ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5704 ดวงชะตาเกิดไม่เพียงพอ (1)
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5704 ดวงชะตาเกิดไม่เพียงพอ (1)
อู๋เทียนหลินถูกสายตาของอู๋เฟยเยี่ยนทำให้ตกใจกลัวจะตัวสั่นสะท้าน คุกเข่าที่พื้นอย่างรีบร้อน โขกหน้าผากบนพื้นเข้าอย่างจัง แล้วพูดด้วยความหวาดผวาขั้นสุด : “กระผมสมควรตาย ขอให้ผู้มีพระคุณล้างบาปด้วยครับ !”
อู๋เฟยเยี่ยนเค้นเสียงหึ แล้วตำหนิ : “นับจากวันนี้ไป หากว่านายพูดมากอีกประโยค ก็ไสหัวกลับไปตามยถากรรมที่สุสานบรรพบุรุษเหลียวตงเถอะ !”
เหลียวตงภูมิลำเนาเดิมของตระกูลอู๋ สุสานของบรรพบุรุษตระกูลอู๋อยู่ที่นั่น
แต่ว่าสำหรับคนตระกูลอู๋ที่อยู่ในองค์กรพั่วชิงแล้ว เมื่อผู้มีพระคุณให้เขากลับไปเฝ้าสุสานบรรพบุรุษที่เหลียวตง งั้นก็เท่ากับเหมือนราชวงศ์ชิงถูกเนรเทศไปหนิงอัน
เมื่อไปแล้ว ชั่วชีวิตนี้ได้แต่ตายอยู่ที่นั่นแล้ว
อู๋เทียนหลินตื่นตระหนกขั้นสุด ตบปากตัวเองสองทีอย่างโหดเหี้ยม โขกหัวร้องตะโกนไม่หยุด : “กระผมสมควรตาย กระผมสมควรตาย ! ขอขอบพระคุณความเมตตากรุณาของผู้มีพระคุณครับ !”
อู๋เฟยเยี่ยนไม่ได้สนใจเขาอีก พูดราบเรียบ : “ไสหัวไปเถอะ จัดการเรื่องที่ฉันกำชับนายให้เรียบร้อยด้วยล่ะ !”
“กระผมรับทราบครับ !” อู๋เทียนหลินเหมือนยกภูเขาออกจากอก โขกหัวดังสามครั้งอีกที แล้วรีบหนีไปนอกประตูด้วยท่าทีหวาดกลัวจนลุกลี้ลุกลน
จู่ ๆ อู๋เฟยเยี่ยนตะโกน : “หยุด !”
แผ่นหลังของอู๋เทียนหลินเย็นวาบ รีบหันหน้ากลับไป แล้วถามด้วยตัวที่สั่นเทา : “ผู้……ผู้มีพระคุณ……คุณ……คุณยังมีคำสั่งอะไรอีกหรือครับ ?”
อู๋เฟยเยี่ยนถามเขา : “ผู้อาวุโสทั้งสามเป็นยังไงบ้างแล้ว ?”
อู๋เทียนหลินเห็นว่าอู๋เฟยเยี่ยนไม่ได้ซักถามตัวเอง พร้อมกับที่ถอนหายใจนั้น ก็พูดพร้อมกับรีบโค้งตัวลง : “เรียนผู้มีพระคุณ ตอนนี้ผู้อาวุโสทั้งสามต่างคอยอยู่ที่ห้องโถงลับ”
อู๋เฟยเยี่ยนขมวดคิ้ว แล้วถามเขา : “ตอนที่ฉันให้พวกเขากลับ นายได้สังเกตว่าพวกเขาทั้งสามคนมีความเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างไหม ?”
“เอ่อ……” อู๋เทียนหลินลังเลอยู่พักหนึ่ง แล้วพูดด้วยความนอบน้อม : “เรียนผู้มีพระคุณ ตอนที่คุณสั่งให้บินกลับ ผู้อาวุโสทั้งสามคนดูไม่ดีใจเท่าไหร่ครับ……”
“ไม่ดีใจ ?” อู๋เฟยเยี่ยนแสยะยิ้ม แล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก : “ทั้งสามคนนี้ไม่พอใจที่ฉันรบกวนเก็บตัวถือศีลของพวกเขา ดูท่านิสัยต่างก็เป็นแบบนี้ นายให้รางวัลเขากินข้าวหนึ่งชาม ไม่แน่ว่าเขาจะรู้สึกขอบคุณนาย แต่หากว่านายเอาข้าวที่เขากินไปครึ่งหนึ่งไปละก็ เขากลับจะแค้นใจนาย”
อู๋เทียนหลินถามด้วยความระมัดระวัง : “ผู้มีพระคุณครับ งั้นคุณคิดว่าควรจะทำอย่างไรดีครับ ?”
