ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5470 ทยอยกันมาถึง(1)
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5470 ทยอยกันมาถึง(1)
ซูรั่วหลีเข้าใจในความหมายของเย่เฉิน
แม้นักบู๊แปดดาวจะเป็นอะไรที่ยากเย็นอยู่แล้ว แต่ก็เป็นเพียงจุดจอดรถไฟสายด่วนสั้นๆของเย่เฉินเท่านั้น ตัวเองโชคดีที่ได้ขึ้นขบวนรถไฟนี้ ไม่มีเวลามากพอที่จะชื่นชมทิวทัศน์ของสถานีนี้ เพราะรถไฟจะขับไปยังสถานนี้ต่อไปในอีกไม่ช้า
และสถานีต่อไปของตัวเอง ก็คือแดนสว่างชั้นสูงสุด!
ซูรั่วหลีรู้ คำพูดขอบคุณมากมาย สำหรับความเมตตาที่เย่เฉินมีให้ตัวเองนั้น พูดไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ดังนั้นเธอจึงคุกเข่าลงข้างหนึ่ง สองมือกำกันแน่น พูดด้วยสายตาที่แน่วแน่ว่า“คุณเย่ รั่วหลีจะพยายามอย่างเต็มที่!”
เย่เฉินพยักหน้าให้ด้วยรอยยิ้ม
ส่วนเหอหงเซิ่งที่อยู่ข้างๆ ขอบตาก็แดงเรื่อไปแล้วด้วยความตื้นตันใจ
เขาเข้าใจความหมายในคำพูดของเย่เฉิน รู้ว่าการฝึกฝนของซูรั่วหลีนั้นยังสามารถจะพัฒนาต่อไปได้อีก และซูรั่วหลีในตอนนี้ก็ยังเด็กอยู่ หากมีเย่เฉินคอยสนับสนุน ไม่นาน เกรงว่าคงสามารถจะเข้าสู่แดนมืดที่บรรพบุรุษของตระกูลเหอเองกว่าหลายร้อยปีก็ยังไม่กล้าที่จะวาดหวังได้ !
ในอดีต สำหรับนักบู๊อย่างเหอหงเซิ่งแล้ว แดนมืดเป็นแดนที่ได้แค่ฝันแต่ไม่สามารถจะบรรลุได้
แม้วิถีบู๊จะยังมีแดนมิติและแดนปรมาจารย์ แต่ในการรับรู้ของเขา ทั้งสองแดนนี้ไม่ใช่แดนสูงสุดที่มนุษย์เราจะสามารถบรรลุได้ เข้าสู่แดนมืดได้ ก็เป็นที่สุดของวิถีบู๊แล้ว และยังเป็นจุดสูงสุดที่ยากจะเข้าถึงได้ด้วย
แต่ทว่าในตอนนี้ ซูรั่วหลีกลับมาถึงที่หน้าประตูของแดนมืดนี้
……
วันถัดไป เหล่าทหารของสำนักว่านหลงจากทั่วทุกสารทิศ ก็ทยอยกันมาถึงยังที่หมาย
พวกเขาบางส่วนบินตรงจากประเทศรอบๆมายังเมืองจินหลิง และมีบางส่วนเลือกที่จะลงในเมืองใกล้ๆ จากนั้นก็ใช้การขนส่งอื่นเพื่อมาถึงที่เมืองจินหลิง
ที่ต้องระมัดระวังแบบนี้ เพราะเย่เฉินเองก็ไม่แน่ใจ ว่าท่านเอิร์ลสามคนที่เหลือขององค์กรพั่วชิง มีใครอยู่ในประเทศหรือเปล่าในขณะนี้
