ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5524 หยั่งเชิงต่อเนื่องไม่หยุด (1)
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5524 หยั่งเชิงต่อเนื่องไม่หยุด (1)
ในวินาทีที่เย่เฉินออกพ้นประตูไป หลินหว่านเอ๋อร์ก็คาดเดาได้ ว่าเย่เฉินจะต้องย้อนกลับมา
ดังนั้น เธอก็จึงไม่ได้หย่อนใจคลายอารมณ์เลย แกล้งทำทีเป็นเก็บของของตัวเองอย่างสงบนิ่ง
ในตอนที่เย่เฉินกลับมาที่หน้าประตูห้องพักอีกครั้ง ประตูห้องยังคงเปิดอ้าอยู่ เขาผลักประตูแล้วเดินเข้ามา เอ่ยถามเสียงนิ่ง“หลินหว่านเอ๋อร์ ที่คุณเดินทางมาเมืองจินหลิง มีจุดประสงค์อะไรกันแน่?”
คำถามที่เอ่ยขึ้นอย่างฉับพลัน ทำเอาหลินหว่านเอ๋อร์ที่กำลังเก็บข้าวของอยู่ถึงกับต้องสะดุ้งตกใจ
อาการสะดุ้งตกใจนี้ ก็เป็นท่าทีที่เธอได้ซักซ้อมมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วเช่นกัน
เธอในตอนนี้ อุทานออกมาในเวลาที่พอเหมาะพอดี หันกลับมามองเย่เฉิน ประหม่าอย่างที่สุด เอ่ยถามอย่างระแวดระวังว่า“คุณ……คุณเป็นใครกัน?!”
เย่เฉินยิ้มเยาะ และถามเธอ“ตามมาถึงที่นี่ ยังมาถามผมอีกว่าผมเป็นใคร ดูจะปลอมไปหรือเปล่า?”
หลินหว่านเอ๋อร์มีท่าทีที่ตื่นตกใจหนักยิ่งขึ้นไปอีก เธออดที่จะร่นถอยหลังไปก้าวหนึ่งไม่ได้ พูดอย่างประหม่า“คุณ…… คุณเป็นใครกันแน่……ทำไมถึงรู้ชื่อหลินหว่านเอ๋อร์นี้ได้ ……”
เย่เฉินเค้นเสียงหึในลำคอแล้วพูดว่า“ทำไม?ยังจะเล่นละครอีกเหรอ?มา ผมจะให้คุณดูของชิ้นหนึ่ง!”
พูดจบ จากที่กระเป๋าของเขา หยิบเอาแหวนที่กระโดดดุกดิกไปมาอีกครั้งออกมา
และหลินหว่านเอ๋อร์เองก็ให้ความร่วมมือด้วยการแสดงสีหน้าที่ประหลาดใจหนักยิ่งขึ้นไปอีก เอ่ยถามออกไปทันทีว่า“คุณมีแหวนวงนี้ได้ยังไง?! คืนมันให้ฉันเดี๋ยวนี้!”
จากนั้น เธอก็ปรี่เข้ามาหา อยากจะคว้าเอากุญแจนั้นจากมือของเย่เฉิน
คิ้วของเย่เฉินขมวดมุ่น จากอากัปกิริยาของหลินหว่านเอ๋อร์ หญิงสาวคนนี้เหมือนจะจำตัวเองไม่ได้จริงๆ และจำไม่ได้ด้วยว่าตัวเองเคยได้พบเจอกับเธอมาก่อน จำไม่ได้ว่าตัวเองนั้นเคยได้ช่วยเธอเอาไว้ จำไม่ได้ว่าเป็นตัวเธอเองที่ส่งมอบแหวนนี้มาให้กับตัวเขาเอง
แต่ว่า เย่เฉินก็ยังไม่ปักใจเชื่อ ดังนั้น เขาก็จึงชูแหวนขึ้นเหนือหัว พูดเสียงเย็นชา“แหวนวงนี้คุณเป็นคนให้ผมเองกับมือ คุณไม่อยากที่จะยอมรับหรือจำมันไม่ได้จริงๆ?”
“เป็นไปไม่ได้!”หลินหว่านเอ๋อร์พูดโพล่งออกมาด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราด“แหวนวงนี้เป็นสมบัติที่พ่อของฉันทิ้งไว้ให้!มันเป็นสิ่งที่มีค่ายิ่งสำหรับฉัน ไม่มีทางให้มันกับคุณอย่างแน่นอน!ต้องเป็นคุณที่ขโมยมันไปจากฉันแน่ๆ!พูดมา!ว่าคุณเป็นคนขององค์กรพั่วชิงใช่ไหม!”
