ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5331 กระผมพยายามสุดความสามารถแล้วจริง ๆ 2
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5331 กระผมพยายามสุดความสามารถแล้วจริง ๆ 2
น้ำขึ้นให้รีบตักหงฉางชิงจึงรีบพูดอีกว่า: “นายหญิงใหญ่อาน จากความคิดเห็นของแซ่หง ตอนนี้วิธีการที่ดีที่สุดของท่านก็คือหยุดแผนการเดินทางมาจินหลิงชั่วคราว รอผ่านพ้นไปช่วงหนึ่ง ดูสถานการณ์ก่อนค่อยว่ากันอีกที ทางแซ่หงผมก็จะทำนายดูดวงให้ท่านอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ทันทีที่โชคชะตามีการเปลี่ยนแปลง แซ่หงผมจะแจ้งให้ท่านทราบเป็นเวลาแรกแน่นอนครับ!”
นายหญิงใหญ่อานที่อยู่ทางปลายสายเอ่ยปากตอบกลับ: “ยายแก่ฉันรับความหวังดีของหงเทียนซือไว้แล้ว แต่ไม่ว่ายังไงตระกูลอานก็ต้องไปจินหลิงอยู่ดี”
หงฉางชิงรีบพูด: “นายหญิงใหญ่อาน เรื่องนี้ท่านต้องพิจารณาอย่างรอบคอบนะครับ!”
นายหญิงใหญ่อานอมยิ้มแล้วตอบกลับอย่างจริงจัง: “ฉันจะบอกความจริงกับคุณก็ได้ค่ะ ช่วงก่อนตระกูลอานเพิ่งประสบพบเจอกับวิกฤตการณ์อันยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยประสบพบเจอมาก่อนที่ประเทศอเมริกา โชคดีที่มีผู้มีพระคุณคนหนึ่งออกหน้าช่วยชีวิตทุกคนในตระกูลอานเอาไว้ วิกฤตการณ์ในครั้งนั้น เป็นระเบิดตั้งเวลาที่ฝังอยู่ในตระกูลอานตั้งแต่หลายปีก่อนแล้ว ซึ่งไม่เร็วก็ช้ามันก็จะระเบิดอยู่ดี แต่มันดันระเบิดในงานคอนเสิร์ตของคู่หมั้นหลานชายใหญ่ของฉัน และเป็นเพราะพึ่งพาบารมีของเธอเช่นกัน ทั้งครอบครัวของเราถึงได้ถูกผู้มีพระคุณคนหนึ่งช่วยชีวิตเอาไว้ ฉันเชื่อว่านี่ก็เป็นโชคที่หลานชายใหญ่ฉันมอบให้ฉันเช่นกัน ครั้งนี้เราไปจินหลิงเพื่อไปตามหาเขาน่ะ เชื่อว่าเขาเองก็ต้องคุ้มครองให้เราผ่านพ้นเคราะห์ร้ายนี้ไปได้แน่นอนค่ะ”
“นะนี่……”ภายในเวลาชั่วขณะ หงฉางชิงก็ไม่รู้แล้วว่าควรจะพูดโน้มน้าวยังไงต่อ เนื่องจากเขาฟังออกอยู่ว่าแม้นายหญิงใหญ่จะอมยิ้มแล้วพูดคำพูดดังกล่าว แต่น้ำเสียงกลับแน่วแน่อย่างยิ่ง ซึ่งคำพูดเพียงสองสามประโยชน์ของตัวเองไม่มีทางโน้มน้าวใจเธอสำเร็จแน่นอน
ดังนั้นเขาจึงมองไปทางเย่เฉินด้วยสายตาในเชิงสอบถาม อยากรู้ว่าเย่เฉินมีวิธีการอะไรหรือมีคำชี้แนะใหม่ ๆ อะไรหรือไม่
เมื่อเย่เฉินในตอนนี้ได้ยินคำพูดของคุณยาย ก็ถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ จากนั้นเขาก็โบกมือให้หงฉางชิง เพื่อเป็นการบอกให้เขาช่างมันเถอะ
หงฉางชิงจึงพูดกับนายหญิงใหญ่: “นายหญิงใหญ่อาน ในเมื่อท่านแน่วแน่ขนาดนี้ งั้นแซ่หงก็จะไม่ห้ามปรามอะไรแล้วครับ คอยหลังจากท่านมาถึงจินหลิงแล้ว อย่าลืมติดต่อหาแซ่หงนะครับ!”
