พวกคุณงานด้านความปลอดภัยในสองวันนี้อย่าได้หย่อนยานเด็ดขาด ก่อนหน้าที่การซื้อกิจการจะเรียบร้อย ต้นชาต้นนี้ต้องไม่เกิดความเสียหายใดๆ”
“นี่คุณวางใจได้!”หวังจินเฉวียนพูดออกมาอย่างรวดเร็ว:“พวกเราเดิมทีก็มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองทีมย่อย ผลัดเปลี่ยนดูแลตลอด24ชั่วโมง ไม่มีทางปล่อยให้ต้นชาเกิดอะไรขึ้นอย่างแน่นอน!”
เย่เฉินที่อยู่ด้านข้างเอ่ยปากออกมา:“โอเค หัวหน้าหวัง งั้นที่นี่ก็มอบให้คุณแล้ว พวกเราทั้งสองยังมีธุระอย่างอื่นอีก งั้นก็ต้องขอตัวก่อนแล้ว”
หวังจินเฉวียนถามอย่างประหลาดใจ:“ทั้งสองท่าน ตอนนี้ฟ้าต่างมืดแล้ว อย่าได้รีบร้อนเดินทางเลย ผมได้ให้คนเตรียมอาหารชั้นเลิศเหล้าชั้นดีเอาไว้ที่โรงอาหารแล้ว เอาอย่างนี้ไหมท่านทั้งสองทานอาหารเสียก่อน คืนนี้ผมจะจัดการเรื่องปัญหาที่พักให้กับท่านทั้งสองเอง!”
“ไม่ต้องแล้ว”เย่เฉินยิ้มเล็กน้อย พูดว่า:“ขอบคุณสำหรับน้ำใจของหัวหน้าหวังอันนี้ แต่ว่าพวกเราทั้งสองค่อนข้างรีบร้อนจริงๆ จึงไม่เสียเวลาอยู่ที่นี่แล้ว”
หวังจินเฉวียนมองเห็นทั้งสองคนตัดสินใจแล้ว จึงทำได้เพียงพยักหน้าพูดว่า:“กระนั้นเป็นเช่นนี้ งั้นผมก็จะไม่ยื้อท่านทั้งสองแล้ว”
เย่เฉินกับเขาจับมือกันแล้ว จึงพาหลินหว่านเอ๋อร์ขึ้นรถแล้ว ภายใต้ความมืด ขับรถออกไปจากโรงงานของจื้อเฉิงกรุ๊ปแล้ว มุ่งหน้าไปยังสิบสองปันนา
ตามหาสระสวรรค์ที่หลินหว่านเอ๋อร์เคยใช้ชีวิตอยู่ในปีนั้นไม่ใช่เรื่องยากอะไร สระสวรรค์ของสิบสองปันนาในความหมายที่แท้จริงมีเพียงสระเดียว ชื่อเรียกว่าสระสวรรค์ยู่หลงในแผนที่สามารถหาเจอได้อย่างง่ายดาย ตอนนี้ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของสิบสองปันนาไปแล้ว
แต่ว่า เนื่องจากสถานที่ท่องเที่ยวของสิบสองปันนาที่เป็นที่ยอดนิยมคือสวนอุทยานใหญ่ๆต่างๆรวมถึงเขตอนุรักษ์ธรรมชาติ ดังนั้นสระสวรรค์ยู่หลงจุดท่องเที่ยวอันนี้เมื่อเปรียบเทียบดูแล้วไม่เป็นที่นิยม เนื่องจากไม่เป็นที่รู้จักมากนัก สระสวรรค์ยู่หลงถือว่าพัฒนาไปอย่างค่อนข้างล่าช้า บวกกับด้านข้างสระสวรรค์จนถึงทุกวันนี้ยังมีหมู่บ้านเก่าแก่หลายแห่งที่ยังไม่ได้ย้ายถิ่นฐานที่ตั้ง ดังนั้นการพัฒนาการท่องเที่ยวของที่นี่ยิ่งล่าช้า