ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5507 เดินทางมาหา (3)
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5507 เดินทางมาหา (3)
ในตอนแรกตู้ไห่ชิงไม่เข้าใจว่าทำไมนายหญิงใหญ่อานถึงเดินทางมาหาเธอ แต่ในไม่ช้าเธอก็ตระหนักได้ว่าจุดประสงค์ของนายหญิงใหญ่ในครั้งนี้น่าจะไม่เกี่ยวข้องกับเธอ เมื่อรวบรวมข้อมูลของเย่เฉินที่กำชับไว้ก่อนหน้า เธอก็สรุปได้ทันทีว่านายหญิงใหญ่ต้องมาที่นี่เพื่อหาเบาะแสเกี่ยวกับเย่เฉินแน่นอน
นายหญิงใหญ่อานเอ่ยขอบคุณอานโฉงชิวและเดินตามตู้ไห่ชิงเข้ามา ขณะนั้นซูจือหยูก็ออกมาจากประตูด้านในเช่นกัน เมื่อเห็นทั้งสองคนเดินตรงเข้ามาในลานบ้าน ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกงงงวยเล็กน้อย
จากนั้น ตู้ไห่ชิงจึงรีบแนะนำทั้งสองคนขึ้นว่า “ฉันขอแนะนำนะคะ นี่คือลูกสาวของฉันซูจือหยู จือหยู นี่คือท่านย่าอาน และคุณลุงอานจากสหรัฐอเมริกา”
“ท่านย่าอาน……” ซูจือหยูโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว “หมายความว่าเป็น……”
เดิมทีเธอต้องการจะบอกว่านั่นคือคุณย่าและลุงของคุณเย่ แต่เมื่อประโยคนั้นกำลังจะออกจากปาก เธอก็ฉลาดพอที่จะเงียบลงเธอเกือบหักหลังเย่เฉินโดยไม่ได้ตั้งใจเสียแล้ว เธอจึงได้รีบพูดกลบเกลื่อนว่า “หมายความว่าเป็นแม่ยายของลุงเย่นะสิคะ?”
นายหญิงใหญ่อานถามด้วยความสงสัย “เธอรู้จักฉางอิงด้วยหรือ?”
ซูจือหยูโบกมือขึ้นอย่างรวดเร็ว “ท่านย่าอานเข้าใจผิดแล้วละค่ะ ฉันไม่รู้จักคุณลุงเย่ แต่ได้ยินคนอื่นเล่ามาอีกที หลังจากที่แม่ของฉันย้ายมาอยู่ที่นี่ ก็ได้ยินมาจากแม่ของฉันด้วย”
“เป็นเช่นนี้นี่เอง……” นายหญิงใหญ่อานพยักหน้าเบา ๆ อย่างไม่ได้สงสัย เพราะก่อนจะเดินทางมาที่นี่ เธอได้ตรวจสอบอดีตของ ตู้ไห่ชิงและเย่ฉางอิง จึงรู้ว่าตู้ไห่ชิงหมกมุ่นอยู่กับเย่ฉางอิง ถึงขนาดเกือบตรอมใจตายด้วยเหตุนี้
แต่การที่ตนเดินทางมาหาตู้ไห่ชิงด้วยตัวเองแบบนี้ก็รู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย เพราะผู้หญิงที่อ่อนโยนและรอบรู้ตรงหน้าคนนี้ มองจากมุมหนึ่งก็ถือเป็นคู่แข่งของลูกสาวเธอเรื่องความรัก อีกทั้งพ่ายแพ้ในน้ำมือลูกสาวเธออย่างน่าสมเพช
ในความเป็นจริง ตู้ไห่ชิงก็อึดอัดใจมากเช่นกัน
เธอรักเย่ฉางอิงมาหลายปี แต่ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งอดีตแม่ยายของเย่ฉางอิงจะมาหาเธอ