อู๋เฟยเยี่ยนพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก : “ให้รางวัล ! ย่อมควรจะให้รางวัลอยู่แล้ว ! นำทัพไปต่อสู้ ชนะแล้วก็ต้องให้รางวัล เหนื่อยแล้วก็ต้องให้รางวัล ไปเสียเที่ยวก็ยิ่งต้องให้รางวัล !”
ว่าแล้ว ก็พูดอีก : “แต่ว่า ไม่ได้ให้รางวัลตอนนี้หรอก ทิ้งพวกเขาเอาไว้ก่อน ให้พวกเขาบ่นอยู่ในใจไปเถอะ ให้รางวัลพวกเขาไปทันที จะทำให้พวกเขาคิดว่าเดิมทีตัวเองควรจะได้รางวัลอยู่แล้ว มิสู้ทำให้ความคิดของพวกเขาเองกระจัดกระจายไปก่อน เมื่อเวลาเหมาะสมก็ให้พวกเขารู้สึกเสียหน้าต่อการบ่นก่อนหน้านั้นของตัวเองเอา”
อู๋เทียนหลินฟังแล้วก็งงงวย กลับทำได้แต่พูดประจบ : “ผู้มีพระคุณทรงปรีชา กระผมเทียบไม่ติดเลย !”
อู๋เฟยเยี่ยนรู้ว่าเขาเป็นเพียงคนที่เอาแต่ประจบสอพลอเท่านั้น ครั้นแล้วเลยโบกมือแล้วพูดอย่างหงุดหงิด : “เอาล่ะ นายไปจัดเตรียมที่พักให้พวกเขา สองสามวันนี้อยู่เป็นเพื่อนพวกเขาให้เต็มที่ ที่เหลือ คอยฉันกลับมาค่อยว่ากัน”
อู๋เทียนหลินพูดโดยไม่ลังเลเลยสักนิด : “กระผมรับทราบครับ !”
หลังจากคอยให้อู๋เทียนหลินออกไป อู๋เฟยเยี่ยนเดินเตร่ไปที่ข้างหน้าแผนที่โลกที่ใช้เลเซอร์ส่องไปบนกำแพง
ห้องโถงใหญ่ยกสูงหกเมตรกว่า ส่องแผนที่โลกที่มีความสูงหกเมตร กว้างสิบสองเมตรที่กำแพงทุกด้าน
เธอดูเมียนมาบนแผนที่ มองเตียนหนานที่ติดกับเมียนมา และมองภูเขาแสนลี้ที่ห่างกับเตียนหนานพันลี้ ความรู้สึกก็ปลิวว่อนในทันที
เธอนึกถึงศิษย์พี่ของตัวเอง และนึกถึงอาจารย์ของตัวเอง
นึกถึงภาพเหมือนของอาจารย์ที่ถูกคนอื่นหยิบออกมาเตือนตัวเองในวันนี้ เธออดไม่ได้ที่จะพูดคนเดียวเบา ๆ : “อาจารย์ ดูท่าคุณดูถูกฉันกับศิษย์พี่จริง ๆ ก่อนหน้าที่คุณจากไปเป็นฉันกับศิษย์พี่ที่ติดตามอยู่ข้างกาย แต่ต่อให้เป็นแบบนี้ก็ตาม คุณก็ไม่เคยบอกความลับแห่งอายุวัฒนะให้พวกเรา ถึงขนาดที่ฉันเพิ่งรู้รายละเอียดความลับแห่งอายุวัฒนะจากคนอื่น หลังจากคุณตายไปสามร้อยกว่าปี ฉันอู๋เฟยเยี่ยน เข้าไปสู่ดวงตาธรรมของคุณไม่ได้เช่นนี้เลยงั้นเหรอ ? !”
คิดถึงตรงนี้ ความรู้สึกของอู๋เฟยเยี่ยนก็ย้อนกลับไปที่ปี 1650 เมื่อสามร้อยกว่าปีก่อนในชั่วพริบตา