ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5319 ฉันมีวิธีจัดการแก 1
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5319 ฉันมีวิธีจัดการแก 1
เมื่อเห็นว่าเย่เฉินกำลังข่มขู่เขา และยังจงใจยื่นแขนมาตรงหน้าเขา หงฉางชิงอยากจะฉีกเขาออกเป็นชิ้นๆ เพราะเขาไม่เคยถูกเหยียดหยามเช่นนี้มาก่อนในชีวิต
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาคิดว่าเขายังมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำในจินหลิง ออกไปก็เป็นสถานีตำรวจเมื่อแม้ว่าในใจเขาจะโกรธมากแต่เขาก็ทำได้เพียงระงับมันไว้อย่างสุดชีวิต
เมื่อเฉินเย่เห็นว่าใบหน้าของเขาซีดเซียวและทั้งตัวเขาเหมือนกำลังจะระเบิดออกมา เย่เฉินหัวเราะและเย้ยหยัน: “เป็นอะไร? คุณไม่กล้าวัดชีพจรฉันเหรอ ฉันคิดว่าเมื่อวานนี้ไอ้แก่อย่างแกน่าจะชนะหมอเทพซือด้วยการโกง ถ้าไม่อย่างนั้นทำไมแกถึงไม่กล้าวัดชีพจรของฉัน”
เดิมทีเย่เฉินสงสัยว่าหงฉางชิงคนนี้ได้วางกับดักให้ซือเทียนฉีหรือไม่ แต่วันนี้เมื่อเห็นว่าเขาเป็นนักบู๊แปดดาวจึงมั่นใจกับสิ่งที่คาดเดามากขึ้น
นักบู๊ระดับแปดดาวต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ทุกวัน แม้ว่าบุคคลดังกล่าวจะมีพรสวรรค์เป็นแพทย์ชั้นนำของประเทศ แต่เขาก็ไม่มีเวลาและโอกาสมากพอที่จะเป็นแพทย์ชั้นนำของประเทศอย่างแน่นอน
ในโลกนี้มีนักวิทยาศาสตร์ระดับแนวหน้าหลายคนที่สามารถคว้ารางวัลโนเบล และยังมีปรมาจารย์หลายคนที่สามารถศึกษาเครื่องดนตรีบางชนิดหรือภาพวาดบางภาพจนสมบูรณ์แบบได้ และยังมีนักกีฬาอีกมากมายที่สามารถฝึกฝนกีฬาจนกลายเป็นแชมป์โลกได้
อย่างไรก็ตามมีใครเคยได้ยินไหมว่ามีผู้รับรางวัลโนเบลคนไหนที่สามารถเป็นนักเปียโนและแชมป์โอลิมปิกพร้อมกันได้
พลังงานของมนุษย์มีจำกัดเสมอ ในเมื่อหงฉางชิงเป็นนักบู๊แปดดาว แน่นอนว่าเขาไม่มีเวลาและพลังมากพอที่จะเป็นผู้นำในด้านอื่นๆ
ขณะนี้เมื่อเห็นว่าเย่เฉินบีบคั้นเขามาโดยตลด หงฉางชิงก็รู้สึกตื่นตระหนก
แม้ว่าเขาจะเป็นปรมาจารย์ลัทธิเต๋าและถือได้ว่าเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ แต่ที่ผ่านมาส่วนใหญ่เขาทุ่มเทให้กับการฝึกศิลปะต่อสู้ และอีกส่วนก็ใช้เพื่อศึกษาการกลั่นโอสถระดับต่ำของลัทธิเต๋า เขาไม่ได้ศึกษาลงลึกเรื่องแพทย์แผนจีนแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามใช่ว่าเขาไม่มีความรู้เรื่องทักษะทางการแพทย์แม้แต่น้อย อย่างไรเสียลัทธิเต๋าก็เก่งเรื่องทางการแพทย์ ดังนั้นเขาจึงยังเหนือกว่าแพทย์จีนส่วนใหญ่ที่มีข้อจำกัด แต่เมื่อเทียบกับหมอเซียนอย่างซือเทียนฉีแล้วยังต่างกันมาก
เมื่อเขาพอใจจี้ซื่อถังของซือเทียนฉี และในขณะเดียวกันก็ต้องการที่จะครอบครองมัน ใช้จังหวะที่ซือเทียนฉีใกล้จะตั้งหลักในจินหลิงแล้ว เขาก็คิดจะขุดหลุมกับดักให้ซือเทียนฉี
แต่เนื่องจากทักษะทางการแพทย์ของเขาด้อยกว่าซือเทียนฉี ดังนั้นเขาจึงตั้งใจจ้างหน้าม้ามาสองสามคนจากนั้นใช้โอกาสนี้แข่งทักษะทางการแพทย์กับซือเทียนฉี ผู้ป่วยหญิงทุกคนที่มาหาหมอเมื่อวานนี้คือต่างเป็นคนที่เขาจัดไว้ทั้งหมด แค่ซือเทียนฉีตกลงจะแข่งกับเขา ไม่ว่าซือเทียนฉีจะเลือกใครเป็นเป้าหมายในการแข่งขันเขาก็แพ้อยู่ดี
ตอนนั้นเขาจูงจมูกซือเทียนฉีและใช้พยานในที่เกิดเหตุกดดันซือเทียนฉี ส่วนซือเทียนฉีไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย
แต่เย่เฉินไม่ใช่ซือเทียนฉี
ซือเทียนฉีอาจรู้สึกว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีเพราะเขาเลือกเป้าหมายการแข่งขันจากผู้ป่วยหลายราย
แต่เย่เฉินรู้สึกว่ามันฟังดูแปลกๆ
เมื่อเห็นว่าหงฉางชิงยังเงียบเขาก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ไม่กล้าแข่งใช่ไหม? ดูแล้วแกเป็นคนโกหกแน่ๆ! รีบไสหัวออกไปให้ไกลที่สุดก่อนที่ฉันจะโทรแจ้งตำรวจมาจับแก! ”
หงฉางชิงกัดฟันแล้วพูดว่า “ใครว่าฉันไม่กล้าล่ะ แต่แกเป็นคนของซือเทียนฉี พวกแกทุกคนสมรู้ร่วมคิดกัน ให้ฉันจับชีพจรเพื่ออะไร แม้ว่าฉันจะเดาถูกแกก็จะบอกว่าฉันเดาไม่ถูก! ”
เย่เฉินยิ้มแล้วหยิบบัตรประจำตัวของเขาออกมาทันที วางมันไว้บนโต๊ะแล้วปิดชื่อและวันเกิดของเขาแล้วพูดเรียบๆ: “มา บัตรประจำตัวของฉันอยู่นี่แกมาวัดชีพจรของฉัน หากวันเดือนปีเกิดที่แกวัดได้ คลาดเคลื่อนจากบัตรประชาชนไม่เกินเจ็ดวัน ถือว่าแกชนะ”