หากไม่มีก็ดีไป แต่หากมี เมื่อเขาสังเกตเห็นนักบู๊จำนวนมากมีการเคลื่อนไหวแบบนี้ ก็ย่อมต้องเกิดความสงสัย และหากนักบู๊ของสำนักว่านหลงถูกอีกฝ่ายจับตามอง ก็จะเกิดการสืบสาวของอีกฝ่ายแล้วตามมาถึงที่โรงแรมน้ำพุร้อนช็องเซลีได้โดยง่าย
และการระมัดระวังของเย่เฉินก็ไม่ใช่อะไรที่ไม่มีมูลเหตุความจริง
ในตอนนี้ หนึ่งในสี่ท่านเอิร์ลขององค์กรพั่วชิง ท่านเอิร์ลฉางเซิ่งผู้ซึ่งแข็งแกร่งที่สุด ก็กำลังค้นหาที่อยู่ของหลินหว่านเอ๋อร์ในเย่นจิงทุกซอกทุกมุม
ในการประชุมทางวิดีโอเมื่อครั้งล่าสุด ผู้มีพระคุณได้ให้คำสั่งใหม่กับเขา นั่นก็คือไปตามหาตัวลูกชายคนเดียวของเย่ฉางอิงกับอานเฉิงซีที่เมืองจินหลิง เมื่อหาเขาเจอ ก็ฆ่าเขาทิ้ง
แต่ว่า ลำดับความสำคัญของภารกิจนี้นั้น ก็ยังคงต้องตามหาตัวหลินหว่านเอ๋อร์ กับแหวนของเธอให้เจอก่อน
นอกเหนือจากนี้ ท่านเอิร์ลฉางเซิ่งไม่ได้มีความสนใจในภารกิจตามหาตัวเย่เฉินแล้วฆ่านี้เอาซะเลย สำหรับเขาแล้ว เย่ฉางอิงกับอานเฉิงซีได้เป็นวิญญาณของฝีมือลูกน้องเขาไปแล้ว ผ่านไปยี่สิบปีตัวเองต้องมาตามฆ่าลูกชายของคนทั้งสองที่พ่ายแพ้ให้กับลูกน้อง มันไม่ได้มีความหมายอะไรเลย
ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้ตัวเองจะตามหาตัวเย่เฉินเจอแล้วฆ่าทิ้ง สำหรับองค์กรพั่วชิงก็ไม่ใช่ความยิ่งใหญ่อะไร แต่กับหลินหว่านเอ๋อร์นั้นแตกต่างออกไป หลินหว่านเอ๋อร์สำหรับผู้มีพระคุณแล้วสลักสำคัญยิ่งกว่า ขอแค่จับตัวได้ ก็ย่อมต้องเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ แต่หากสามารถจะหาแหวนวงนั้นเจอด้วย ผู้มีพระคุณจะต้องมีรางวัลอย่างงามให้แน่นอน
ดังนั้น ตามหาเย่เฉิน ไม่มีประโยชน์เท่าตามหาตัวหลินหว่านเอ๋อร์กับแหวนวงนั้นของเธอ
และเพราะเหตุนี้ ท่านเอิร์ลฉางเซิ่งก็จึงไม่เร่งรีบเดินทางไปเมืองจินหลิง
เขากำหนดเวลาให้ตัวเอง หากภายในวันที่หนึ่งเดือนเก้ายังตามหาหลินหว่านเอ๋อร์ที่เย่นจิงไม่พบ งั้นตัวเองก็จะมุ่งหน้าเดินทางไปเมืองจินหลิง ไปตามหาเย่เฉินที่เมืองจินหลิง
หงห้าในวันนี้ ได้อยู่ที่ช็องเซลีเซียนสปาแล้ว รับหน้าที่เป็นสำนักงานฝ่ายทะเบียน
เพื่อต้อนรับบุคคลผู้มาใหม่นี้ หงห้าได้เตรียมการมาเป็นอย่างดี เขาไม่เพียงได้เตรียมของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวันให้ ยังเตรียมชุดฝึกสำหรับทุกคนและอุปกรณ์เครื่องเขียนต่างๆให้ด้วย