ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5668 เอาชนะใจคน(2)
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5668 เอาชนะใจคน(2)
“อีกทั้ง ได้ยินเสียงของเขา เหมือนกับว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บเลยสักนิด!”
คำถามจำนวนนับไม่ถ้วนทำให้จิตใจของหยุนหรูเกอวุ่นวายราวด้ายพันกัน ในเวลาเดียวกันก็ยิ่งตื่นตระหนกลนลาน
ถึงแม้ว่าเธอจะสามารถควบคุมปราณทิพย์ เป็นยอดฝีมือของในยอดฝีมือ แต่เมื่อลางสังหรณ์ของความตายเต็มไปทั่วทั้งร่างกาย เธอก็จะรู้สึกถึงความไร้หนทางและหวาดกลัว
ในเวลานี้ เย่เฉินที่อยู่ห่างออกไปจากหินยักษ์เห็นว่าเธอไม่ตอบสนอง ก็กล่าวพร้อมรอยยิ้มเล็กน้อย: “ท่านเอิร์ลติ้งหยวน ตอนนี้ผลการฝึกฝนของคุณหายไปหมดแล้ว อีกทั้งร่างกายยังได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณอาจจะออกไปไม่ได้แม้แต่หุบเขานี้ ผู้มีพระคุณอันชาญฉลาดทรงพลังท่านนั้นของคุณ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะตามมาช่วยคุณได้ภายในระยะเวลาอันสั้นนี้ แทนที่คุณจะรอความตายอย่างสิ้นหวังที่นี่ ไม่สู้พวกเรานั่งลงคุยกันดีดีสักครั้ง คุณว่าเป็นอย่างไร?”
ทันทีที่ได้ยินเย่เฉินเอ่ยถึงผู้มีพระคุณ ทั่วทั้งตัวของหยุนหรูเกอก็สั่นระริกทันทีอย่างควบคุมเอาไว้ไม่ได้
เมื่อหวนรำลึกไปถึงสภาพอันน่าเวทนาตอนที่ท่านเอิร์ลฉางเซิ่งตาย ภายในใจของเธอทั้งตื่นตระหนกทั้งเกลียดชัง แล้วก็คิดโยงไปถึงในจุดหนีว๋านของตนเอง ก็มีค่ายกลระเบิดตนเองที่อานุภาพรุนแรงอันหนึ่งอยู่เช่นกัน เธอก็ยิ่งรู้สึกวิตกกังวลอย่างรุนแรง
สำหรับเธอแล้ว ยอมจบชีวิตตนเองกลางหุบเขาอันเงียบสงัดนี้ ก็ไม่ยอมกลับไปอยู่ข้างกายของผู้มีพระคุณ เพื่อเป็นระเบิดเนื้อคนต่อไป
อีกอย่าง เธอเองก็ไม่รู้ว่า ค่ายกลที่ผู้มีพระคุณทิ้งเอาไว้ในจุดหนีว๋านของท่านเอิร์ลทั้งสี่ท่าน แท้ที่จริงแล้วรูปแบบการก่อให้เกิดมีกี่ประเภท
ตอนนี้ดูเหมือนว่า ใช้วิชาที่เรียกว่าเปิดจุดหนีว๋านที่ผู้มีพระคุณสอน เป็นวิธีการที่ทำให้เกิดการกระตุ้นประเภทหนึ่ง
นอกจากนี้ ไม่รู้ว่าผู้มีพระคุณสามารถใช้ความคิดในการทำให้ค่ายกลเกิดระเบิดได้ด้วยหรือไม่
ด้วยความเข้าใจที่หยุนหรูเกอมีต่อผู้มีพระคุณ ผู้มีพระคุณจะต้องทิ้งทางหนีทีไล่บางอย่างเอาไว้อย่างแน่นอน ไม่แน่ว่าเพียงแค่ตนเองอยู่ภายในขอบเขตการรับรู้ของเธอ เธอก็สามารถทำให้ตนแหลกเป็นเถ้าถ่านได้ตลอดเวลา
ครุ่นคิดครู่หนึ่ง เธอกัดฟัน กล่าวอย่างอ่อนแรง: “ในเมื่อคุณเย่อยากจะพูดคุย ถ้าอย่างนั้นดิฉันก็แล้วแต่คุณเลย!”
