ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5666 ท่านจะลังเลไม่ได้อีกแล้ว!(3)
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5666 ท่านจะลังเลไม่ได้อีกแล้ว!(3)
และในเวลาเดียวกัน ที่ริมขอบหุบเขาภายในรอยแยกหินธรรมชาติที่เกิดจากหินขนาดใหญ่ที่แตกละเอียดแห่งหนึ่ง ท่านเอิร์ลติ้งหยวนหยุนหรูเกอ ได้ยินเสียงหวีดหวิวของเฮลิคอปเตอร์ที่อยู่กลางท้องฟ้าของหุบเขา ภายในใจกังวลเป็นอย่างยิ่ง
เธอในตอนนี้ ร่างกายกำลังได้รับการความเสียหายอย่างหนัก เส้นลมปราณ จุดตันเถียนแม้กระทั่งอวัยวะภายในทั้งหมดก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส เธอได้พยายามอยากยากลำบากถึงจะปีนมาหลบที่ใต้ก้อนหินขนาดใหญ่ได้ชั่วคราว
เดิมที เธอตั้งใจว่าจะซ่อนตัวอยู่ที่นี่ ใช้เวลาสักสองสามวันเพื่อให้ฟื้นตัวสักเล็กน้อย จากนั้นค่อยคิดหาหนทางออกไป
ในขณะที่เธอกำลังวิเคราะห์ ถึงแม้ว่าเย่เฉินคนนั้นจะเห็นตนเองในตอนที่เกิดระเบิดแล้วนั้น แต่อานุภาพการระเบิดของท่านเอิร์ลฉางเซิ่งรุนแรงขนาดนั้น เย่เฉินมีเพียงความตายเท่านั้น
ดังนั้น เธอสามารถพินิจได้ว่า อีกฝ่ายไม่มีใครรู้ถึงการดำรงอยู่ของตน ตนสามารถรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ที่นี่ได้อย่างสบายใจ
แต่ทำไมเธอถึงคิดไม่ได้ว่า ทันทีที่วางแผนความปรารถนาสำเร็จ คาดไม่ถึงว่าจะมีเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งบินมา อีกทั้งเฮลิคอปเตอร์ลำนั้นยังบินวนอยู่ที่กลางหุบเขาตลอด เหมือนว่ากำลังตามหาอะไรบางอย่าง
เธอแอบครุ่นคิดภายในใจ: “ถ้าหากว่าคนพวกนั้นหาเย่เฉินไม่เจอจะไม่ตัดใจ ดังนั้นจึงมาตามหาเธออีกครั้ง?”
เมื่อคิดถึงตรวนี้ เธอรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย แอบกล่าว: “ของเพียงแค่ไม่พวกมันไม่ได้มาตามหาฉันก็พอ!”
จากนั้น เธอก็คิดถึงผู้มีพระคุณขึ้นมาทันที ภายในใจตื่นตะลึง: “วันนี้ท่านเอิร์ลฉางเซิ่งระเบิดตัวเอง ฉันก็ยังมาสูญหายไปอีก ผู้มีพระคุณจะต้องคิดหาหนทางมาสืบสวนให้ชัดเจน ฉันจะให้เธอรู้ว่าฉันยังมีชีวิตอยู่ไม่ได้อย่างเด็ดขาด!”
ดังนั้น เธอออกแรงล้วงโทรศัพท์มือถือของตน ออกมาจากด้านในกระเป๋ากางเกง
โทรศัพท์มือถือในเวลานี้ได้พังพินาศไปแล้ว แม้แต่แบตเตอรี่ก็ยังเกิดการบวมเนื่องจากเปลี่ยนรูป เมื่อเห็นเช่นนี้ ในที่สุดนางก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก คิดว่าโทรศัพท์มือถือเครื่องนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะรายงานตำแหน่งของตนไปยังผู้มีพระคุณได้อีกแล้ว
ผ่านไปประมาณสิบกว่านาที ในที่สุดเย่เฉินก็ฟื้นฟูเป็นปกติจากประสิทธิผลของยาก่อใหม่ เขาบิดลำคอไปมา ออกแรงบิดขี้เกียจภายในห้องโดยสารที่คับแคบ ทั่วทั้งตัวไม่ได้มีท่าทางบาดเจ็บสาหัสหรืออ่อนแอเลยสักนิด
หลินหว่านเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างร้องขึ้นด้วยความประหลาดใจทันที: “คุณชายคุณฟื้นตัวแล้ว?”
