ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4942 เขาล้มเหลวแล้ว ! 1
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 4942 เขาล้มเหลวแล้ว ! 1
ทว่าครั้งนี้ แหวนเล็ก ๆ ถึงกับส่งเสียงหึ่งๆ ที่คมชัดไพเราะดังก้องไม่หยุดเหมือนเสียงร้องดาบอย่างไรอย่างนั้น
ทว่า นอกจากเสียงหึ่ง ๆ นี้แล้ว ตัวแหวนไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เลย
เย่เฉินขมวดคิ้ว คิดว่าของสิ่งนี้แอบซ่อนความลับอันลี้ลับอะไรไว้อย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าในตอนนี้ตัวเองอาจจะไม่มีเวลาค่อย ๆ ศึกษา ครั้นแล้วจึงรับแหวนไว้ในกระเป๋า
ส่วนเด็กสาวคนนั้น วินาทีนั้นที่ได้ยินเสียงหึ่ง ๆ ดวงตาที่เดิมทียังมีความเสียดายอยู่หน่อย ๆ ชั่วพริบตาก็ถูกความตื่นเต้นที่ยากจะระงับเอาไว้อย่างหนึ่งมาแทนที่……
เย่เฉินไม่ได้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงจากสายตาของเด็กสาวคนนี้ หลังจากเขารับแหวนเอาไว้ ก็มองไปที่องครักษ์ทหารม้ากล้าเจ็ดคนนั้นอีกครั้ง แล้วเอ่ยปากถาม : “ผู้มีพระคุณของพวกนายคืออยากให้พวกนายมาแย่งแหวนวงนี้ใช่ไหม ?”
คนคนนั้นที่ตอบคำถามเย่เฉินมาโดยตลอด พูดอย่างเคารพนบนอบ : “พูดตามตรง เรื่องนี้พวกเราก็ไม่แน่ใจ คำสั่งที่เราได้รับคือแค่พาพวกเขาสองคนไปส่งที่สวีเดน รายละเอียดอื่น ๆ ที่เหลือก็ไม่ได้เปิดเผยให้พวกเรา”
เย่เฉินพยักหน้า แล้วมองไปที่เด็กสาวคนนั้น ตอนที่สายตามองกัน เย่เฉินส่งเสี้ยวปราณทิพย์ไปในสมองของเธอ ทำจุดสังเกตทางจิตวิทยาเพื่อให้ตอบคำถามของตัวเองตามความเป็นจริงให้กับเธอ จากนั้นจึงเอ่ยปากถามเธอ : “สาวน้อย เธอรู้จักองค์กรนี้ของพวกเขามากแค่ไหน ?”
เย่เฉินไม่เชื่อเด็กสาวคนนี้เลย ดังนั้นเพื่อที่มั่นใจว่าตัวเองไม่พลาดเบาะแสใด ๆ เขาจึงตั้งใจใช้การจุดสังเกตทางจิตวิทยา ล้วงเอาเนื้อหาที่เด็กสาวคนนี้รู้ออกมาก่อน
แม้ว่าการใช้การจุดสังเกตทางจิตวิทยาโดยตรงไม่ค่อยมีศีลธรรมสักเท่าไหร่ แต่เรื่องนี้สำคัญมาก ในตอนนี้เย่เฉินก็สนใจมากขนาดนี้ไม่ไหวหรอก
อีกทั้ง เมื่อครู่เย่เฉินได้ฉีดวัคซีนป้องกันให้เด็กสาวคนนี้แล้วด้วย หลังจากวางแผนทั้งหมดนี้เสร็จสิ้นแล้ว จะลบความทรงจำคืนนี้จากในสมองของเด็กสาวคนนี้ออกไป
ดังนั้น ถึงตอนนั้นเธอย่อมจะจำไม่ได้ว่าผ่านการถูกตัวเองใช้การจุดสังเกตทางจิตวิทยา
หลังจากเด็กสาวคนนั้นถูกเย่เฉินใช้การจุดสังเกตทางจิตวิทยา ก็ส่ายหน้าเบา ๆ เอ่ยอย่างเอาจริงเอาจัง : “ฉันก็ไม่ค่อยรู้จักองค์กรนี้สักเท่าไหร่หรอก พวกนี้ล้วนเป็นรากเหง้าหายนะที่พ่อฉันก่อให้เกิดในตอนนั้น ฉันกับคุณปู่ก็ไม่ได้รู้กมากนัก ฉันรู้แค่ว่าพวกเขาอยากตามหาที่อยู่ของฉันกับคุณปู่มาโดยตลอด เพื่อแย่งแหวนวงนี้จากในมือของเรา……”
เย่เฉินได้ยินตรงนี้ ในใจก็มีความผิดหวังอยู่หน่อยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
องครักษ์ทหารม้ากล้าพวกนี้ไม่รู้เบาะแสเชิงลึกที่มีคุณค่าอะไรเลย และเด็กสาวคนนี้ก็ไม่รู้ด้วยเช่นเดียวกัน
ดูท่า อยากได้เบาะแสที่เกี่ยวข้องกับองค์กรนี้ให้มากขึ้น ยังต้องอาศัยการค่อย ๆ วิเคราะห์อย่างละเอียดขั้นสุดในจากนี้
คิดถึงตรงนี้ เย่เฉินมองเด็กสาวคนนั้น แล้วถามอีก : “พ่อเธอทำงานอะไรเหรอ ?”
เด็กสาวคนนั้นตอบ : “แต่ก่อนพ่อฉันเป็นนักบู๊คนหนึ่ง ต่อมาไม่รู้ว่าได้แหวนวงนี้มาจากที่ไหน ครั้นแล้วก็เริ่มถูกองค์กรนั้นไล่ฆ่า สุดท้ายโชคไม่ดี ตายในเงื้อมมือขององค์กรนั้น”
เย่เฉินพยักหน้า จากนั้นมององครักษ์ทหารม้ากล้าทั้งเจ็ดคนนั้น เอ่ยปาก : “หากว่าฉันให้โอกาสพวกนายได้มีชีวิตอยู่ต่อ ในขณะเดียวกันก็ให้พวกนายได้มีโอกาสแก้แค้น พวกนายเต็มใจที่จะถวายความจงรักภักดีต่อฉันไหม ? !”
คนคนนั้นที่เป็นผู้นำในเจ็ดคนเอ่ยพร้อมกับยิ้มเจื่อน : “คุณครับ คุณเป็นคนที่มีพลังวิเศษ หากว่าเราสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้จริง ย่อมเต็มใจที่จะถวายความจงรักภักดีต่อคุณ และยินดีที่จะเสียสละพลีชีพให้คุณ แต่ว่าภายในร่างกายของเราเจ็ดคนมีพิษร้ายแรงอยู่ หากว่าเราไม่กลับไปทานยาถอนพิษละก็ ภายในหนึ่งสัปดาห์เราก็จะตายเนื่องด้วยพิษกำเริบ ต่อให้อยากถวายความจงรักภักดีให้คุณ ก็ไม่มีโอกาสเลยด้วยซ้ำ……”