“ได้เลยค่ะ!”นายหญิงใหญ่ยิ้มพลางพูด: “หงเทียนซือ งั้นเราเจอกันในจินหลิงนะคะ”
หงฉางชิงตอบกลับรัว ๆ: “ได้เลยครับนายหญิงใหญ่ เจอกันในจินหลิงครับ!”
กดวางสาย หงฉางชิงพูดด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยจนปัญญา: “อาจารย์เย่ กระผมพยายามสุดความสามารถแล้วจริง ๆ……”
เย่เฉินปัดมือแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง: “ไม่เป็นไร เรื่องนี้ไม่โทษนาย”
หลังจากพูดจบ เย่เฉินก็มองไปทางหงฉางชิงแล้วถามเขาว่า: “ไม่ทราบว่าตอนนี้หงเทียนซือมีแผนการอะไรบ้าง? นายอยากมาหาฉันและตอนนี้นายก็เจอฉันแล้ว ควรเตรียมตัวกลับอเมริกาแล้วสินะ?”
“กลับอเมริกา?!”
เมอื่หงฉางชิงได้ยินคำพูดดังกล่าว น้ำตาก็แทบจะร่วงลงมาจากเบ้าตาเลย
ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวเขาก็คือความตื่นเต้นดีใจ
อย่างไรเสียเย่เฉินก็ยินดีปล่อยตัวเองกลับอเมริกาแล้ว ซึ่งนี่ก็หมายความว่าเขาจะไม่ปลิดชีพตัวเอง และจะไม่กักขังตัวเองด้วย
ดังนั้นเขาจึงถามด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้นดีใจอย่างยิ่ง: “ผมกลับได้เหรอครับ?”
เมื่อเย่เฉินเห็นสภาพที่ตื่นเต้นดีใจของเขา จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะในใจ
อันที่จริงเขาก็ไม่มีความคิดที่จะเอาหงฉางชิงให้ตายเช่นกัน หงฉางชิงก็แค่เล่นอุบายบางอย่างกับซือเทียนฉี ถึงแม้จะต่ำทรามไปหน่อย แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นต้องตาย
มิหนำซ้ำหงฉางชิงมอบเตายาให้เขา แม้จะมอบให้ด้วยความไม่เต็มอกเต็มใจ แต่ก็ถือว่ายอมรับในความพ่ายแพ้อยู่
นอกเหนือจากนี้แล้ว เขาก็ถือว่ามีความสัมพันธ์กับคุณยายตัวเองเช่นกัน อนาคตถ้าเกิดตนยอมรับในตัวคุณยายแล้ว แล้วพูดถึงเพื่อนคนนี้ของเธอ สรุปหากทราบว่าเขาถูกตัวเองสังหาร หรือถูกตัวเองกักขังอยู่ในโรงเลี้ยงสุนัข งั้นมันก็จะดูไม่ค่อยดีจริง ๆ
อีกทั้งตอนนี้ตัวเองก็อยู่ในช่วงที่ต้องการกำลังคนด้วย เต้าหยินที่ใช้ชีวิตอยู่ในอเมริกาเหนือมานานขนาดนี้ แถมยังมีสมญานาม“หงเทียนซือ”อยู่ในสังคมชนชั้นสูงด้วย หากสามารถรับเขามาอยู่ใต้บังคับบัญชาของตัวเอง มันก็ต้องเป็นเรื่องที่ดีไปกว่านี้ไม่ได้อยู่แล้ว