ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5006 ไม่มีช่องว่างให้โจมตีได้2
ต้วนลี่เย่ตอบว่า: “เด็กที่เล็กเกินไปยังขนาดการควบคุมตัวเอง หากปล่อยให้พวกเขาไปร่ำเรียนในโรงเรียนสังคม ก็เป็นเรื่องง่ายที่จะพูดผิดทำผิดอย่างมากมาย ฉะนั้นองค์กรพั่วชิงจะทำการสอยภายในให้พวกเขาก่อน โดยสั่งสอนวิชาความรู้ให้พวกเขาไปพลาง ก็ขอให้พ่อแม่ของพวกเขาเสริมความตระหนักในเรื่องการรักษาความลับอย่างต่อเนื่อง พอหลังจากที่เด็กเริ่มออกไปเรียนมัธยมปลายข้างนอก ก็จะเริ่มให้พวกเขากินยา ทำให้พวกเขามีพิษอยู่ในร่างกาย เพื่อจะได้แน่ใจว่าควบคุมได้”
พูดจบ ต้วนลี่เย่กล่าวอีกว่า: “เพียงแต่เงินเดือนและสวัสดิการของพวกเขาดีกว่าทหารม้ากล้ามาก ประการแรกคือไม่ต้องลำบากลำบนฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ อีกประการหนึ่งก็คือไม่ต้องกินยาแก้พิษอาทิตย์ละครั้ง และก็เหมือนกันกับฉัน ที่กินครึ่งปีละหนึ่งครั้ง อีกทั้งถ้าหากพวกเขาเรียนดีและยังมีความรู้ความสามารถเพียบพร้อมจริงๆ ในอนาคตหลังจากรับช่วงต่อกิจการแล้ว ก็จะสามารถทำงานเป็นคนชนชั้นสูงได้ กระทั่งมีสถานะเป็นผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียงก็สามารถใช้ชีวิตในสังคมได้ ปัจจัยในการดำรงชีวิตก็จะดีกว่าทหารม้ากล้าอย่างมาก”
เย่เฉินฟังถึงจุดนี้ ก็เข้าใจในทันที
เมื่อเป็นเช่นนี้ ป้าเล็กคนนั้นของตนเอง รวมทั้งครอบครัวของเธอ ก็น่าจะไม่ได้เป็นสมาชิกระดับสูงอะไรในองค์กรพั่วชิง และมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นลูกหลานของทหารม้ากล้า มีเพียงพวกเขาที่มีโอกาสใช้ชีวิตอย่างคนปกติในโลกแห่งความเป็นจริง
เมื่อคิดถึงจุดนี้ เย่เฉินถามต้วนลี่เย่ว่า: “หลายปีมานี้ที่คุณอยู่ในองค์กรพั่วชิง เคยได้ยินว่าองค์กรพั่วชิงนำคนส่งมาในสังคมหรือไม่ แล้วหลังจากนั้นก็จงใจทำให้คนคนนี้ใกล้ชิดและแต่งงานกับคนคนหนึ่งโดยเฉพาะ ทำให้กลายเป็นสายลับที่องค์กรพั่วชิงแฝงอยู่ข้างตัวของอีกฝ่าย?”
“เคยได้ยินครับ” ต้วนลี่เย่พยักหน้าแล้วกล่าวว่า: “เรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดาอย่างมาก ลูกชายลูกสาวของทหารม้าเหล่านี้หลังจากถูกส่งเข้าไปในสังคม องค์กรพั่วชิงก็จะกำหนดระบบคะแนนสำหรับพวกเขา เพียงแค่สร้างคุณงามความดีต่อองค์กรพั่วชิงก็จะสามารถรับคะแนนเพิ่มได้ คุณงามความดียิ่งมาก คะแนนก็ยิ่งเยอะ”
“ถ้าหากคะแนนบรรลุถึงระดับหนึ่งแล้ว เช่นนั้นพวกเขาก็จะสามารถใช้คะแนน ประกันสมาชิกในครอบครัวคนหนึ่งออกมาจากในทหารม้ากล้าได้”
“ถ้าหากยังคงมีคุณงามความดีที่สำคัญอย่างต่อเนื่อง เช่นนั้นก็จะสามารถประกันญาติพี่น้องทั้งหมดออกมาได้ ถ้าหากครอบครัวของพวกเขาถูกประกันออกมาแล้ว เช่นนั้นครอบครัวของพวกเขาก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว และสามารถกลับมาเป็นอิสระได้ในระดับหนึ่ง เพียงแค่ไม่คุกคามไปถึงความปลอดภัยขององค์กรพั่วชิง พวกเขาอยากจะไปไหน ทำอะไร ล้วนทำได้ทั้งสิ้น เพียงพิษในร่างกายของพวกเขาไม่สามารถรักษาให้หายได้ ทำได้เพียงจากที่ต้องกินยาแก้พิษสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง ก็เลื่อนขั้นเป็นกินครึ่งปีละหนึ่งครั้ง”
“ถ้าหากมีคุณงามความดีมากพอ ก็ถึงขนาดที่พวกเขาสามารถไถ่ตัวเองได้ หลังจากไถ่ตัวแล้ว องค์กรพั่วชิงก็จะให้เงินทุนจำนวนมากแก่พวกเขา ทำให้พวกเขากับครอบครัวของพวกเราสามารถดำรงชีพได้ตลอดชีวิต เพียงแต่ยังเป็นเงื่อนไขเดิม คือไม่คุกคามไปถึงความปลอดภัยขององค์กรพั่วชิง ในขณะเดียวกันก็จะต้องกินยาเป็นประจำด้วย”
เมื่อคิดถึงจุดนี้ ต้วนลี่เย่ก็กล่าวอีกว่า: “เพราะว่ามีกฎระเบียบเช่นนี้ ทหารม้ากล้าแต่ละคนต่างก็พยายามที่จะมีลูกสามคน กระทั่งทวีคูณสามคนไปอีก และลูกของแต่ละคนก็ถูกส่งไปเรียนหนังสือ และต่างก็ถูกพ่อแม่พี่ชายพี่สาวปลูกฝังให้มีความรู้สึกในการรับผิดชอบอย่างมากมาตั้งแต่เด็ก ทำให้พวกเขาตระหนักตั้งแต่อายุยังน้อยว่าตนเองแบกรับภารกิจในการเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของทั้งครอบครัว ฉะนั้น เด็กเหล่านี้เกือบทั้งหมดต่างเป็นเด็กเรียนเก่ง พอเข้าสังคมก็เป็นระดับเด็กอัจฉริยะ หากคนเหล่านี้จะแต่งงานกับใครหรือใครจะแต่งงานด้วยก็ไม่ต้องแปลกใจ บางทีอาจจะเป็นสามีภรรยาของมหาเศรษฐีคนไหน นั่นก็คือลูกหลานของทหารม้ากล้า”
พูดจบ ต้วนลี่เย่ก็กล่าวต่อไปว่า: “เพียงแต่ ลูกหลานของทหารม้ากล้าเหล่านี้อยู่ในองค์กรพั่วชิง มีชื่อเรียกเฉพาะว่า ปัญญาชน”
เย่เฉินอดไม่ได้ที่จะหัวเรา และกล่าวถามเขาว่า: “ก็คือปัญญาชนสมัยโบราณที่สอบขุนนางเหรอ?”