เย่เฉินพยักหน้า กล่าว: “ร่างกายฟื้นตัวแล้ว แต่ปราณทิพย์ยังไม่ฟื้นตัว”
พูดไป ก็ควักยาเสริมชี่ปราณออกมาอีกสองเม็ด แล้วยัดเข้าไปในปาก
ทันทีที่โอสถลงไปในกระเพาะ ก็ละลายกลายเป็นปราณทิพย์บริสุทธิ์ไหลไปตามเส้นลมปราณและจุดตันเถียนที่ซ่อมแซมเรียบร้อยแล้ว ค่อยๆแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย
เย่เฉินรู้สึกถึงการขยายตัวปราณทิพย์ที่กลับมาใหม่อีกครั้ง ทั่วทั้งตัวได้รับความสบายอย่างหนึ่งที่อธิบายไม่ถูกทันที
หลินหว่านเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้าง รู้สึกถึงความเปี่ยมล้นของปราณทิพย์ที่กลับคืนมาอีกครั้งภายในร่างกายของเขา เอ่ยกล่าวอย่างประหลาดใจ: “ดูเหมือนว่าคุณชายได้ฟื้นตัวเต็มที่แล้ว!”
เย่เฉินพยักหน้าเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ: “คนฟื้นตัวแล้ว แต่แหวนวงนั้นคาดว่ายยังต้องการปราณทิพย์อีกมาก อันนี้ทำได้แค่ค่อยๆเป็นค่อยๆไปแล้ว”
พูดไป เขาถามหลินหว่านเอ๋อร์: “คุณหลินพบอะไรที่กลางหุบเขานี้บ้างหรือไม่?”
หลินหว่านเอ๋อร์กล่าว: “เมื่อครู่นี้ดิฉันได้บินต่ำสำรวจอยู่สองสามรอบ ไม่เห็นศพของท่านเอิร์ลติ้งหยวน คาดว่าเธอยังคงมีชีวิตอยู่ อีกอย่าง ตอนที่ดิฉันบินต่ำ แรงลมของเฮลิคอปเตอร์สามารถพัดต้นไม้ใบหญ้าให้แหวกออก จากการสำรวจโดยรอบสองสามรอบ พื้นที่ราบของหุบเขาน่าจะซ่อนคนไม่ได้ ที่นี่ล้อมรอบด้วยภูเขาทั้งสี่ด้าน ร่างกายของท่านเอิร์ลติ้งหยวนน่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัส ความเป็นไปได้ที่คิดจะอาศัยตัวเธอเองคลานออกไปที่ภูเขาใหญ่แทบจะเป็นศูนย์ มีความเป็นไปได้สูงที่จะซ่อนอยู่ล่างตีนเขารอบๆนี้ พวกเราสามารถลงไปตามหาอย่างละเอียดดูได้”
เย่เฉินพยักหน้า เอ่ยกล่าวอย่างเห็นด้วย: “การคาดเดาของคุณหลินมีเหตุผลมาก ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ลำบากคุณหลินนำเฮลิคอปเตอร์พยายามขับให้ต่ำที่สุดเพื่อเข้าใกล้ตีนเขา ผมจะใช้ปราณทิพย์ค้นหาสักรอบ”
“ได้!”หลินหว่านเอ๋อร์รีบนำระดับความสูงของเฮลิคอปเตอร์ลดต่ำที่สุด บินช้าๆแทบจะเฉียดกับยอดไม้ที่อยู่ล่างตีนเขา
และเย่เฉินก็แผ่ซ่านปราณทิพย์ออกมาโอบล้อมไปทั่วทั้งตัว ใช้สัมผัสที่อยู่ของท่านเอิร์ลติ้งหยวน
หยุนหรูเกอในเวลานี้ร่างกายอยู่ที่อีกด้านของหุบเขา เมื่อเห็นว่าเฮลิคอปเตอร์ลำนั้นไม่เพียงไม่ไป ในทางกลับยังก็เริ่มลดระดับ ขยับเข้ามาใกล้ทิศทางที่เธออยู่ทีละนิดๆ เธอตื่นเต้นขึ้นมาทันที
เธอเข้าในสถานการณ์ของตนเองในตอนนี้ดีมาก ถ้าหากถูกใครพบเข้า ไม่จำเป็นต้องเป็นยอดฝีมืออะไร แค่เด็กอายุสิบขวบคนหนึ่ง ก็สามารถฆ่าตนได้อย่างง่ายดาย
อีกอย่าง เธอเองก็ชัดเจนมากว่า ถ้าหากคนเองตกอยู่ในมือของคนตระกูลอาน เช่นนั้นจุดจบเกรงว่าก็จะยิ่งมีแต่น่าเวทนามากกว่าเดิมเท่านั้น!
