ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5512 ไม่ได้ดั่งใจ(1)
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5512 ไม่ได้ดั่งใจ(1)
เวลานี้
โฮมสเตย์จื่อจิน เมืองจินหลิง
หลินหว่านเอ๋อร์กำลังยืนอยู่หน้าโต๊ะ มองภาพวาดทิวทัศน์ที่เสร็จสมบูรณ์ตรงหน้า
ในภาพวาดมีภูเขาที่ซ้อนกันคดเคี้ยวไปมา ผิวน้ำทะเลสาบสวรรค์กระเพื่อมไปมา สวยงามเป็นอย่างมาก
หลินหว่านเอ๋อร์ยื่นนิ้วเรียวยาวออกไป แตะรอยหมึกที่หนาที่สุดของภาพวาดเบา ๆ หลังจากรู้สึกว่าไม่เหนียวเหนอะหนะแล้ว เธอก็มองไปที่ปลายนิ้วสีขาวนุ่ม เมื่อเห็นว่าไม่มีคราบหมึกแล้ว จึงแน่ใจว่าแห้งสนิท
จากนั้น เธอก็ใช้หนังสือทรงโบราณที่เป็นม้วนที่เตรียมไว้เรียบร้อย เอาภาพวาดติดบนหนังสือโบราณที่เป็นม้วนสีทองอย่างระมัดระวัง หลังจากติดเสร็จทั้งหมด ม้วนเรียบร้อยแล้ว หลินหว่านเอ๋อร์ก็ใช้ริบบิ้นที่ทำจากผ้าไหม มาปิดผนึก
ตอนนี้เอง เสียงของเหล่าจางดังมาจากด้านนอกประตู:“คุณหนู กระผมขอเข้าพบหน่อยครับ”
หลินหว่านเอ๋อร์พูดเสียงดัง:“เข้ามาเลย”
เหล่าจางที่ตัวโก่งหลังค่อมเล็กน้อย เดินโซเซเข้ามา เห็นภาพวาดทิวทัศน์บนโต๊ะเป็นม้วนกระดาษ ก็รีบพูดว่า:“ขอแสดงความยินดีกับผลงานชิ้นเอกของคุณหนูด้วยครับ!”
หลินหว่านเอ๋อร์พูดไปนิ่ง ๆ ว่า:“ไม่ใช่ผลงานชิ้นเอกอะไรหรอก”
พูดไป ก็ถามเขาว่า:“ใช่สิ มาหาฉฝันมีอะไรหรือเปล่า?”
เหล่าจางพูดด้วยความเคารพว่า:“คุณหนู ในวันพรุ่งนี้มหาวิทยาลัยจินหลิงจะเริ่มลงทะเบียนนักเรียนใหม่แล้ว เวลาลงทะเบียนลากไปอีกสองวัน คุณหนูจะให้กระผมไปด้วยเมื่อไหร่ดีครับ?”
หลินหว่านเอ๋อร์ครุ่นคิด แล้วพูดว่า:“ฉันจะไปเมื่อไหร่ ก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้หญิงที่ชื่อคลอเดียจะไปเมื่อไหร่ แล้วก็ขึ้นอยู่กับว่าเย่เฉินจะไปกับโอลิเวียด้วยหรือไม่”
พูดไป เธอก็พูดกับเหล่าจางว่า:“แบบนี้ละกัน นายให้เหล่าชิวจัดการ พรุ่งนี้ฉันจะเดินทางแต่เช้า ไปรอใกล้ ๆ มหาวิทยาลัยจินหลิงก่อน ถ้าแน่ใจว่าคลอเดียเริ่มลงทะเบียนเข้าเรียนแล้ว ฉันค่อยไปโรงเรียน”
เหล่าจางพยักหน้าเบา ๆ และพูดด้วยความเคารพว่า:“ครับคุณหนู แล้วผมจะไปยืนยันกับเหล่าชิว”
จากนั้น เขาก็ถามอีกว่า:“อ้อใช่สิคุณหนูครับ พรุ่งนี้ถ้าเจอเย่เฉินคนนั้นจริง ๆ กระผมควรระวังอะไรถึงไม่ให้เขาสังเกตเห็นความผิดปกติดีครับ?”
หลินหว่านเอ๋อร์พูดอย่างนิ่งเฉย:“พรุ่งนี้นายปรากฏตัวต่อหน้าเขาไม่ได้ วันนั้นอยู่ที่ยุโรปเหนือ ตอนท้ายจะมีพวกเราสองคนที่เดินออกจากไร่ เมื่อเขาเห็นพวกเรา จะต้องพยายามหาทางตรวจสอบว่าพวกเรามีปัญหาหรือไม่แน่ ฉันรับมือวิธีการของเขาได้ แต่นายไม่ได้ ถ้าเขาเห็นนาย ฉันปิดบังไม่ได้อีกแล้ว ดังนั้นช่วงนี้ นายอยู่ที่โฮมสเตย์จื่อจิน ห้ามไปไหนเด็ดขาด”
เหล่าจางพูดโดยไม่ลังเลว่า:“ครับคุณหนู กระผมจะไม่อยู่ห่างโฮมสเตย์จื่อจินเลยครับ”
หลินหว่านเอ๋อร์ตอบอือ แล้วพูดอีกว่า:“ใช่สิ บอกเหล่าชิวด้วย เขาก็ไม่ต้องไปกับฉันด้วย ให้พี่เสียนขับรถพาฉันไปก็พอ”
“รับปฏิบัติขอรับ!”
