ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5432 ศิษย์สืบทอด 1
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5432 ศิษย์สืบทอด 1
เมืองจินหลิงในกลางเดือนสิงหาคม อากาศร้อนผิดปกติ
ในสองวันนี้ เย่เฉินยุ่งอยู่กับการเร่งให้หงห้าปรับปรุงโรงแรมน้ำพุร้อนช็องเซลีใหม่ สำหรับเรื่องตะวันออกกลางกับองค์กรพั่วชิง เขาล้วนไม่ได้เข้าไปก้าวก่าย
และในสองวันนี้ เย่เฉินก็ไม่มีเวลาไปสนใจหงฉางชิง
แต่หงฉางชิงก็กระตือรือร้นเป็นพิเศษ ได้เรียกศิษย์ใหญ่ที่เขาถ่ายทอดวิชาให้โดยตรงบินไกลมาจากสหรัฐอเมริกา เตรียมทำพิธีถ่ายทอดตำแหน่งเจ้าสำนักอย่างจริงจังต่อหน้าเย่เฉิน ขีดเส้นกั้นกับเต๋าไท่เจินโดยสิ้นเชิง จงรักภักดีกับเย่เฉินเพียงคนเดียวทั้งกายใจนับจากนี้เป็นต้นไป
หงฉางชิงในเวลานี้ กำลังรออยู่ตรงประตูของสนามบินนานาชาติจินหลิงอย่างร้อนใจ
เที่ยวบินที่เขารออยู่นั้น ล่าช้าไปครึ่งชั่วโมงแล้ว
ในตอนที่หงฉางชิงร้อนใจจนแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้วนั่นเอง ในที่สุดจอแสดงของสนามบินก็ได้อัปเดตข้อมูลเที่ยวบิน เที่ยวบินที่เขารออยู่ได้มาถึงแล้ว
รออยู่อีกครึ่งชั่วโมง ผู้โดยสารของเที่ยวบินนี้ถึงได้ทยอยเดินออกมาจากประตู
หงฉางชิงชะโงกหน้าเฝ้ารอ เมื่อเขามองเห็นผู้หญิงรูปร่างสูงโปร่ง ผมยาวจรดเอว ในที่สุดรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าอีกครั้ง โบกมือให้เธออย่างร่าเริงพลางกล่าว: “หลงเอ๋อร์ อาจารย์อยู่ตรงนี้!”
ผู้หญิงผมยาวสูงประมาณ 178 บุคลิกเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความคลาสสิค งดงามโดดเด่น
ผู้หญิงคนนี้ ก็คือศิษย์ใหญ่ที่หงฉางชิงถ่ายทอดวิชาให้ด้วยตนเอง หลงซือฉี
หลงซือฉีตอนนี้อายุสามสิบปี คุณพ่อเป็นคนจีนสัญชาติอเมริกัน คุณแม่เป็นลูกครึ่งจีนอเมริกัน คุณพ่อของเธอเป็นลูกศิษย์ที่อาจารย์ของหงฉางชิงรับเอาไว้ในสังกัดตอนที่ท่านออกเดินทางท่องเที่ยว แม้ว่าจะไม่มีพรสวรรค์โดดเด่นในด้านวิชาเต๋ากับวิถีบู๊ แต่กลับมีความสามารถในการหาเงินมาก เพราะฉะนั้นจึงได้บริจาคเงินให้กับเต๋าไท่เจินจำนวนไม่น้อยในตอนนั้น
ตอนหลงซือฉียังเด็ก ได้เข้าออกเต๋าไท่เจินอยู่บ่อยครั้ง ได้แสดงพรสวรรค์ด้านวิชาเต๋ากับวิถีบู๊ออกมาตอนอายุแปดขวบ พอดีกับที่หงฉางชิงได้รับสืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนัก จึงได้รับหลงซือฉีเข้าเป็นศิษย์ถ่ายทอด
