ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5721 น้ำใจของพวกคุณผมรับเอาไว้แล้ว ได้โปรดรับน้ำใจของผมเอ
- Home
- ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
- บทที่ 5721 น้ำใจของพวกคุณผมรับเอาไว้แล้ว ได้โปรดรับน้ำใจของผมเอ
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน นิยาย บท 5721
เวลาห่างยี่สิบปี ครั้งแรกที่ได้กินข้าวกับครอบครัวคุณตาคุณยายด้วยกัน แต่ยังไม่ทันได้กินข้าว เย่เฉินก็รู้สึกว่าสมองของตัวเองไม่พอใช้แล้ว
เขาไม่ได้บอกคุณตา คุณยายรวมทั้งหลี่ญ่าหลิน เรื่องที่ตัวเองได้ตำราเก้าเสวียนเทียน จนถึงตอนนี้ เขาบอกเรื่องนี้ให้เพียงหลินหว่านเอ๋อร์เท่านั้น ไม่ได้เป็นเพียงเพราะ หลินหว่านเอ๋อร์ได้แบ่งปันความลับที่เธอใช้ชีวิตเกือบสี่ร้อยปีกับตัวเองหรอก ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ ส่วนลึก ๆ ในใจเขาคิดว่า ตัวเองกับหลินหว่านเอ๋อร์ได้มีจุดที่คล้ายกันอย่างยิ่ง ในระดับหนึ่ง ถึงขนาดที่พูดได้ว่าเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันอยู่ด้วย บอกว่าเป็นคนรู้ใจ ก็ไม่ถือว่ามากเกินไปเลยสักนิด
ในเวลานี้ เย่เฉินคิดเพียงอยากเจอหลินหว่านเอ๋อร์ให้เร็วที่สุดเท่านั้น
เนื่องจากเขาคิดตามจิตใต้สำนึกว่า เรื่องดวงชะตาเกิดมังกร จิ่วเสวียนจิงซวี้กับตำราเก้าเสวียนเทียน ตัวเองบอกให้หลินหว่านเอ๋อร์ฟังเพียงเท่านั้น หลินหว่านเอ๋อร์มีประสบการณ์และความรู้ที่กว้างขวาง ไม่แน่ว่าสามารถตอบคำถามความงงงวยในใจให้ตัวเองได้
ต่อให้หลินหว่านเอ๋อร์ไม่รู้ความลี้ลับในนี้ก็ตาม ถ้าอย่างนั้นเย่เฉินก็คิดว่า เธอเป็นคนที่ไว้ระบายความในใจที่เยี่ยมที่สุด ความงงงวยในใจพวกนี้ของตัวเอง สามารถพูดให้เธอฟังได้
แม้ว่าเย่เฉินไม่ได้เปิดเผยออกมาโดยตลอด แต่ตั้งแต่หลังจากที่แบ่งปันความลับที่ส่วนลึกที่สุดในใจของตัวเองให้เธอ ที่คฤหาสน์นอกของหลินหว่านเอ๋อร์ ในใจของตัวเองก็มีความรู้สึกผ่อนคลายอย่างหนึ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน
แม้ว่าเขากับหลินหว่านเอ๋อร์เคยพบเจอกันไม่กี่ครั้งเพียงเท่านั้น แต่ต่างถืออีกฝ่ายเป็นคนที่ควรค่าแก่การไว้วางใจที่สุด
ในเวลานี้ คุณท่านอานฉี่ซานเหมือนจะมองออกว่าเย่เฉินมีเรื่องในใจที่พูดยาก ครั้นแล้วเลยรีบพูดเบี่ยงประเด็น : “เฉินเอ๋อ เมื่อกี้แนะนำแค่น้าชายใหญ่ของเธอเพียงเท่านั้น ฉันแนะนำน้ากับน้าสาวสองคนที่เหลือของเธอให้เธอต่อนะ”
ว่าแล้ว เขาชี้ไปทางอานข่ายเฟิง แล้วเอ่ยปากบอก : “เฉินเอ๋อ คนนี้คืออานข่ายเฟิงน้าชายรองของเธอ ธุรกิจต่างประเทศของตระกูลอานในขณะนี้ก็ให้น้าชายรองของเธอรับผิดชอบทั้งหมด”
เย่เฉินมองอานข่ายเฟิง พูดพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย : “สวัสดีครับน้าชายรอง”
อานข่ายเฟิงเดินเข้าไปกอดเย่เฉิน แล้วเอ่ยปากบอก : “เฉินเอ๋อ จากนี้ตระกูลอานก็คือบ้านของเธอแล้ว มีความต้องการให้ตระกูลอานออกเงินหรือออกแรงอะไร เธอเอ่ยปากมาได้เต็มที่เลย !”