คำว่าดิฉันของหยุนหรูเกอนี้ กล่าวออกมาจากใจโดยสิ้นเชิง
เธอเห็นกับตาตนเองว่าท่านเอิร์ลฉางเซิ่งที่อยู่ต่อหน้าเย่เฉินถูกตีจนไร้เรี่ยวแรงเอาคืน เมื่อทราบว่ากำลังของเย่เฉินแข็งแกร่งกว่าตนเองมากนัก
ประกอบกับคาดไม่ถึงว่าเย่เฉินจะไม่ได้รับความเสียหายจากการอยู่ท่ามกลางการระเบิดเมื่อครู่นี้เลยสักนิด ก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกว่ากำลังของเย่เฉินลึกล้ำเกินจะหยั่งถึง ดังนั้นจึงใช้คำว่าดิฉันเรียกตนเองโดยไม่รู้ตัว
พูดจบ หยุนหรูเกอพยายามอยากจะลุกขึ้นยืน
ถึงแม้จะได้เลือกที่จะก้มหัวให้แก่เย่เฉินแล้ว แต่เธอในฐานะที่เป็นนักบำเพ็ญเพียรคนหนึ่ง ไม่อยากให้เย่เฉินเห็นตนเองปีนออกมาจากรอยแยกของหินยักษ์ก้อนนี้
แต่ว่า ร่างกายของเธอในเวลานี้ได้รับความเสียหายอย่างหนัก จากพื้นที่การระเบิดคลานมาตลอดทางจนถึงที่นี่ก็ใช้กำลังที่มีทั้งหมดของเธอเกือบหมด ดังนั้นตอนที่ให้เธอพยายามลุกขึ้นยืน ขาทั้งสองข้างก็สั่นสะท้านราวกับเขย่าตะแกรง
เมื่อเธอขบกราม ตอนที่คิดจะลองก้าวเท้าออกมา ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดรุนแรงที่ส่งมาจากขาขวาของเธอทันที จากนั้นทั้งตัวก็ล้มไปข้างหน้าอย่างควบคุมไม่ได้
เมื่อเห็นหยุนหรูเกอล้มลงไปบนก้อนกรวดที่อยู่ข้างหน้า กำลังจะกระแทกลงไปบนก้อนกรวดอันแหลมคมอย่างรุนแรง เย่เฉินรีบตบฝ่ามือที่ว่างเปล่าออกไปทางเธอทันที
วาตะที่รุนแรงพุ่งออกไปจากฝ่ามือ ก่อให้เกิดสายลมที่รุนแรงขึ้นมาทันที สายลมที่รุนแรงนั้นรวดเร็วมาก คาดไม่ถึงว่าจะทำให้ร่างกายที่ล้มไปสี่สิบห้าองศาของหยุนหรูเกอ ยันเอาอย่างมั่นคงกลางอากาศ!
ตอนที่ร่างกายของหยุนหรูเกอจะล้มลงไปตอนนั้น ก็ได้ยอมจำนนต่อโชคชะตาแล้ว เธอว่าถ้าหากตนเองล้มลงไปครั้งนี้ ใบหน้าทั้งใบก็จะเสียหายอย่างหนัก แต่ตอนนี้ ร่างกายของตนได้เหมือนกับคนพิการโดยสมบูรณ์แล้ว ทำได้แค่เพียงมองดูตนเองล้มไปทางข้างหน้า ยากที่จะย้อนเวลากลับ
แต่ว่า เธอฝันก็คิดไม่ถึงว่า เย่เฉินที่ยังอยู่ไกลกับตนเองหลายจั้ง คาดไม่ถึงว่าทันทีที่ตบฝ่ามือออกไปก็จะเกิดวาตะที่รุนแรงกลุ่มหนึ่งขึ้น!
และวาตะกลุ่มนี้ ไม่เพียงไม่ได้ก่อให้เกิดการบาดเจ็บใดๆต่อตนเอง ยิ่งไปกว่านั้นยังเหมือนกับกำแพงลมกลุ่มหนึ่ง ยันร่างกายของตนที่กำลังจะล้มเอาไว้อย่างมั่นคง!
ในขณะที่เธอกำลังตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง และตอนที่ร่างกายลอยเคว้งในมุมสี่สิบห้าองศา หางตาของเธอก็เห็นเย่เฉินสาวเท้ายาวมุ่งหน้ามาทางตนเอง
และตอนที่วาตะกำลังค่อยๆอ่อนแรงลง ในตอนนั้นที่เห็นว่าตนเองกำลังจะล้มลงไปบนพื้นอีกครั้ง เย่เฉินก็เดินมาที่ด้านหน้าของตนเองแล้ว
จากนั้น ร่างกายของหยุนหรูเกอก็ถูกเย่เฉินใช้มือข้างขวาประคองเอาไว้อย่างมั่นคง มือขวาของเย่เฉินออกแรงเล็กน้อย ก็นำร่างกายของเธอประคองตั้งตรง
หยุนหรูเกอถอนหายใจอย่างโล่งอก กำลังจะอ้าปากกล่าวขอบคุณ มือข้างซ้ายของเย่เฉินก็สะบัดเข้ามาที่ใบหน้าของเธอทันที!
เมื่อหยุนหรูเกอเห็นลักษณะของมือข้างซ้ายของเย่เฉินที่มาอย่างรวดเร็ว ยังคิดว่าเขาจะตบหน้าตนเอง ในขณะเดียวกันภายในหัวสมองก็มีคำถามมากมายปรากฏขึ้น แล้วก็มีความคับแค้นใจอย่างรุนแรง
เธอมีชีวิตมาร้อยกว่าปี ยังไม่เคยถูกใครตบหน้า
แต่ว่า ภายในใจของเธอก็ชัดเจนมากเช่นกัน ตนเองในตอนนี้กลายเป็นนักโทษของเย่เฉิน ไม่ว่าเป็นการเหยียดหยามกับทรมานอย่างไรก็ตาม ตนเองก็ทำได้แค่ยอมรับ
แต่ตอนที่ภายในใจของเธอกำลังเกิดความอัปยศอดสูเป็นอย่างยิ่งนั้น มือข้างซ้ายของเย่เฉินกลับไม่ได้ตบเข้ามาบนใบหน้าของเธอ แต่ยัดโอสถสีดำทะมึนเม็ดหนึ่งเข้ามาในปากของเธอ
หยุนหรูเกอก็ยิ่งตื่นตระหนก ยังคิดอีกว่าเย่เฉินก็เหมือนกับผู้มีพระคุณ ป้อนยาพิษบางอย่างให้ตนกิน