ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5049 จุดสังเกตใหม่1
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5049 จุดสังเกตใหม่1
ตอนนี้ ท้องฟ้าค่อยๆสว่างขึ้น เมื่อคืนเรือส่งเสบียงไปที่เหมืองแร่ทองแดง และแอบขนย้ายก่อนที่ฟ้าจะสว่างจนเสร็จสิ้นแล้ว ตอนนี้ท่าเรือกำลังดำเนินการบรรจุแร่ทองแดงลงเรือ หากลงของเสร็จสิ้นแล้ว ต้วนลี่เย่ในฐานะที่เป็นทูตพิเศษ ก็ถึงเวลาที่จะควรจะกลับแล้วเช่นกัน
เย่เฉินจำเป็นที่จะต้องจัดแจงช่วงต่อนี้ก่อน แก้ไขปัญหาที่ซ่อนอยู่ทั้งหมด มีเพียงแบบนี้ ถึงจะสามารถมั่นใจได้ว่าหลังจากที่ต้วนลี่เย่ไปแล้ว ไปถึงตุรกีแล้วจะไม่เปิดเผยเบาะแสออกมา
ส่วนที่ว่าจะทำให้ต้วนลี่เย่ไม่เปิดเผยเบาะแสนี้ได้อย่างไรนั้น เย่เฉินเองก็มีแนวคิดใหม่ของตัวเองเหมือนกัน
เมื่อก่อน สาเหตุที่เขาไม่ค่อยใช้จุดสังเกตทางจิตวิทยาบ่อยนัก เนื่องจากว่าจุดสังเกตทางจิตวิทยาจะมีผลเสียที่รุนแรงมากหนึ่งอย่าง หากบุคคลเป้าหมายอยู่ในสภาพที่ถูกควบคุม พฤติกรรมของเขา ปฏิกิริยาตอบสนองก็จะเชื่องช้าอย่างเห็นได้ชัด คนที่มีสายตาเฉียบแหลมก็จะมองความผิดปกตินี้ออก
เมื่อก่อนหม่าหลันดิ้นรนสุดๆนั้น เย่เฉินเองก็ไม่ได้ใช้จุดสังเกตทางจิตวิทยากับเธอ ก็เป็นเพราะสาเหตุนี้
หากใช้จุดสังเกตทางจิตวิทยา หม่าหลันจะต้องว่านอนสอนง่ายขึ้น แต่ก็จะเปลี่ยนไปแตกต่างจากปกติมาก ถึงตอนนั้นเซียวชูหรันภรรยาจะต้องพบกับความผิดปกติอย่างแน่นอน
สถานการณ์ของต้วนลี่เย่เองก็เช่นเดียวกัน
หรือแม้กระทั่ง ยิ่งแก้ไขยากกว่าเสียด้วยซ้ำ
สาเหตุหลักคือสมาชิกระดับกลางถึงสูงเหล่านี้ที่อยู่ภายในองค์กรพั่วชิง ความสามารถแต่ละคนนั้นแข็งแกร่ง ผู้มีฝีมือแดนมืดก็มองได้รอบทิศ ได้ยินรอบด้าน ถ้าหากต้วนลี่เย่แสดงความผิดปกติออกมามากเกินไป พอเขาถึงตุรกีตอนที่เขารายงานการปฏิบัติภารกิจกับผู้บังคับบัญชาก็จะถูกมองเห็นได้อย่างแน่นอน
ดังนั้น เย่เฉินจึงวางแผนที่จะเล่นกลอุบายนี้
เขาจึงเรียกต้วนลี่เย่มาทางด้านหน้า พลางเอ่ยถามขึ้น : “ต้วนลี่เย่ผมขอถามหน่อย ปกติแล้วนอกจากคุณกับผู้ช่วยของคุณ ยังมีคนทางตุรกีมาที่นี่ด้วยไหม?”
