ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4993 อย่างนั้นก็ลองดู1
ในตอนนี้ เรือสินค้าที่มีน้ำหนักไม่ถึงหนึ่งหมื่นตัน กำลังแล่นด้วยความเร็วเต็มที่ในทะเล
เสียงของเรือในขณะที่ทำการแล่นนั้นดังกระหึ่ม พวกเขาไม่รู้สึกเลยสักนิด ว่าที่ด้านซ้ายของพวกเขา เหนือผิวน้ำ มีเงาดำเงาหนึ่งกำลังมุ่งตรงมาที่พวกเขาอย่างรวดเร็ว
และเงาดำเงานี้ ก็คือเย่เฉิน
และเพราะพลังปราณทิพย์ ที่ขาของเขาในตอนนี้ ก็ราวกับเหยียบเบาะลมที่มองไม่เห็นสองอัน ระยะห่างของฝ่าเท้ากับผิวน้ำนั้นประมาณสิบเซนติเมตรได้
ทุกการก้าวย่างของเย่เฉินบนคลื่นน้ำ จะก่อเกิดเป็นน้ำที่กระเซ็นเป็นฝอย หากเป็นตอนกลางวัน ไม่เพียงจะสะดุดตาอย่างมาก แต่หากมีคนพบเห็นเข้า ก็คงต้องอ้าปากค้าง
แต่ทว่า ในตอนนี้พื้นผิวน้ำนั้นมืดสนิท บวกกับชุดสีดำที่เขาสวมใส่ ก็ราวกับวิญญาณ ต่อให้ศัตรูที่มีประสาทรับรู้ดีแค่ไหน ก็ไม่สังเกตเห็นความผิดปกติใดๆ
ระยะห่างที่ขยับเข้าใกล้เรือมากขึ้นเรื่อยๆ เย่เฉินสามารถมองเห็นคนเฝ้ายามหลายคนที่ยืนอยู่ตรงดาดฟ้าและรอบๆกราบเรือพร้อมด้วยอาวุธครบมือ
เป็นเหมือนกับเรือบรรทุกสินค้าทั่วไป แม้เรือสินค้าลำนี้จะไม่ได้มีขนาดที่ใหญ่โตมาก แต่โครงสร้างก็คือโกดังสินค้าตั้งอยู่ที่ส่วนหน้าและส่วนกลางของเรือ และหอบังคับการก็อยู่ตรงท้ายเรือ
หอบังคับการ เป็นโครงสร้างส่วนบนของเรือสินค้า ห้องควบคุมการเดินเรือ พื้นที่ใช้สอยของลูกเรือล้วนรวมกันอยู่ที่นี่
คนเฝ้ายามของเรือในเวลานี้มีทั้งหมดหกคน สองคนอยู่ที่หัวเรือ และสองคนอยู่ที่กราบเรือส่วนกลางทั้งสองข้าง อีกสองคนอยู่ตรงรอบนอกของหอบังคับการชั้นบน
เนื่องจากบริเวณใกล้เคียงนี้ไม่มีเรือลำอื่นที่มองเห็นได้ ดังนั้นยามรักษาการณ์ก็จึงหละหลวมอยู่บ้าง แต่ก็ยังคงยืนประจำการกันอยู่ สองคนที่อยู่บริเวณท้ายเรือก็สุมหัวกันสูบบุหรี่อีกด้วย
เย่เฉินขบคิดชั่วครู่ แล้วเลือกขึ้นเรือทางท้ายเรือ แม้คนส่วนใหญ่จะมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ แต่เพราะการทำงานของเครื่องยนต์และใบพัดของเรือทั้งลำก็อยู่ที่ตรงบริเวณท้ายเรือนี้ ดังนั้นสถานที่ตรงนี้ก็จึงอึกทึกอย่างมาก เมื่อเป็นเช่นนี้ แม้อีกฝ่ายจะมีพลังวิชาก็ไม่กลัวจะมีใครสังเกตเห็น
ทหารรักษาการณ์ทั้งสองที่สูบบุหรี่อยู่ตรงท้ายเรือไม่ได้สังเกตเห็น เงาดำนั้นได้ขยับเข้าใกล้มาที่ใต้จมูก และยังได้กระโดดขึ้นจากผิวน้ำ ขึ้นไปอยู่ตรงทางด้านซ้ายของหอบังคับการ
หลังจากที่เย่เฉินใช้พลังปราณทิพย์สำรวจ ก็พบว่าภายในของหอบังคับการทั้งสี่ชั้นนี้ มีคนทั้งสิ้นสิบห้าคน
ชั้นบนสุดนอกจากทหารรักษาการณ์สองคนแล้ว อีกสามคนควบคุมการเดินเรือ ที่เหลือสิบคน มีแปดคนอยู่ตรงชั้นสาม และอีกสองคนอยู่ที่ชั้นสอง
นอกจากนี้ ในห้องเครื่องด้านล่างของหอบังคับการนี้ ยังมีคนอีกสี่คน
เย่เฉินคาดเดาว่า สามคนบนห้องควบคุม และสี่คนในห้องเครื่อง น่าจะเป็นคนที่รับผิดชอบเส้นทางของการเดินเรือ กัปตันก็อาจจะเป็นหนึ่งในสามคนที่ห้องควบคุม แต่ว่า ผู้บัญชาการสูงสุดของเรือลำนี้ คงไม่ได้อยู่ที่นี่อย่างแน่นอน
ในส่วนของผู้บัญชาการตัวจริงนั้น ก็น่าจะเป็นหนึ่งในจำนวนสิบคนที่อยู่ตรงบริเวณชั้นสองกับชั้นสามนี้
ดังนั้น เย่เฉินก็จึงส่งพลังปราณทิพย์ไปยังที่ชั้นสอง กับชั้นสาม ทำการตรวจสอบทั้งสิบคนนี้อย่างละเอียดให้มากขึ้น
นี่ยังไม่เท่าไร เขาพบว่า แปดคนที่ตรงบริเวณชั้นสองนั้น กระจายอยู่กันในห้องเล็กๆสี่ห้อง สองคนต่อหนึ่งห้องราวกับเป็นห้องพักของลูกเรือ
และสองคนที่ตรงบริเวณชั้นสามนั้นห้องก็มีขนาดที่ใหญ่กว่า ขนาดของพื้นที่ห้องหนึ่งห้อง เทียบได้กับห้องพักของลูกเรือสามคน
ที่ทำเอาเย่เฉินคาดคิดไม่ถึงนั่นก็คือ สองคนที่อยู่ตรงชั้นสามในตอนนี้กำลังต่างอิงแอบแนบชิดกัน ทำกิจกรรมที่ออกแรงเรียกเหงื่อกันอย่างดุเดือด
เย่เฉินแอบคิด“ออกเรือทำภารกิจ ยังทำเรื่องน่าบัดสีกันบนเรือได้ คิดว่าผู้บัญชาการสูงสุดของเรือลำนี้ต้องเป็นหนึ่งในสองคนนี้แน่ๆ!”
ดังนั้น เขาจึงกระโดดข้ามราวบันไดตรงชั้นสาม เข้ามายังด้านในของพื้นที่พักผ่อนตรงหอบังคับการชั้นสาม