หลินหว่านเอ๋อร์พูดว่า:“เอาล่ะ ไม่มีอะไรกับนายแล้ว ลงไปเถอะ”
“ขอรับคุณหนู งั้นกระผมขอตัวลาก่อน!”
เหล่าจางโค้งคำนับและจากไป มือทั้งสองข้างของหลินหว่านเอ๋อร์ถือม้วนกระดาษไว้ เดินไปช้า ๆ ที่หน้าโต๊ะยาว บนโต๊ะยาว มีแผ่นป้ายวิญญาณที่เธอพกติดตัวอยู่เสมอ บนนั้นเขียนด้วยตัวอักษรใหญ่แปดตัว:ป้ายวิญญาณบิดาหลินจู๋ว์หลู
หลินหว่านเอ๋อร์ค่อย ๆ คุกเข่าลงตรงหน้าตำแหน่งที่ตั้งป้ายวิญญาณสำหรับบูชา วางม้วนกระดาษลงอย่างระมัดระวัง พนมมือ มองไปที่แผ่นป้ายวิญญาณนั้น และพูดด้วยความเคารพว่า:“พ่อคะ ถ้าโชคดี ลูกสาวจะได้เจอกับเย่เฉินผู้มีพระคุณในวันพรุ่งนี้แล้ว การปรากฏตัวต่อหน้าของลูก จะทำให้เขาระวังตัวอย่างแน่นอน จะได้รับความไว้วางใจของเขาหรือไม่นั้นยังไม่รู้เลย หวังว่าวิญญาณท่านพ่อบนสวรรค์ จะอวยพรให้ลูกสาวได้รับความไว้วางใจจากเขานะคะ……”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของหลินหว่านเอ๋อร์ก็ดูยุ่งเหยิง ยื่นมือไปลูบภาพที่ม้วนนั้น พูดเสียงเบาว่า:“ถ้าหากว่า……ถ้าหากสุดท้ายเย่เฉินไม่เชื่อลูก……ถ้าเขามองลูกเป็นศัตรู……ถึงตอนนั้นเกรงว่าลูกอาจจะเล่าเรื่องทั้งหมดออกไปก็ได้ ……”
พูดถึงตรงนี้ หลินหว่านเอ๋อร์ก็หยุดลงทันที น้ำตาคลอเบ้า
น้ำตาทั้งสองสายไหลอาบแก้มของเธอ แต่เธอไม่สนใจที่จะเช็ดออก พูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นว่า:“ลูกสาวคนนี้จำคำสั่งก่อนพ่อจากไปไว้เสมอ ชาติกำเนิดของตัวเอง จำไว้ว่า ห้ามบอกใครทั้งนั้น และลูกก็ไม่เคยฝ่าฝืนความปรารถนาสุดท้ายของพ่อเลย……แต่ถ้าวันไหนที่ลูกไม่ได้ดั่งใจและบอกสิ่งนี้ไปกับเย่เฉิน ขอให้วิญญาณท่านพ่อบนฟ้า อย่าได้ตำหนิลูกเลย ……”
พูดจบ หลินหว่านเอ๋อร์ก็เช็ดน้ำตา ก้มหัวลงที่ตำแหน่งที่ตั้งป้ายวิญญาณของพ่อ สามครั้ง
……
ตอนเย็น
หลังจากจบการบรรยาย อิโตะ นานาโกะขับรถกลับไปที่ Tomson Riviera
เมื่อถึงบ้าน พ่อและอาได้เตรียมวัตถุดิบที่เธอสั่งไว้ และเตรียมส่วนผสมที่เธอต้องการไว้เรียบร้อย
เมื่อรู้ว่าเย่เฉินจะมาทานข้าวที่บ้าน นางาฮิโกะ อิโตะก็ดีใจเป็นอย่างมาก
เขาเห็นว่าเย่เฉินเป็นผู้สมัครที่ดีที่สุดสำหรับลูกเขย และเย่เฉินก็มีบุญคุณอันยิ่งใหญ่ต่อเขา ดังนั้นเขาจึงชื่นชอบมาก
หลังจากนานาโกะกลับมา ก็รีบเข้าไปในครัว แล้วเริ่มทำอาหารให้เย่เฉิน
ก่อนอื่นเธอเตรียมซาชิมิทะเลระดับไฮเอนด์ จากนั้นตั้งน้ำมันให้ร้อน ทอดเทมปุระทานกับอาหารทะเลและผัก
คุณอาเอมิ อีโตะช่วยเหลืออยู่ด้านข้าง หลังจากทั้งสองทำอาหารหลายจานแล้ว เธอก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า:“นานาโกะ ถึงเวลาที่หลานต้องเรียนรู้อาหารจีนบ้างแล้ว อาหารญี่ปุ่นค่อนข้างจืดชืด ผู้ชายหัวเซี่ยกินบ้างเป็นครั้งคราวไม่เป็นไรหรอก แต่ถ้ากินมากเกินไปจะต้องรู้สึกเบื่อแน่”