เพื่อบรรเทาบรรยากาศอันอึดอัดนี้ เธอจึงพูดกับซูจือหยูว่า “จือหยู ไม่ใช่ว่ารีบไปโรงเรียนเหรอ นี่ก็สายแล้วนะ รีบไปเร็วเข้า”
ซูจือหยูพยักหน้าอย่างสุภาพต่อนายหญิงใหญ่และอานโฉงชิว กล่าวว่า “ท่านย่าอาน คุณลุงอานคะ พวกคุณสองสนทนากับแม่ฉันตามสบายนะคะ ฉันยังมีเรื่องที่ต้องทำ ขอตัวก่อนค่ะ”
ทั้งสองสนทนากันสองสามประโยคตามมารยาท หลังจากที่ซูจือหยูจากไป พวกเขาก็เดินเข้าไปทางประตูด้านในของคฤหาสน์หลังเก่าหลังนี้ตามคำเชิญของตู้ไห่ชิง
ทันทีที่เธอเข้าไปในบ้าน นายหญิงใหญ่ก็เห็นว่าสไตล์การตกแต่งที่นี่ยังคงเหมือนกับเมื่อ 20 ปีก่อน และเมื่อนึกถึงลูกสาว ลูกเขยและหลานชาย ที่นี่คือที่สุดท้ายที่พวกเขาอาศัยอยู่ก่อนเสียชีวิตลง อารมณ์ความคิดก็ซับซ้อน น้ำตาไหลนอง
ด้วยความกลัวว่าตู้ไห่ชิงจะขำขัน เธอรีบหันไปใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา จากนั้นยิ้มแล้วพูดกับตู้ไห่ชิงว่า “คุณตู้ ฉันขอบอกตามตรงว่านี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเดินทางมาที่นี่ในรอบหลายปีนั้น ขอบคุณที่รักษาสถานที่นี้ไว้อย่างดีมาก!”
ตู้ไห่ชิงรีบพูดว่า “คุณป้า อย่าเรียกฉันว่าคุณตู้เลยค่ะ เรียกฉันว่าไห่ชิงดีกว่า”
นายหญิงใหญ่พยักหน้าเล็กน้อย เอ่ยถามตู้ไห่ชิงว่า “ไห่ชิง การที่ฉันเดินทางมารบกวนกะทันหันเช่นนี้ เพราะฉันต้องการถามเรื่องราวบางอย่างจากเธอ”
ตู้ไห่ชิงรู้ว่านายหญิงใหญ่ต้องการถามอะไร แต่เธอยังคงจงใจเอ่ยถามว่า “คุณป้าอยากรู้เรื่องอะไรเหรอคะ?”
นายหญิงใหญ่ถอนหายใจแล้วพูดเบาๆ “หลังจากอุบัติเหตุของฉางอิงและเฉิงซี ลูกชายของพวกเขาไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ เราค้นหาเกือบทั่วทุกมุมโลก แต่เราก็ไม่พบเบาะแสที่เกี่ยวข้องกับเขาเลย ฉันอยากรู้ว่าตั้งแต่เธอมาที่นี่ เธอเคยเห็นชายหนุ่มท่าทางน่าสงสัยอายุประมาณ 27-28 ปี มาเฝ้าดูรอบบ้านนี้บ้างไหม?”
ตู้ไห่ชิงโกหกไปว่า “คุณป้าคะ ขอบอกตามตรงว่าฉันไม่ได้สังเกตเลย นี่คือเขตเมืองเก่าจินหลิงที่มีประชากรหนาแน่น ผู้คนที่อาศัยอยู่รอบๆ ก็มากมาย แต่ละวันมีคนผ่านไปมามากหน้าหลายตา ฉันไม่สังเกตถึงอะไรที่ผิดปกติไปเลย”
นายหญิงใหญ่พูดด้วยสีหน้าผิดหวัง “เฉินเอ๋อ เจ้าเด็กคนนี้เป็นคนให้ความสำคัญกับความรู้สึกมาแต่ไหนแต่ไร เขากตัญญูต่อพ่อแม่ของเขามาก ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ หลายปีที่ผ่านมานี้คงได้ย้อนกลับมาที่นี่อีกแน่นอน……”