ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5221 ความแค้นจะไม่หายไปโดยไร้สาเหตุหรอก 1
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5221 ความแค้นจะไม่หายไปโดยไร้สาเหตุหรอก 1
ชิวอิงซานหัวเราะเก้อเขิน แล้วพูดทอดถอนใจ : “บอกได้แค่ว่าไอ้หนุ่มนี้มีเสน่ห์ไม่ธรรมดาเลย เพียงแต่ม่านฉงชอบผู้ชายที่มีภรรยาแล้วอย่างเขา เกรงว่าในอนาคตคงยากที่จะสำเร็จเอาน่ะสิครับ……”
หลินหว่านเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อย แล้วนึกอะไรขึ้นได้ จากนั้นถามชิวอิงซาน : “ช่วยลองสืบดูว่าคราวก่อนที่เย่เฉินไปเจอหลิวเจียฮุยที่เกาะฮ่องกาง ใช้สถานะไหน และไปทำอะไรกันแน่ได้ไหมคะ ?”
“ง่ายมากเรื่องนี้” ชิวอิงซานพยักหน้า แล้วบอก : “ผมลองโทรถามเจียฮุยดูก็รู้แล้วครับ”
“ไม่ได้ !” หลินหว่านเอ๋อร์หยุดเขาเอาไว้ แล้วบอกว่า : “ในเมื่อพ่อของหลิวม่านฉงรู้จักเย่เฉิน งั้นเขาต้องรู้ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงที่ลูกสาวของตัวเองมาที่เมืองจินหลิงก็เพื่อเย่เฉินอย่างแน่นอน และเขาก็รู้ว่า ลูกสาวเขาเพิ่งจะทานข้าวเที่ยงด้วยกันกับคุณ หากว่าจู่ ๆ คุณโทรถามเขาถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเย่เฉินในเวลานี้ คุณจะต้องกระตุ้นความสงสัยของเขาอย่างแน่นอน หลังจากนี้เขาแลกเปลี่ยนข้อมูลกับหลิวม่านฉงอีกที เราก็จะอธิบายเหตุจูงใจได้ยากเอา”
ชิวอิงซานพูดด้วยใบหน้าเสียใจ : “กระผมช่างโง่ ถึงกับไม่ได้พิจารณาความสัมพันธ์ส่วนได้ส่วนเสียในนี้โดยละเอียด ช่างน่าละอายใจเหลือเกินครับ……”
“ไม่เป็นไรค่ะ” หลินหว่านเอ๋อร์พูดราบเรียบ : “ต้องโทษที่ฉันไม่ได้บอกคุณให้ชัดเจน เงื่อนไขข้อแรกของการตรวจสอบเรื่องนี้คือเปิดเผยไม่ได้ค่ะ”
ว่าแล้ว เธอก็พูดอีก : “การสืบเรื่องนี้ จะต้องใช้วิธีที่ช้า ๆ หรืออ้อมค้อม คุณออกหน้าไปถามเขาตรง ๆ ไม่ได้ และคุณออกหน้าถามคนข้างกายเขาหรือว่าคนที่มีการคบหากับเขาไม่ได้ด้วยเหมือนกันค่ะ ทางที่ดีหาคนกลางที่ควบคุมได้ไปสอบถามอีกทีจะดีกว่าค่ะ”
ชิวอิงซานลองคิดดู แล้วบอก : “อันนี้จัดการได้ง่ายครับ ลูกน้องคนหนึ่งของผมเป็นญาติกับพ่อบ้านของเจียฮุยมาก่อนครับ ต่อมาผิวเผินเขาออกจากที่นี่ แล้วกลับไปเติบโตที่เกาะฮ่องกาง แต่อันที่จริงผมช่วยเหลือให้เขาทำงานให้ผมที่เกาะฮ่องกางอย่างลับ ๆ อยู่ครับ ผมจะให้เขาลองไปถามดูครับ พวกเราสองคนเป็นญาติกัน น่าจะคุยกันง่ายครับ”
“ดีเลยค่ะ” หลินหว่านเอ๋อร์พยักหน้า จากนั้นบอกอีก : “จริงสิ คุณไปบอกกับเฒ่าแก่ซุนอีกที ฉันอยากได้บันทึกการเข้าออกประเทศในสองปีมานี้ทั้งหมดในสถานะตอนนี้ของเย่เฉิน ให้เขาช่วยฉันสืบดูให้หน่อย แล้วจัดเก็บเป็นลิสต์ให้เป็นระเบียบแล้วส่งมาให้ฉันทีค่ะ”
“ได้ครับคุณหนู !”
