ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5215 เหมือนมีเทวดาคอยช่วยเหลือ 2
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5215 เหมือนมีเทวดาคอยช่วยเหลือ 2
รถยนต์ขับเข้ามาในโฮมสเตย์ แล้วจอดอยู่นอกประตูใหญ่ที่กว้างใหญ่ตรงลานบ้านอาคารหลักหนึ่งชั้น
ที่นี่เหมือนกับโรงแรมเลย ออกแบบระเบียงกว้างใหญ่ที่สามารถจอดรถเรียงได้สามคัน ชิวอิงซานกับภรรยาคล้องแขนกัน ออกมาต้อนรับด้วยตัวเองจากในห้องโถงใหญ่
พอหลิวม่านฉงจากรถ ก็เห็นสองสามีภรรยาเดินยิ้มแฉ่งออกมา เลยรีบเดินไปหา พูดด้วยความนอบน้อม : “คุณปู่ชิว คุณย่าชิว ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ สุขภาพของทั้งสองคนยังคงแข็งแรงขนาดนี้เลยเชียว !”
ชิวอิงซานพูดพร้อมกับหัวเราะฮ่า ๆ : “ม่านฉง เราไม่ได้เจอกันหลายปีแล้วสินะ หนูเองก็เป็นหญิงสาวที่สะโอดสะอง สวยขนาดนี้แล้ว !”
หลิวม่านฉงยิ้มบอก : “คุณปู่ชิวคะ หนูเกรงว่ากลายเป็นยายแก่เอาแล้วน่ะสิคะ”
นายหญิงใหญ่ที่อยู่ด้านข้างเดินไปข้างหน้า แล้วจับมือหลิวม่านฉง พูดด้วยความเอ็นดู : “ม่านฉง นับวันหนูก็ยิ่งโตเหมือนแม่หนูเข้าทุกทีแล้ว ครั้งก่อนที่ย่าเห็นหนู เป็นตอนที่คุณปู่ของหนูเสีย เวลานานขนาดนี้หนูไม่ได้ไปเยี่ยมย่าที่สิงคโปร์หรือมาเลย์เลย”
นายหญิงใหญ่ชิวชื่นชอบคุณแม่ของหลิวม่านฉงเป็นอย่างมาก ก่อนหน้าตอนที่คนชราตระกูลหลิวยังอยู่ ทั้งสองตระกูลมารวมตัวเจอหน้ากันอยู่บ่อย ๆ คุณแม่ของหลิวม่านฉงเป็นคนอ่อนโยนและเพียบพร้อมด้วยศีลธรรม ฉลาดหลักแหลมและใจกว้าง ทำให้นายหญิงใหญ่ชิวที่ไม่มีลูกสาวชื่นชมเป็นพิเศษ
ตอนที่หลิวม่านฉงเด็กก็เจอกับคนตระกูลชิวอยู่บ่อย ๆ นายหญิงใหญ่ค่อนข้างเอ็นดูเธอมากจริง ๆ แม้ว่าไม่ได้เจอมาหลายปี แต่พอมองบนตัวของเธอก็ยิ่งมีเงาของคุณแม่เพิ่มขึ้นหลายส่วน ในใจก็ยิ่งมีความรักและสงสารเพิ่มมากขึ้น
หลิวม่านฉงพูดด้วยความรู้สึกขอโทษ : “คุณย่าชิวคะ หลายปีมานี้……เนื่องจากการเรียนกับสาเหตุอย่างอื่น หนูเลยไม่ค่อยได้ออกจากเกาะฮ่องกาง ไม่สามารถไปเยี่ยมคุณได้ ขอให้คุณให้อภัยหนูด้วยนะคะ……”
นายหญิงใหญ่ชิวพูดด้วยความจริงจัง : “ย่าเข้าใจจ๊ะ ในปีนั้นที่แม่หนูเสีย คุณปู่ชิวหนูไปหาหมอที่สหรัฐอเมริกาเป็นเพื่อนย่า เราสองคนเลยไม่สามารถไปส่งเขาเป็นครั้งสุดท้ายได้ ทุกครั้งที่นึกถึงในหลายปีมานี้นั้น ในใจก็รู้สึกละอายใจมาก และเสียใจเหลือเกิน”
