ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5766 ไข่อีสเตอร์ที่ถูกซ่อนไว้ (1)
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน นิยาย บท 5766
เย่เฉินไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า การที่ตนได้มาตั้งแคมป์อยู่บนภูเขาในเตียนหนาน จะทำให้เขาได้พบกับผู้ป่วยมะเร็งทั้งสองคนซึ่งอายุยังน้อยอยู่ด้วย
เเละยิ่งคาดไม่ถึงว่าทั้งสองคนนั้น ต่างก็ต้องการไปที่จินหลิงเพื่อเข้าร่วมการวิจัยทดลองทางคลินิกของบริษัทผลิตยาเก้าเสวียน เเต่พวกเขาทั้งคู่ก็ถูกปัดตกจากการได้รับโควต้า
เเต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจที่สุดก็คือ ชายหนุ่มที่ชื่อว่าหูเล่อฉีคนนี้ ดันรู้จักกับเจมส์ สมิธไปเสียได้
ทุกคนต่างก็ต้องประหลาดใจที่ได้ยินว่า คนที่เคยเป็นผู้รับผิดชอบดูแลองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาFDA ได้สมัครใจลาออกจากตำแหน่งของเขาและไปทำงานการกุศลที่จินหลิง นี่มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อจนเมื่อใครได้ฟังเเล้วก็ต้องตกตะลึงไปตามๆ กัน
เย่เฉินแสร้งทำเป็นถามหูเล่อฉีด้วยความอยากรู้อยากเห็น ” เหล่าหู คุณสนิทสนมคุ้นเคยกับคุณเจมส์ สมิธคนนั้นมากเลยเหรอ ? ”
หูเล่อฉีตอบด้วยท่าทางสบายๆ ” ก็ไม่ถึงกับสนิทสนมหรอก ตอนที่เขายังไม่ลาออก เขาเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่งของสหรัฐอเมริกา คนที่เข้ามาติดต่อธุรกรรมกับ FAD ก็ล้วนเเต่เป็นกลุ่มบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์และกลุ่มผู้ประกอบการชั้นนำของโลกทั้งนั้น คนอย่างเจมส์ สมิธ เรียกได้ว่าเป็นคนที่มีความโดดเด่นในเเวดวงสังคมชั้นสูงเป็นอย่างมาก คนธรรมดาสามัญอย่างผม จะมีโอกาสไปรู้จักคนระดับนั้นได้อย่างไรกันล่ะ ”
หูเล่อฉีกล่าวเสริมขึ้นอีกว่า ” อันที่จริง ผมได้รู้จักเขาก็ตอนที่ไปลงทะเบียนเข้าร่วมงานวิจัยทดลองที่บริษัทผลิตยาเก้าเสวียนนั่นแหละ ตอนนั้นเขาพาลูกไปสมัครลงทะเบียนที่นั่นพอดี ในแวบแรกที่เห็นก็ไม่มีอะไรที่พิเศษผิดแปลกไปจากปกติ คนรอบข้างก็ดูเหมือนจะไม่มีใครจำเขาได้เลย ที่ผมจำเขาได้ก็เพราะว่าที่สหรัฐอเมริกา ผมเรียนด้านสาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพน่ะ เด็กที่เรียนสาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ สาขาเทคโนโลยีพันธุศาสตร์ รวมถึงสาขาเคมีและเภสัชกรรมทั่วอเมริกา ไม่น่าจะมีใครที่ไม่รู้จักเขา อย่างน้อยๆ เขาก็เคยเป็นบุคคลระดับปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชาชีพของพวกเรา ”
เย่เฉินรู้สึกตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นจึงถามต่อไปอีกว่า ” สาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพที่คุณเรียน มุ่งเน้นไปทางด้านไหนเหรอ ? ใช่ด้านการวิจัยและพัฒนาชีวเภสัชภัณฑ์รึเปล่า ? ”
” ถูกต้อง ” หูเล่อฉีผงกศีรษะงึกๆ พลางกล่าวว่า ” วิชาเอกของผมคือสาขาชีวเคมี หลังจากเรียนจบ ผมวางแผนไว้ว่าจะเข้าไปทำงานที่บริษัทยาและเวชภัณฑ์ เเละมีส่วนร่วมในการพัฒนายาเคมีบำบัดรุ่นใหม่ๆ เเต่ผลสุดท้าย ยังไม่ทันจะได้คิดค้นพัฒนายาตัวใหม่ๆ ออกมา ตัวเองดันกลายมาเป็นผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายเสียก่อน ”