ส่วนหลงซือฉีเองก็ไม่ทำให้หงฉางชิงผิดหวัง อายุยี่สิบหกปี ก็ได้บรรลุนักบู๊ห้าดาว เร็วหงฉางชิงในตอนนั้นด้วยซ้ำ
แม้ว่าหลงซือฉีจะมีสายเลือดอเมริกันอยู่หนึ่งส่วนสี่ แต่รูปร่างหน้าตาของเธอมีความเป็นสายเลือดอเมริกันอยู่น้อยมาก ตรงกันข้าม กลับยังมีออร่าของความงามแบบหัวเซี่ยคลาสสิก
แต่ว่า เธอที่มีสายเลือดอเมริกันอยู่หนึ่งส่วนสี่ มีผิวพรรณที่ขาวผุดผ่องกว่าผู้หญิงหัวเซี่ยโดยทั่วไปเสียอีก และส่วนสูงก็สูงกว่านิดหน่อย
พอได้เห็นหงฉางชิง หลงซือฉีรีบลากกระเป๋าเดินทางเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งถึงตรงหน้าหงฉางชิงถึงได้หยุดลง และกล่าวอย่างเคารพนอบน้อม: “อาจารย์ ทำไมถึงมารับศิษย์เองล่ะคะ?”
หงฉางชิงหัวเราะแหะ อาจารย์ไม่มารับเธอ กลัวว่าเธอลงจากเครื่องบินแล้วไม่รู้ว่าจะไปทางไหนต่อ”
หลงซือฉีพยักหน้าเบา ๆ กล่าว: “ขอบคุณค่ะอาจารย์!”
กล่าวจบ เธอก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา: “อาจารย์คะ อาจารย์เรียกฉันมาหัวเซี่ยอย่างกะทันหันแบบนี้มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่าคะ?”
“มีสิ มีแน่นอนอยู่แล้ว!” หงฉางชิงพยักหน้าอย่างจริงจัง แต่กลับกล่าวอย่างมีเลศนัย: “แต่ยังบอกเธอวันนี้ไม่ได้ อาจารย์ได้จองโรงแรมไว้ให้เธอแล้ว เดี๋ยวจะพาเธอไปที่โรงแรมก่อน แล้วพรุ่งนี้อาจารย์จะพาเธอไปพบคนคนหนึ่ง”
หลงซือฉีถามด้วยอยากรู้: “อาจารย์ ท่านจะพาฉันไปพบใครเหรอคะ?”
หงฉางชิงกล่าวอย่างลึกลับ: “เป็นใคร ตอนนี้ก็ยังบอกเธอไม่ได้ ถึงพรุ่งนี้เธอก็จะรู้เอง”
หงฉางชิงไม่ได้บอกกับหลงซือฉีว่า ที่ให้เธอมาหัวเซี่ยนั้นเพราะต้องการถ่ายทอดตำแหน่งเจ้าสำนักให้เธอ
เรื่องใหญ่อย่างการถ่ายทอดตำแหน่งเจ้าสำนัก ตามหลักแล้วไม่ควรที่จะทำอย่างลวก ๆ และฉุกละหุกเช่นนี้
ขั้นตอนโดยปกติแล้ว คือเจ้าสำนักคนปัจจุบันกับผู้สืบถอดตำแหน่งเจ้าสำนัก จะต้องกลับไปที่เต๋าไท่เจินด้วยกัน จากนั้นก็จัดพิธีอันใหญ่โตต่อหน้าลูกศิษย์ทั้งหมดของเต๋าไท่เจิน และต้องทำการเซ่นไหว้บรรดาจู่ซือของเต๋าไท่เจิน เมื่อทำขั้นตอนทั้งหมดนี้เรียบร้อย เจ้าสำนักคนใหม่ถึงจะขึ้นรับตำแหน่งเจ้าสำนักได้สำเร็จ ภายใต้การเป็นสักขีพยานของทุกคนรวมทั้งบรรดาจู่ซือของเต๋าไท่เจิน