……
สิบนาทีต่อมา
ชิวอิงซานกับซุนจือต้งนำกระดาษที่ได้พิมพ์ใบหนึ่งมาให้ข้างหน้าหลินหว่านเอ๋อร์ด้วยกัน
ชิวอิงซานยืนอยู่ข้างหน้าหลินหว่านเอ๋อร์ แล้วพูดนอบน้อม : “คุณหนูครับ เรื่องที่คุณให้ผมไปสืบ สืบได้มาพอสมควรแล้วครับ”
หลินหว่านเอ๋อร์พยักหน้า : “ลองว่ามาค่ะ”
ชิวอิงซานบอก : “ก่อนอื่นเป็นเรื่องที่เย่เฉินไปเจอเจียฮุยที่เกาะฮ่องกาง ข่าวคราวที่ผมให้คนไปสอบถามมาได้คือ สถานะของเย่เฉินในตอนนั้นคือผู้บริหารระดับสูงของบริษัท นานาซูขนส่ง จำกัด เจียฮุยอยากร่วมมือกับบริษัท นานาซูขนส่ง จำกัดมาโดยตลอด ดังนั้นบริษัท นานาซูขนส่ง จำกัดเลยส่งเย่เฉินไปคุยกันซึ่ง ๆ หน้ากับเขา เลยถือโอกาสตรวจดูสถานการณ์ของเขาไปด้วยเลยครับ”
“บริษัท นานาซูขนส่ง จำกัด ?” หลินหว่านเอ๋อร์ขมวดคิ้วถาม : “บริษัทแห่งนี้มีประวัติความเป็นมายังไง ? ด้วยสถานะและศักยภาพของเย่เฉิน ฉันไม่เชื่อว่าเขาจะรับตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของบริษัทแห่งไหนหรอกนะ”
ชิวอิงซานรีบบอก : “บริษัท นานาซูขนส่ง จำกัดมีภูมิหลังไม่ธรรมดาเลยครับ นี่เป็นหยวนหยางขนส่งกรุ๊ปที่ร่วมลงทุนทำระหว่างตระกูลอิโตะของประเทศญี่ปุ่นกับตระกูลซูหัวเซี่ยครับ เนื่องจากทั้งสองตระกูลนี้ต่างมีศักยภาพที่แข็งแกร่งมากอยู่แล้วในด้านการขนส่งของหยวนหยาง หลังจากทั้งสองรวมเป็นหนึ่ง ก็ยิ่งกลายเป็นยักษ์ใหญ่ของอาณาจักรการขนส่งครับ”
“ตระกูลซูกับตระกูลอิโตะ……” หลินหว่านเอ๋อร์เม้มปาก แล้วพูดไตร่ตรอง : “ฉันเคยได้ยินทั้งสองตระกูลนี้มาบ้าง ด้านหนึ่งเป็นตระกูลที่มีกำลังแข็งแกร่งที่สุดในหัวเซี่ย อีกด้านหนึ่งเป็นตระกูลที่มีกำลังแข็งแกร่งที่สุดในประเทศญี่ปุ่น เมื่อทั้งสองฝ่ายร่วมมือกันอย่างแข็งแกร่ง ก็ไม่มีจุดประหลาดในขอบเขตทางการค้าหรอก แต่ที่น่าแปลกก็คือ ทำไมเย่เฉินต้องไปพบหลิวเจียฮุยด้วยสถานะผู้บริหารระดับสูงของบริษัทแห่งนี้ด้วยล่ะ ? เย่เฉินไม่มีทางทำงานนอกเวลาให้บริษัทขนส่งอย่างนี้หรอก”