ขณะที่พูดอยู่นั้น หูเล่อฉีพลันถอนหายใจออกมาเบาๆ เเต่เขายังคงยิ้มได้ ” นี่สินะที่เขากล่าวกันว่า วีรบุรุษออกศึกยังไม่ทันคว้าชัย ตัวดันมาตายเสียก่อน อยากออกไปฆ่าศัตรูและรับใช้ชาติอย่างห้าวหาญ สุดท้ายกลับมาตายก่อนจะได้ใส่ชุดทหารเสียอีก ”
ซูหลานที่อยู่ข้างๆ เผยอยิ้มพร้อมกับเอ่ยขึ้น ” ทุกคนต่างก็มีชะตากรรมของตัวเอง เช่นเดียวกันกับพวกเราที่มาท่องเที่ยวอยู่ที่นี่ในเวลานี้ ฉะนั้น การได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขก่อนจะกลับไป ย่อมสำคัญยิ่งกว่าอะไรทั้งปวง ”
หูเล่อฉีพยักหน้าอย่างเนิบช้า เเล้วจึงยื่นมือไปโอบกอดซูหลานด้วยความอ่อนโยน เขายิ้มพลางกล่าวว่า ” เท่านี้เทพยดาบนสวงสวรรค์ก็ดีกับผมมากเเล้ว ท่านได้ประทานรักแท้ในชีวิตมาให้ก่อนที่ผมจะจากโลกนี้ไป ชีวิตในชาตินี้ก็ไม่สูญเปล่าแล้วล่ะ ”
ใบหน้าของซูหลานพลันแดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะแสร้งทำเป็นโมโหฉุนเฉียว ” แหม่ หวานจนเลี่ยนเลยนะคุณ ”
หูเล่อฉีกล่าวพลางหัวเราะชอบใจ ” เวลาที่ผมจะได้แสดงออกถึงความในใจ มันก็เหลืออีกไม่มากเเล้วนะ ผมเลยต้องรีบปลดปล่อยความรู้สึกภายในใจ ให้มันพรั่งพรูออกมาโดยเร็วที่สุด ”
ขณะที่เขากำลังพูดอยู่นั้นเอง สายตาของเขาพลันจับจ้องไปที่ซูหลาน จากนั้นจึงฉีกยิ้มกว้างพลางเอ่ยถามเธอด้วยเสียงอันดังก้อง ” ซูหลาน คุณจะแต่งงานกับผมไหม ? ”
ซูหลานตัวแข็งทื่อเพราะความตกตะลึงไปในบัดดล ทว่า ในเสี้ยววินาทีต่อจากนั้น บรรดากองเชียร์ที่อยู่ข้างๆ ก็พากันคึกคักเฮฮาขึ้นมาทันที
ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ดูอายุไล่เลี่ยกับหูเล่อฉี พลันกล่าวขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ” อั้ยย๊ะ ! เหล่าหู นี่นายกำลังขอสาวเเต่งงานเหรอวะ ? ”
หูเล่อฉียิ้มแหยๆ ด้วยความเขินอาย ” น่าจะประมาณนั้นแหละ แต่น่าเสียดายที่ไม่ทันได้เตรียมแหวนหมั้นมาด้วย ”
จากนั้น เขาก็หันไปมองใบหน้าของซูหลานอีกครั้ง และเอ่ยถามเธอด้วยความจริงใจอย่างสุดซึ้ง ” ซูหลาน คุณยินดีแต่งงานกับผมไหม ? ”
เมื่อซูหลานกลับมามีสติสัมปชัญญะ เธอจึงเม้มริมฝีปากแล้วตอบกลับไป ” เวลาก็คงเหลืออีกไม่มากเเล้ว คุณอยากแต่งงานจริงๆ น่ะเหรอ ? การแต่งงานเป็นเรื่องที่ลำบากวุ่นวายมาก ไหนจะต้องไปพบพ่อแม่ เลือกชุดแต่งงาน จองโรงแรม เเล้วก็ต้องเตรียมงานแต่งงานอีก แทนที่เราจะไปเสียเวลามากมายกับสิ่งเหล่านั้น สู้เราอยู่ด้วยกันอย่างเรียบง่ายไม่ดีกว่าเหรอ แบบนี้เราสองคนก็จะได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้นอีกด้วย จริงไหมล่ะ ? ”
หูเล่อฉีนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็มองไปที่ซูหลาน พร้อมกับกล่าวด้วยท่าทางที่จริงจังมากขึ้นกว่าเดิม ” ก่อนผมจะตาย ผมอยากจะสัมผัสประสบการณ์ที่ผมยังไม่เคยได้พบเจอมาก่อน ถ้าเป็นไปได้ ผมก็อยากจะพาคุณไปใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกาด้วยกัน… ”
ซูหลานส่งยิ้มหวานให้เขา พลางตอบกลับว่า ” หลังจากทริปเดินป่าในครั้งนี้ พวกเราทั้งคู่ก็ต้องเเยกย้ายกันไปทำคีโมเเล้ว เมื่อใดก็ตามที่เราได้เริ่มทำเคมีบำบัด ร่างกายจะเข้าสู่ภาวะถดถอยลงไปอย่างมาก เมื่อถึงเวลานั้น คุณอาจไม่สามารถขยับเขยื้อนไปไหนได้อีกแล้ว อีกอย่าง คุณเองก็ต้องกลับไปรักษาตัวที่อเมริกา ส่วนฉันก็ต้องไปเข้ารับการรักษาที่เย่นจิง ถ้าหากต้องไปเตรียมจัดงานแต่งงานด้วยล่ะก็ เกรงว่าอาจจะทำให้การรักษาล่าช้าออกไปอีกได้ “