นับตั้งแต่แม่เสียไป นอกเหนือจากน้องสาวแท้ ๆ ของตัวเองแล้ว หลิวม่านฉงแทบจะไม่ค่อยได้สัมผัสครอบครัวสักเท่าไหร่ พ่อแท้ ๆ ของตัวเองก็พึ่งพาไม่ได้ ดังนั้นเลยห่างเหินกับญาติพี่น้องคนอื่น ๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ
แต่เธอนึกไม่ถึง นายหญิงใหญ่ชิวยังละอายใจเนื่องจากไม่สามารถไปเข้าร่วมงานศพคุณแม่ที่เกาะฮ่องกางได้ จมูกก็เริ่มรู้สึกหน่วง ๆ น้ำตาก็ระรื้นเต็มขอบตาโดยไม่รู้ตัว
งานศพของคุณแม่ในปีนั้น แม้ว่าคุณท่านกับนายหญิงใหญ่ของตระกูลชิวไม่สามารถมาเข้าร่วมได้ แต่ลูกชายของตระกูลชิวหลายคนก็รีบไป สำหรับงานศพของชนรุ่นหลัง กฎของตระกูลชิวก็ไม่มีที่ติแล้ว
คิดถึงตรงนี้ เธอก็พูดกับนายหญิงใหญ่ชิวด้วยความละอายใจอยู่หน่อย : “คุณย่าอย่าพูดแบบนี้เด็ดขาดเลยนะคะ คุณแม่หนูเป็นชนรุ่นหลังของคุณ เขาที่อยู่บนสวรรค์ ต้องไม่อยากให้คุณวิ่งเต้นด้วยความเหน็ดเหนื่อยเนื่องด้วยการถึงแก่กรรมของเขาอย่างแน่นอนค่ะ……”
ว่าแล้ว เธอก็พูดด้วยความจริงใจมาก ๆ : “นับตั้งแต่คุณแม่เสียไป หลายปีนี้นับวันหนูก็ยิ่งโดดเดี่ยว ไม่สามารถมาเยี่ยมคุณได้เลย และไม่ค่อยได้โทรหาคุณสักเท่าไหร่ รู้สึกละอายใจเหลือเกินจริง ๆ ค่ะ……”
นายหญิงใหญ่ชิวเห็นเธอทุกข์ใจ เลยตบที่หลังมือของเธอ แล้วพูดปลอบใจ : “เอาละ มันผ่านไปแล้ว รอให้หนูมาทำงานที่มหาวิทยาลัยจินหลิง จะต้องมานั่งเล่นที่บ้านบ่อย ๆ นะ ย่ากับคุณปู่ชิวหนูอยู่ที่นี่ในระยะนี้”
“ได้ค่ะ !” หลิวม่านฉงรับปากโดยไม่ต้องคิดเลย : “ถึงตอนนั้นหนูจะมาเยี่ยมคุณบ่อย ๆ เลยค่ะ !”
คราวนี้ชิวอิงซานเอ่ยปาก : “ม่านฉง เราเข้าไปคุยกันดีกว่า ปู่มีหลานสาวอยู่คนหนึ่ง กำลังทำเรื่องเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยจินหลิงอยู่พอดี พอเปิดภาคเรียนก็เป็นนักศึกษาปีหนึ่ง ได้แนะนำให้หนูได้รู้จักกับเขาพอดี จากนี้หนูเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยจินหลิง เขาเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่งที่ที่มหาวิทยาลัยจินหลิง ในเวลาปกติต้องรบกวนให้หนูช่วยดูแลเขามาก ๆ ด้วยทีนะ”
หลิวม่านฉงถามด้วยความตกใจ : “คุณปู่ชิวคะ หลานสาวคุณจะไปเรียนที่มหาวิทยาลัยจินหลิงเหรอคะ ?”
“ใช่แล้วล่ะ” ชิวอิงซานยิ้มบอก : “ครั้งนี้เราสองคนมาที่เมืองจินหลิง นอกเหนือจากมาลองดูแล้ว ก็อยากช่วยเขาทำเรื่องเข้าเรียนให้เรียบร้อย นึกไม่ถึงว่าหนูถึงกับจะมาสมัครงานที่มหาวิทยาลัยจินหลิง บังเอิญเหลือเกินจริง ๆ !”
ว่าแล้ว ชิวอิงซานก็มองหลินหว่านเอ๋อร์ที่เดินออกมาจากในห้องโถง แล้วยิ้มบอกหลิวม่านฉง : “เขามาแล้ว !”