เนื่องจากเมื่อยี่สิบปีก่อนองค์กรพั่วชิงได้ฆ่าอานเฉิงซีของตระกูลอานรวมทั้งเย่ฉางอิงสามีของเธอ ยังฝังเบาะแสยี่สิบปีไว้ที่ตระกูลอาน ถึงขนาดวางแผนที่จะฆ่ายกครัวตระกูลอานถึงสองครั้ง อีกทั้ง เย่เฉินลูกชายของอานเฉิงซีกับเย่ฉางอิง วันนี้ก็ตายภายใต้อานุภาพการระเบิดตัวเองของท่านเอิร์ลฉางเซิ่ง คนของตระกูลอานในเวลานี้ จะต้องเห็นองค์กรพั่วชิงเป็นหนึ่งในศัตรูคู่อาฆาต ถ้าหากตนถูกพวกเขาจับได้ ถ้าอย่างนั้นไม่ใช่ว่ามีเพียงแค่ความตากหรอกเหรอ?!
เธอที่ตึงเครียด ขยับร่างกายด้วยความยากลำบากเพื่อให้ตนเองซ่อนได้ลึกกว่าเดิม หวังว่าจะสามารถยืมใช้การบดบังของก้อนหินขนาดใหญ่ มาหลบหนีการสำรวจของเฮลิคอปเตอร์ของอีกฝ่าย
เธอคิดว่า อีกฝ่ายเป็นเพียงคนธรรมดาที่ไม่รู้เรื่องปราณทิพย์ อีกทั้งอีกฝ่ายไม่ได้กำลังตามหาตนแน่นอน แต่กำลังตามหาเย่เฉิน ดังนั้น เธอพินิจแล้วว่าเป็นไปได้อย่างมากว่าอีกฝ่ายที่อยู่บนเฮลิคอปเตอร์กำลังดูว่ามีเบาะแสของเย่เฉินหรือไม่ ไม่มีทางจับตาดูว่ามีใครซ่อนตัวอยู่ด้านล่างหินขนาดใหญ่หรือไม่
แต่เธอจะคิดได้ที่ไหนว่า ที่เย่เฉินตามหาเธอไม่ใช่อาศัยจักษุสัมผัส แต่ใช้การสัมผัสด้วยปราณทิพย์!
หลินหว่านเอ๋อร์ขับเฮลิคอปเตอร์ค้นหาบริเวณตีนเขาไปตลอดทาง เมื่อตอนที่เฮลิคอปเตอร์มีระยะห่างจากหยุนหรูเกออีกสองสามร้อยเมตร เย่เฉินที่อยู่ด้านข้างก็ท่าทางแข็งทื่อทันที จากนั้น เขาขี้ไปที่สถานที่ที่เต็มไปด้วยความมืดมิดแห่งหนึ่งด้านหน้าทางซ้าย เอ่ยกล่าวกับหลินหว่านเอ๋อร์: “อยู่ตรงนั้น!”