ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5112 เอาอะไรมาลืมตาอ้าปาก? 2
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5112 เอาอะไรมาลืมตาอ้าปาก? 2
เซียวชูหรันพูดออกมาทันทีว่า : “ถ้าป้าจะมีโอกาสลืมตาอ้าปากได้ก็เป็นเรื่องที่ดีนะ ก่อนหน้านี้ครอบครัวของพวกเธอลำบากอย่างมาก และไม่ต้องพูดถึงคุณยายเลย ส่วนลุงใหญ่กับไห่หลงนอนติดเตียงตลอด แทบจะไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้เลย ทั้งหมดล้วนต้องอาศัยการช่วยเหลือจากเธอ ตอนนี้มีเงินแล้ว ชีวิตก็จะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน”
หม่าหลันกล่าวด้วยความโกรธ : “ฉันจะบอกคุณให้นะชูหรัน บนโลกใบนี้ ใครก็สามารถมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ แต่จะมีเพียงครอบครัวเฉียนหงเย่นของเธอเท่านั้นที่ไม่สามารถทำได้!”
เซียวชูหรันถามด้วยความแปลกใจ : “ทำไมล่ะแม่ ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นครอบครัวเดียวกัน เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่ได้ไปมาหาสู่กัน แต่นั่นก็ถือว่าเป็นญาตินะ”
“ไม่!” หม่าหลันกัดฟันด้วยความโกรธ : “ฉันจะบอกคุณให้นะ บางครั้ง คนที่อำมหิตกับคุณที่สุด กลับเป็นกลุ่มคนที่เลือดข้นกว่าน้ำด้วยซ้ำ! คุณไม่รู้หรอกว่าเฉียนหงเย่นคนนี้โหดเหี้ยมแค่ไหน!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ หม่าหลันก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงตอนนั้น ที่เฉียนหงเย่นหลอกลวงต้มตุ๋น หลอกลวงตนเองจนแทบสิ้นเนื้อประดาตัว
ครั้งนั้นถ้าไม่มีเย่เฉิน ตนเองคงจบสิ้นไปแล้วจริงๆ
ก็เป็นเพราะว่าครั้งนั้น หม่าหลันจึงตระหนักได้ว่า เฉียนหงเย่นกันเซียวฉางเฉียนสองคนนี้ เป็นคนที่ขูดรีด แล้วก็ข่มเหงรังแกคน!
ดังนั้น หม่าหลันต่อเฉียนเย่หลัน จึงมีความคับแค้นใจมาตลอด อีกทั้งยังระแวงระวังอย่างมากด้วย!
ก่อนหน้านี้เธอเคยใกล้ชิดสนิทสนมกับเฉียนหงเย่น นั่นก็เพราะเฉียนหงเย่นเลียแข้งเลียขาหม่าหลันราวกับหมาปั๊กตัวหนึ่ง ทำให้หม่าหลันรู้สึกหยิ่งในศักดิ์ศรี และทำให้หม่าหลันรู้สึกพึงพอใจอย่างมาก ที่ได้เหยียบเฉียนหงเย่นเอาไว้ใต้เท้า แต่เฉียนหงเย่นกลับเป็นห่วงความรู้สึกของเธอ
เพียงแต่ว่า ถึงแม้เธอจะพาเฉียนหงเย่นไปกินไปดื่มไปเที่ยว เธอยังคงจำไว้ขึ้นใจ ว่าเฉียนหงเย่นเป็นคนที่โหดเหี้ยมและละโมบโลภมาก ตนเองจึงต้องระวังไม่ให้เธอแว้งกัดตลอดเวลา
เดิมทีแล้ว เอคิดว่าชั่วชีวิตนี้เฉียนหงเย่นไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้ แต่คาดไม่ถึงเลยว่า ผู้หญิงคนนี้จะพลิกชีวิตได้รวดเร็วขนาดนี้!
เอนึกถึงโลโก้ที่เห็นท้ายรถเมื่อครู่นี้ อดถามเย่เฉินไม่ได้ : “ลูกเขย G500คือรถอะไรเหรอ แพงมากไหม?”
“G500นะเหรอ……” เย่เฉินตอบทันที : “มันเป็นหนึ่งในรถเมอร์เซเดส-เบนซ์SUV G ดีกว่าG350 และแย่กว่าG63”
หม่าหลันพูดโพล่งออกมา : “ไม่ใช่บอกว่า SUV G คือG63 หรอกเหรอ? แล้วทำไมG500 ถึงเป็นหนึ่งใน SUV G ล่ะ?”
เย่เฉินยิ้มพร้อมกล่าวว่า : “ดูเหมือนว่าซีรี่ย์G จะเรียก SUV G ทั้งหมด และG500 ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่แพงเท่า G63 แต่ก็ไม่ได้ถูก และรถคันนี้มีราคาระดับพรีเมี่ยมเสมอ ดังนั้นต่อไปราคาจะสูงถึงสองล้านกว่าหยวนเลย”
“คุณว่าอะไรนะ?!” หม่าหลันดวงตาเบิกโพลง ราคาสองล้านกว่าหยวนเลยเหรอ?!”
“ใช่แล้วครับ” เย่เฉินพยักหน้า
หม่าหลันกระทืบเท้าด้วยความโกรธ : “ให้ตายเถอะ! พระเจ้าตาบอดหรือไง! เฉียนหงเย่นจะขับรถราคาสองล้านกว่าได้ยังไง?! เธอมีอะไรดี! ครอบครัวยากจนข้นแค้นขนาดนั้น ยังขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์SUV Gคันละสองล้านกว่า แม่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!”
เย่เฉินพูดประโยคหนึ่งที่แทงใจ : “แม่ครับ ครอบครัวที่สามารถซื้อรถราคาแพงขนาดนี้ได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะยากจนข้นแค้นอย่างแน่นอน ก่อนหน้านี้อาจจะยากจนจริงๆ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า จะพลิกผันชีวิตได้จริงๆ ”
หม่าหลันนึกอะไรได้ จึงขมวดคิ้วและกล่าวว่า : “ไม่ใช่เซียวเวยเวยใช่ไหม?! ฉันเหมือนจะเคยได้ยินเธอพูดถึงมาก่อน เซียวเวยเวยทำบริษัทโมเดลลิ่งอะไรสักอย่าง ดูเหมือนว่าธุรกิจจะไปได้ด้วยดี ฉันยังคิดว่าเซียวเวยเวยเป็นลูกจ้างคนอื่น ไม่คิดเลยว่าจะหารายได้ได้ขนาดนี้!”