เมื่อเย่เฉินได้ยินเธอเอ่ยพูดถึงองค์กรพั่วชิงคำนี้ออกมา ในใจก็ยิ่งจะสงสัยหนักมากขึ้น
เขาก็รู้สึกมึนงงไปด้วยเช่นกัน ว่าท่าทีทั้งหมดของหญิงสาวคนนี้ เธอกำลังเสแสร้งแกล้งทำ หรือเป็นเรื่องจริง
ดังนั้น เขาจึงใช้พลังปราณทิพย์สายหนึ่งส่งไปที่หัวสมองของหลินหว่านเอ๋อร์ และปราณทิพย์ที่เขาใช้ในครั้งนี้ก็มากกว่าที่ใช้โดยทั่วไป !
หลินหว่านเอ๋อร์รู้สึกได้ถึงปราณทิพย์สายหนึ่งที่ส่งมาที่สมุทรทิพย์ แต่การนึกรู้นั้นไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากปราณทิพย์นี้ แต่เธอก็ยังคงให้ความร่วมมือโดยการสงบนิ่งเป็นอย่างดี สายตามองไปยังเย่เฉินอย่างว่างเปล่า
เย่เฉินรู้สึกว่า ครั้งนี้ตัวเองได้ใช้ปราณทิพย์ไปจำนวนไม่น้อย คิดว่าคงไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ ก็จึงเอ่ยถามไปว่า“คุณจำผมได้ไหมว่าผมเป็นใคร?”
หลินหว่านเอ๋อร์ส่ายหน้า
เย่เฉินถามต่อ “คุณไม่เคยเจอผมเหรอ ?”
หลินหว่านเอ๋อร์พึมพำ “ไม่เคยเจอ”
เย่เฉินถามอีก“คุณยังจำตอนที่ถูกเกือบฆ่าตายในยุโรปเหนือได้ไหม?”
หลินหว่านเอ๋อร์พยักหน้า“จำได้บางส่วน”
เย่เฉินกล่าว“ไหนเล่าให้ฟังสิ!”
หลินหว่านเอ๋อร์ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีและพูดว่า“เรื่องที่ยุโรปเหนือฉันจำได้เพียง ฉันเก็บข้าวของเตรียมที่จะออกเดินทาง แต่ความทรงจำนั้นก็หายไป ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงได้หมดสติ ในตอนที่ฟื้นขึ้นมา คนที่อยู่รอบๆตัวส่วนใหญ่ถูกฆ่าตายเกือบทั้งหมด แหวนที่พ่อให้ฉันมา ก็หายไปด้วย”
เย่เฉินถามต่อ“คุณรู้อยู่แล้วว่าองค์กรพั่วชิงกำลังไล่ล่าคุณ แต่ทำไมคุณถึงยังมาเรียนที่มหาวิทยาลัยจินหลิงอย่างเปิดเผยอีก?”
หลินหว่านเอ๋อร์พูดด้วยท่าทีเหม่อลอย“หลบซ่อนไปตลอดไม่ใช่ทางออกที่ดี พวกเขาคิดว่าฉันจะซ่อนตัวอีกครั้ง และยิ่งห่างไกลออกไป แต่ฉันจะไปยังที่ที่ผู้คนพลุกพล่านและเปลี่ยนตัวตนในการใช้ชีวิตใหม่ ฉันคิดว่านี่ไม่เพียงเป็นการหลบซ่อนที่ดี แต่ยิ่งจะเป็นอะไรที่คาดคิดไม่ถึง ดังนั้นฉันก็จึงเลือกหัวเซี่ย”
เย่เฉินขมวดคิ้ว และเอ่ยถาม“ทำไมถึงเลือกมาที่เมืองจินหลิง?ทำไมถึงเป็นที่มหาวิทยาลัยจินหลิง?”
หลินหว่านเอ๋อร์ยังคงสงบนิ่งไม่ตื่นตระหนก ตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา“เหตุผลที่มาเมืองจินหลิง เพราะคุณปู่ของฉัน มีเส้นสายอยู่บ้างที่เมืองจินหลิง สามารถจะช่วยให้ฉันเข้ามหาวิทยาลัยจินหลิงได้”
“คุณปู่ของคุณ?”เย่เฉินถามต่อ “คุณปู่ของคุณเป็นใคร?”
หลินหว่านเอ๋อร์ตอบ“คุณปู่ของฉันเป็นเศรษฐีอันดับต้นๆในมาเลเซีย ชิวอิงซาน”