เย่เฉินพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นคุณท่านแนะนำอานจาวหนานให้อีก แล้วบอก : “เฉินเอ๋อ คนนี้คืออานจาวหนานน้าชายสามของเธอ”
เย่เฉินมองน้าชายสามแล้วบอก : “สวัสดีน้าชายสามครับ”
อานจาวหนานเองก็เข้าไปกอดเย่เฉินเบา ๆ และพูดพลางถอนหายใจอย่างอดไว้ไม่ได้ : “เฉินเอ๋อ ที่นครนิวยอร์กครั้งนั้น น้าชายสามรู้สึกขอบคุณเธออยู่เสมอมา หากว่าไม่ใช่เธอ น้าชายสามตาบอดเอง แถมจะทำร้ายคนตระกูลอานทั้งหมดด้วย……”
เย่เฉินตบต้นแขนด้านนอกของเขา แล้วพูดเอาจริงเอาจัง : “น้าชายสามไม่ต้องใส่ใจเรื่องนี้หรอกครับ เรื่องนี้คุณเป็นผู้เสียหายมากที่สุดต่างหาก”
อานจาวหนานได้ยินคำพูดนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจยาว ๆ เฮือกหนึ่ง
ภรรยาของตัวเองที่รวมเรียงเคียงหมอนมาสิบกว่าปี กลับเป็นศัตรูที่ซุกซ่อนอุบายฆ่าอยู่ข้างกายของตัวเองมาโดยตลอด ถึงขนาดที่ยังเกือบจะฆ่าตัวเองด้วย รวมทั้งพ่อแม่และพี่น้องของตัวเองด้วย ดังนั้น คนที่ได้รับบาดเจ็บมากที่สุดของเรื่องนี้ ก็คืออานจาวหนานเองอย่างแน่นอน
อานฉี่ซานเห็นอานจาวหนานมีสีหน้าหงอยเหงา จึงเอ่ยปากพูดปลอบใจ : “จาวหนาน เฉินเอ๋อพูดได้ถูกต้อง นายเป็นผู้รับความเสียหายที่มากที่สุด ดังนั้นไม่ต้องเอาแต่ตำหนิตัวเองอยู่ในใจไปเลย”
อานจาวหนานพยักหน้าเบา ๆ และพูดเบา ๆ : “ผมรู้แล้วครับพ่อ……”
อานฉี่ซานไม่ได้พูดมากอีก แล้วหันมาแนะนำน้าสาวของเย่เฉิน : “เฉินเอ๋อ คนนี้คืออานโยวโยวน้าสาวของเธอ ตอนที่เธอไปเยี่ยมครอบครัวที่สหรัฐอเมริกากับแม่ของเธอในครั้งสุดท้าย เขายังคงเป็นยัยหนูอยู่ ตอนนั้นคนที่แม่ของเธอเอ็นดูที่สุดก็คือเขา”
เย่เฉินพูดด้วยความเกรงใจ : “สวัสดีครับน้าสาว”
อานโยวโยวขอบตาแดงก่ำ เดินเข้ามากอดเย่เฉินเอาไว้พร้อมกับร้องห่มร้องไห้ พูดสะอึกสะอื้น : “ที่น้าสาวเฝ้าคอยมาหลายปีขนาดนี้ ในที่สุดก็เฝ้าคอยจนเฉินเอ๋อของบ้านเรากลับมาแล้ว เฉินเอ๋อของเราโตแล้ว มีความสามารถเก่งกาจ คุณพ่อคุณแม่ของเธอเป็นวิญญาณอยู่บนสวรรค์ จะต้องภาคภูมิใจมากแน่……”
