ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5085 ช่วยฉันสืบคนหนึ่งคน2
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5085 ช่วยฉันสืบคนหนึ่งคน2
ส่วนหลินหว่านเออร์ก็ยืนอยู่ตรงนั้น มองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้ม จนกระทั่งผู้อาวุโสคนนั้นมาตรงหน้าเธอ
ผู้อาวุโสยืนนิ่งอยู่ตรงด้านหน้าของเธอ หายใจหอบอยู่บ้าง พลางเอ่ยพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น : “คุณหนู เป็นคุณจริงๆ! คุณมาที่นี่ได้อย่างไร?”
หลินหว่านเออร์ยิ้มออกมาเล็กน้อย : “มาขอพักอาศัยชั่วคราว สะดวกไหมคะ?”
“สะดวก สะดวก!”ผู้อาวุโสรีบพยักหน้าลง จากนั้นก็เอ่ยถามขึ้น : “คุณหนูมาคนเดียวหรือ? เหล่าจางไม่ได้มาด้วยใช่ไหม?”
“ไม่ค่ะ” หลินหว่านเออร์ส่ายหน้าเล็กน้อย : “อีกสองสามวันเหล่าจางก็จะต้องไปหัวเซี่ยอีก”
ว่าแล้วหลินหว่านเออร์ก็มองไปรอบๆพลางเอ่ยปากขึ้น : “เข้าไปคุยกันข้างในดีกว่าค่ะ มีบางเรื่องที่ฉันอยากจะขอให้คุณช่วย”
ผู้อาวุโสทำท่าทางเป็นการเชิญให้เข้าไปพลางเอ่ยขึ้นอย่างนอบน้อม : “เชิญคุณหนู!”
หลินหว่านเออร์พยักหน้าลง แล้วก้าวเข้าไปในประตูบานใหญ่นั้น
เข้าประตูใหญ่ไปแล้วสามารถเห็นได้ว่า ด้านในเรือนสี่ประสานนี้ใหญ่มากจนเหลือเชื่อ
หินสีฟ้าที่เป็นระเบียบปูออกมาตรงลานกว้าง อย่างน้อยๆก็หลายพันตารางเมตร
ผู้อาวุโสพาหลินหว่านเออร์มาที่ห้องหนังสือของตัวเอง จากนั้นก็กำชับกับทุกคนว่าให้อยู่ห่างจากห้องหนังสือไปห้าสิบเมตร ครอบครัวทุกคน คนรับใช้ทั้งหมดให้ย้ายไปอยู่ทางล้านด้านหลัง
ในห้องหนังสือ ผู้อาวุโสเชิญหลินหว่านเออร์นั่งลบบนเก้าอี้ไม้พะยูงไหหลำอย่างนอบน้อม แล้วถึงได้เอ่ยถามขึ้น : “คุณหนู นี่….คุณมาจากที่ไหน ทำไมไม่บอกก่อนเสียหน่อย จะได้จัดคนไปรับคุณ!”
หลินหว่านเออร์เอ่ยพูดขึ้นนิ่งๆ : “ทางที่ฉันมาทรมานมากเหมือนกัน ออกเดินทางจากยุโรปเหนือ หลังจากนั้นก็นั่งเรือไปที่มูร์มันสค์ของรัสเซีย จากนั้นจากที่มูร์มันสค์ก็ขึ้นทางบก นั่งรถ นั่งรถไฟทรมานมาจนถึงมอสโก แล้วก็นั่งเครื่องบินจากมอสโกมายังเวียดนาม สุดท้ายก็เดินเท้าจากเวียดนามเข้ามาที่หัวเซี่ย แล้วก็นั่งเครื่องบินจากภาคตะวันตกเฉียงใต้มาที่เย่นจิง”
“อุตส่าห์ตรากตรำขนาดนี้?” ผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นอย่างประหลาดใจ : “คุณหนู จู่ๆใช้เส้นทางที่อ้อมมาที่หัวเซี่ยขนาดนี้ เจอเรื่องยุ่งยากอะไรหรือเปล่า?”
“ใช่ค่ะ” หลินหว่านเออร์ไม่ปกปิดเช่นกัน พลางเอ่ยขึ้นมาอย่างตรงไปตรงมา : “ตอนที่อยู่ยุโรปเหนือเกิดปัญหาใหญ่ขึ้น เกือบจะสูญเสียชีวิตไปแล้ว”
“อา?!”ผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นด้วยความตกตะลึง : “ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ?!”
หลินหว่านเออร์ยิ้มเจื่อนๆ : “ก่อนหน้านี้ที่เหล่าจางมีฝึกลูกน้องเอาไว้คนหนึ่ง ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ไปติดต่อกับองค์กรพั่วชิง เปิดเผยที่อยู่ของฉัน องค์กรพั่วชิงก็ส่งคนมาตามฆ่าพวกเราติดๆกันหลายคืน นอกจากฉันกับเหล่าจางแล้วก็ฆ่าทุกคนไปหมด โชคดีที่ได้รับความช่วยเหลือจากผู้ที่มีฐานะสูงส่ง ฉันกับเหล่าจางถึงหนีออกมาได้”
ผู้อาวุโสเอ่ยพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง : “ไม่คิดว่าองค์กรพั่วชิงจะหาคุณเจอ…..”
“ใช่ค่ะ” หลินหว่านเออร์ถอนหายใจออกมาแล้วเอ่ยขึ้น : “ฉันจัดการอย่างเงียบๆแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าภายในจะเกิดปัญหาขึ้น ลูกน้องของเหล่าจางเดิมทีแล้วไม่รู้สถานะของฉัน แต่องค์กรพั่วชิงก็ใช้ช่องทางพิเศษตามฆ่าฉัน เพื่อหาตัวฉันเจอ จึงประกาศให้รางวัลใหญ่ ฉันคาดการณ์เอาไว้ว่าลูกน้องของเหล่าจาง คงเป็นเพราะจังหวะที่บังเอิญ ได้รับข่าวสารนี้ หลังจากนั้นก็เลยขายฉัน”
ว่าแล้ว หลินหว่านเออร์ก็หยักไหล่ขึ้น : “แต่นี่ก็เป็นการคาดเดาของฉัน เพราะถึงอย่างไรลูกน้องพวกนั้นของเหล่าจางก็ตายไปแล้ว ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นคนไหนกันแน่ที่ทรยศฉัน”
ผู้อาวุโสได้ยินมาถึงตรงนี้แล้วจึงรีบเอ่ยขึ้นมา : “คุณหนู ถ้าอย่างนั้นช่วงนี้อยู่หลบภัยก่อนเถอะ หัวเซี่ยมีความสงบในระยะยาว ก็ย่อมปลอดภัยกว่าข้างนอกอยู่แล้ว แล้วอีกอย่างตอนนี้ถึงแม้ว่าผมจะถอยมาอยู่เบื้องหลังแล้ว แต่ทรัพยาการและกำลังคนก็ยังอยู่ สามารถปกป้องคุณได้อย่างแน่นอน”