ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5726 ผู้น่าสงสัยที่สุด (1)
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน นิยาย บท 5726
อาหารอร่อยหลากหลายเกือบทั้งหมดนี้ปรุงโดยพ่อครัวของเทียนเซียงฝู่ เย่เฉินได้กินอาหารของเทียนเซียงฝู่มาไม่น้อย ดังนั้นเขาจึงไม่ประหลาดใจในรสชาติ ตรงกันข้าม ข้าวกล่องของคุณยายในวัยเด็กกลับทำให้เขารู้สึกดี
ตระกูลอานดูมีความสุขมาก แต่ละคนรินไวน์ให้ตัวเองจนเต็มแก้ว สมาชิกในตระกูลมาดื่มอวยพรให้เย่เฉิน ความตื่นเต้นนั้นเกินคำบรรยาย
หลังจากดื่มไวน์ไป 2-3 แก้ว ตระกูลอานก็เริ่มสนทนากันจากใจจริง พวกเขาพากันเอ่ยถามเรื่องชีวิตของเย่เฉินในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ พวกเขายังแนะนำเย่เฉินถึงละเอียดที่ตระกูลอานทำในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
จากนั้นทุกคนก็พูดถึงเรื่องที่เย่เฉินช่วยตระกูลอานจากอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า
นี่เป็นการเปิดโอกาสให้เย่เฉินได้พูดคุยเรื่องอันตรายที่ซ่อนอยู่ ณ ปัจจุบันของตระกูลอาน
เย่เฉินพูดว่า “จากการคาดเดาขอผม ผมคิดว่าองค์กรพั่วชิงคงมีสายลับอื่นอยู่ในตระกูลอานอีกแน่นอน มิฉะนั้นอีกฝ่ายจะรู้ถึงการเคลื่อนไหวทั้งหมดของตระกูลอานได้ยัง ซึ่งนี่คือเหตุผลที่ผมให้หงห้าปิดกั้นสัญญาณที่นี่ ไม่ให้ติดต่อกับโลกภายนอก เพราะกลัวว่าเรื่องเมื่อคืนจะรั่วไหลออกไป”
ปู่ของเย่เฉินพูดขึ้นว่า “เฉินเอ๋อ ถ้ายังมีคนทรยศอยู่ในตระกูลอาน คิดว่าอะไรคือแนวทางในการตามหาคนคนนี้ให้พบ?”
เย่เฉินตอบว่า “ผมเชื่อว่าคนทรยศจะไม่ปรากฏตัวในตระกูลอานอย่างแน่นอน แต่มีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะเข้าใกล้คนของตระกูลอาน”
คุณตาพยักหน้าพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “คนสุดท้ายที่ประสบอุบัติเหตุคือลี่ฉิน เธอและน้าสามของนายพบกันที่มหาวิทยาลัย ตอนที่พวกเขารู้จักกัน พ่อแม่ของนายเพิ่งเสียชีวิตลง สันนิษฐานว่าไม่นานหลังจากที่พ่อแม่นายเสียชีวิต พวกเขาก็เริ่มแทรกซึมเข้าไปในตระกูลอันอย่างเงียบ ๆ ”
เย่เฉินเห็นด้วยกับการคาดเดานี้ “จากรายละเอียดที่อาของผมเล่ามาในวันนี้ ผมคิดว่าพ่อแม่ของผมไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์กรพั่วชิงก่อนที่พวกเขาจะออกจากสหรัฐอเมริกา หลังจากที่พวกเขาได้รับจิ่วเสวียนจิงซวี้แล้ว จึงเริ่มสำรวจในทิศทางนี้ ทำให้มีโอกาสติดต่อกับองค์กรพั่วชิง”
จากนั้นเย่เฉินก็พูดขึ้นอีกว่า “อีกอย่าง องค์กรพั่วชิงยังมีจุดที่พิเศษมาก นั่นคือพวกเขาจะใช้คนของตัวเองเท่านั้นเวลาทำงาน ที่เรียกว่าคนของตัวเองก็คือคนที่อยู่ในน้ำมือของพวกเขาอย่างว่าง่าย ไม่ว่าจะเป็นทหารหน่วยกล้าตายหรือทหารม้ากล้า หรือสมาชิกที่ได้ส่งไปตามประเทศต่าง ๆ ดังนั้นผมจึงคาดเดาว่าสายลับในตระกูลอานของพวกขา น่าจะเป็นคนของตัวเอง ไม่ใช่การซื้อตัวของคนตระกูลอาน”
“จากข้อมูลนี้ ผมคิดว่าทุกคนที่มาตั้งถิ่นฐานก่อนที่พ่อแม่ของผมจะเดินทางออกจากสหรัฐอเมริกา สามารถตัดความน่าสงสัยไปได้ และทุกคนที่มาตั้งถิ่นฐานหลังจากที่พ่อแม่ของผมออกจากสหรัฐอเมริกา จะต้องได้รับการสอบสวนอย่างละเอียดถี่ถ้วน”
ชายชราขมวดคิ้วพูดว่า “มีเพียงสองคนที่มาตั้งรกรากหลังจากที่พ่อแม่ของนายออกจากสหรัฐอเมริกา คนหนึ่งคือน้าสะใภ้สามและอีกคนคือสามีน้าเล็กของนาย……”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาก็เงยหน้าขึ้นมองอานโยวโยวโดยไม่รู้ตัว
ทันใดนั้นอานโยวโยวก็ประหม่าเล็กน้อยและโพล่งออกมาว่า “พ่อคะ จื้อหมินไม่น่ามีอะไรต้องสงสัยนี่คะ ตระกูลของเขาเป็นครอบครัวชาวจีนที่อาศัยในสหรัฐอเมริกามายาวนานไม่ใช่หรือไง? อีกอย่าง เรารู้จักกันในแวดวงธุรกิจ ตระกูลอานเข้าไปทำความร่วมมือกับพวกเขาก่อน จากนั้นเราจึงค่อย ๆ สนิทกัน……”
อานฉี่ซานพูดอย่างจริงจังว่า “โยวโยว เล่ห์เหลี่ยมของศัตรูมากเกินที่เราจะจินตนาการ ดังนั้นอย่าได้มั่นใจในเรื่องนี้มากเกินไป”
จู่ ๆ สีหน้าของอานโยวโยวก็วิตกขึ้นเล็กน้อย เธอรู้จักสามีของเธอมา 10 กว่าปี ตอนนี้ลูกสาวของเธอก็อายุ 12 แล้ว เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสามีของเธอจะน่าสงสัยตรงไหน