อานโยวโยวอายุน้อยที่สุดในตระกูลอาน ย่อมได้รับความชื่นชอบมากที่สุดอยู่แล้ว
พี่สาวแท้ ๆ เลี้ยงดูเธอตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ นับได้ว่าเป็นแม่ครึ่งหนึ่ง ส่วนพี่ชายทั้งสามคนย่อมไม่ต้องพูด รักใคร่เธอหลากหลายแบบ
แม้ว่าคนที่คู่สามีภรรยาสูงอายุให้ความสำคัญที่สุดและรักมากที่สุดคือพี่ใหญ่อานเฉิงซี แต่อย่างไรก็ตามอานเฉิงซีเป็นอิสระไว นิสัยไม่ยอมคนอีก ถึงขนาดที่ในตอนแรกพ่อแม่ต้องให้ความเกรงใจผู้ใหญ่แก่เธอในทุกด้าน ถึงขนาดที่เชื่อฟังความเห็นและคำแนะนำของเธอ เมื่อเป็นเช่นนี้ ย่อมไม่ต้องไปเอาใจเธอ ครั้นแล้วสามีภรรยาสูงอายุจึงเพ่งความเอาใจของลูกสาวทั้งสองไปที่ตัวของอานโยวโยว
แต่ว่าอานโยวโยวไม่ได้อาศัยว่าตนได้รับความโปรดปรานแล้วทำท่าลำพองเลย กลับจะเป็นลูกสาวคนเล็กและน้องสาวคนเล็กที่ใกล้ชิดที่สุดในบ้านหลังนี้ และเธอได้รับอิทธิพลจากพี่สาวตั้งแต่เล็กอย่างแน่นแฟ้น รู้สึกสนิทกับพี่สาวมากที่สุด ต่อให้พี่สาวเสียชีวิตไปยี่สิบปี แต่เธอโตกว่าอายุตอนที่พี่สาวเสียไปแล้ว แต่พอนึกถึงอานเฉิงซี ยังคงกระตุ้นเงาของหญิงสาวตัวน้อยคนนั้นที่ก้นบึ้งหัวใจของเธอขึ้นมา
ถึงขนาดที่ในตอนนี้เธอมองเย่เฉิน ก็หวนนึกถึงความรักใคร่แบบต่าง ๆ จากพี่สาวในตอนนั้นโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว และเปลี่ยนเป็นรู้สึกสลดใจทันที
อานฉี่ซานมองหลี่ญ่าหลินในเวลานี้อีกครั้ง แล้วพูดด้วยท่าทีโกรธ ๆ : “เฉินเอ๋อ ไอ้บ้าญ่าหลินคนนี้ฉันไม่แนะนำให้เธอแล้วกัน เขารู้ตัวตนของเธอในตอนนี้เร็วกว่าพวกเราซะอีก”
หลี่ญ่าหลินรู้ว่าอานฉี่ซานตำหนิเรื่องที่ตัวเองไม่ได้เปิดเผยตัวตนของเย่เฉินมาโดยตลอดอยู่ ครั้นแล้วจึงพูดด้วยใบหน้าจนปัญญา : “ลุงอานครับ คุณเย่เป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตของผม ไม่มีเขา ถ้าตอนนี้ผมไม่โดนฝังศพไป ก็ยังแช่อยู่ในถังไนโตรเจนเหลว คุณเย่ขอร้องผมว่าอย่าเปิดเผยตัวตนของเขาอย่างชัดเจน คุณว่าผมคงไม่สามารถพูดกลับไปกลับมาต่อผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตได้หรอกนะครับ ?”