ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5326 ทำลายสิ่งของเสียหายตามอำเภอใจ 2
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5326 ทำลายสิ่งของเสียหายตามอำเภอใจ 2
อีกทั้งอ้างอิงจากการบันทึกของตำราเก้าเสวียนเทียน แม้เตายาจะไม่มีพลังโจมตี แต่ก็ถือเป็นหนคางในเครื่องมือทางธรรมที่กลั่นค่อนข้างยาก แถมค่ายกลที่อยู่ภายในระดับเครื่องมือทางธรรมอย่างเตายานี้ เมื่ออยู่ภายใต้การปลุกเสกจากปราณทิพย์ จะทำให้ประสิทธิผลของวัตถุดิบยาได้รับการกลั่นกรองให้บริสุทธิ์มากยิ่งขึ้น กระทั่งบรรลุประสิทธิผลที่สูงขึ้น
หรือพูดอีกอย่างว่าถ้าเกิดเย่เฉินเอาวัตถุดิบของยาอายุวัฒนะ แล้วกลั่นสกัดโดยปราณทิพย์อย่างเดียว สิ่งที่กลั่นออกมาก็จะเป็นอายุวัฒนะทั่วไป แต่ถ้าเกิดเขานำวัตถุดิบยากลั่นในเตายาประเภทนี้ สิ่งที่กลั่นออกมาก็จะเป็นยาอายุวัฒนะPlus
ซึ่งประสิทธิผลของยาอายุวัฒนะPlusต้องดีเลิศกว่ายาอายุวัฒนะแน่นอน แต่ทว่าดีเลิศมากน้อยแค่ไหนนั้น ก็ต้องดูที่ระดับของเตายาอีกทีแล้วล่ะ
ในบางมุม การกลั่นยาและหลอมเล็กมีความคล้ายคลึงกันสูงมาก
ถ้าเกิดใช้แค่ปราณทิพย์กลั่นยา ก็เหมือนการหลอมเล็กของคนโบราณ ถึงแม้จะใช้ถ่านไม้อุณหภูมิสูงควบคู่กับเครื่องเป่าลม ก็พอบรรลุอุณหภูมิที่ใช้ในการหลอมเหล็กได้อยู่ แต่เนื่องจากอุณหภูมิไม่ถึง เพราะฉะนั้นเหล็กที่หลอมออกมาได้นั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าเตาหลอมอุณหภูมิสูงของอุตสาหกรรมปัจจุบัน คุณภาพของมันก็แตกต่างกันมาก
ส่วนเตายาเตานี้ ก็เท่ากับเตาหลอมที่ใช้ในการหลอมเหล็กในยุคปัจจุบัน!
เหมืองแร่เหล็กหินที่เหมือนกัน หากใช้วิธีการที่ดั้งเดิมที่สุด เหล็กที่หลอมออกมาได้นั้น มากสุดก็แค่สามารถสร้างดาบกระบี่ แต่ถ้าเกิดเป็นเหล็กที่หลอมออกมาจากเตาหลอมในยุคปัจจุบัน กลับสามารถนำมาสร้างเครื่องบินปืนใหญ่ หรือแม้กระทั่งเรือบรรทุกเครื่องบิน
อีกทั้งการกลั่นยาด้วยมือเปล่า สามารถกลั่นได้แค่ยาระดับต่ำ ทันทีที่เป็นยาระดับสูงกลาง ก็จำเป็นต้องใช้เตายาถึงจะสามารถกลั่นออกมาได้ เพราะฉะนั้นของชิ้นนี้จึงมีความหมายต่อการพัฒนาในอนาคตของเย่เฉินมาก ๆ!
เย่เฉินในตอนนี้ต้องรู้สึกชื่นใจอย่างยิ่งอยู่แล้ว
แต่ว่าเขาก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อยเช่นกัน หงฉางชิงนี่เป็นแค่นักพรตที่บำเพ็ญบู๊ไม่มีปราณทิพย์เลยด้วยซ้ำ แล้วเขาใช้เตายานี้ยังไง?
เมื่อนึกคิดถึงจุดนี้ เย่เฉินจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากสอบถาม: “หงเทียนซือ ฉันขอถามอะไรนายหน่อยนะ ปกตินายเอาของสิ่งนี้ไว้ทำอะไร?”
ดวงตาทั้งสองข้างของหงฉางชิงจ้องเขม็งไปทางเตายานั่น ภายในสายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความไม่เต็มใจและเจ็บปวด พลางพูดพึมพำ: “ปกติผมจะใช้เตายานี่กลั่นต้มยาสมุนไพรบางอย่าง หรือไม่ก็กลั่นยาพื้นฐานครับ”
เย่เฉินถามอีกว่า: “นายรู้เหรอว่าต้องใช้เตายานี่ยังไง หรือฉันขอถามตรงกว่านี้หน่อยว่านายใช้เตายานี่ยังไง?”
หงฉางชิงอธิบาย: “ก็แค่เติมไฟถ่านลงไปตรงส่วนก้นของเตายา จากนั้นค่อยเทวัตถุดิบยาและน้ำเข้าไปในเตายา แล้วใช้ไฟเบาตุ๋นต้ม……อันที่จริงก็เป็นหลักการเดียวกันกับการใช้หม้อดินต้มสมุนไพรยาจีนนี่แหละครับ……”
“ใช้ไฟถ่าย?”เย่เฉินรู้สึกมึนงง ก่อนจะใช้มือพลิกดูเตายาสามขา และเห็นร่องรอยที่เตายาถูกไฟถ่านอบจนดำไหม้ตรงก้นจริง ๆ ด้วย อีกทั้งดูแล้วมันน่าจะถูกไฟถ่านอบมาไม่เพียงสิบกว่าปีเท่านั้น อาจจะถูกอบเผามาร้อยกว่าปีแล้ว
เย่เฉินอดไม่ได้ที่จะพูดในใจ: “แม่งเอ๊ย ไอ้พวกนักพรตในเต๋าไท่เจินนี่โง่จริง ๆ ถึงขั้นใช้ไฟถ่านเผาเครื่องมือทางธรรม ช่างเป็นการทำลายสิ่งของเสียหายตามอำเภอใจจริง ๆ!”
เมื่อนึกถึงตรงนี้ เย่เฉินก็ถามอีกว่า: “หรือว่าพวกจู่ซือในเต๋าไท่เจินของพวกนาย กลั่นยาโดยใช้เตายานี่ควบคู่กับไฟถ่านมาตลอดเลยเหรอ?”
“ใช่แล้วครับ”หงฉางชิงตอบกลับโดยสัญชาตญาณ: “วิธีการใช้เตายาก็เป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่ครับ ถ้าเกิดไม่เติมน้ำแล้วใช้ไฟมาต้มวัตถุดิบยา แล้วยังมีวิธีการอะไรที่สามารถกลั่นให้มันกลายเป็นยาได้อีกเหรอครับ? หรือว่าจะใช้อัคคีแท้สามรสในตำนานเทพนิยายครับ?”
เย่เฉินหลุดหัวเราะออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
ดูท่าเต๋าไท่เจินนี่ก็ได้รับเตายาเตานี้มาได้ด้วยความบังเอิญเหมือนกัน ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าควรจะใช้เตายานี่ยังไง
ด้วยเหตุนี้จึงสามารถดูออกอยู่ว่าในประวัติศาสตร์นับพันปีของเต๋าไท่เจินจากผู้สืบทอดที่มากมายขนาดนี้ ล้วนไม่มีใครสามารถยึดกุมปราณทิพย์เลย พอคิดแล้วก็น่าเศร้าใจเล็กน้อยอยู่เหมือนกัน