“ไม่มีแล้วครับ” ต้วนลี่เย่ส่ายหน้า พลางเอ่ยพูดขึ้นด้วยความเคารพนอบน้อม : “ผมเป็นทูตพิเศษที่ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว หลักๆรับผิดชอบทางเส้นนี้ ดังนั้นทุกครั้งก็ล้วนแต่จะเป็นผมที่รับผิดชอบในการส่งยาและปัจจัยวัตถุสิ่งของมา คนอื่นๆจะไม่ตามมาด้วยกันหรอกครับ”
เย่เฉินย้อนถามกลับ : “แล้วก็จะไม่มีคนที่ระดับสูงกว่าคุณมาตรวจสอบสถานการณ์ที่นี่ด้วยใช่ไหม?”
ต้วนลี่เย่ส่ายหน้า : “เพื่อหลีกเลี่ยงการเปิดเผยคนระดับผู้บริหาร ทัศนคติขององค์กรล้วนแต่เป็นการติดต่อเพียงคนละหนึ่งเส้นทาง จะไม่ส่งผู้บริหารคนอื่นๆมาเข้าร่วม”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย” ในใจของเย่เฉินยิ่งรู้สึกสบายใจมากขึ้น พลางเอ่ยถามเขา : “เพียงแค่คุณบอกกับทางผู้บังคับบัญชาของคุณ ว่าที่นี่ทุกอย่างเป็นปกติดี พวกเขาก็จะไม่สงสัยเลยอย่างนั้นหรือ?”
ต้วนลี่เย่พยักหน้าลง : “ปกติแล้วจะเป็นแบบนี้ครับ แต่ยังจะต้องเชื่อมต่อกับบันทึกจากกล้องวงจรปิดที่นี่ ก่อนผมจะไป ก็จะเอาฮาร์ดดิสก์จากกล้องวงจรปิดกลับไปส่งมอบให้พวกเขาด้วย พวกเขาก็จะทำสำเนาข้อมูลในฮาร์ดดิสก์นั้นแล้วทำการวิเคราะห์”
เย่เฉินเอ่ยถามเขา : “วิเคราะห์โดยใคร?”
ต้วนลี่เย่ : “คงจะมีทีมความปลอดภัยรับผิดชอบโดยเฉพาะครับ”
เย่เฉินหันกลับไปถามว่านพั่วจวิน : “พั่วจวิน บันทึกกล้องวงจรปิดจะมีทำกลอุบายได้บ้างหรือเปล่า?”
ว่านพั่วจวินพยักหน้าลงพลางเอ่ยขึ้น : “ง่ายมากครับ ลูกของทีมผมสามารถแก้ไขตัดต่อบันทึกจากกล้องวงจรปิดได้ครับ อีกทั้งยังมั่นใจได้ด้วยว่าจะไม่ถูกอีกฝ่ายเจอเบาะแสใดๆ”
“ดี” เย่เฉินพยักหน้าลงเล็กน้อย แล้วหันมาเอ่ยพูดกับหลี่เนี่ยนจง : “เอาคลิปจากกล้องวงจรปิดของก่อนช่วงเช้านี้ทำสำเนาให้เขาเอากลับไป กล้องวงจรปิดช่วงหลัง รอหลังจากที่คนของพั่วจวินจัดการเสร็จแล้ว ต้วนลี่เย่มาครั้งหน้าแล้วค่อยให้เขาเอากลับไป”
หลี่เนี่ยนจงรีบเอ่ยขึ้น : “ได้ครับท่าน!”
เย่เฉินเอ่ยถามต้วนลี่เย่ขึ้นอีกครั้ง : “ถ้าหากคุณบอกกับผู้บังคับบัญชาของคุณ ว่าที่นี่ทุกอย่างปกติดี และบันทึกจากกล้องวงจรปิดก็ไม่มีความผิดปกติใดๆ ผู้บังคับบัญชาของคุณยังจะถามรายละเอียดที่มากขึ้นกับคุณหรือเปล่า?”