ผมมีชีวิตที่น่าสงสาร(?) เป็นคนเนื้อหอมไปที่ไหนก็มีแต่คนจ้องจะจับกินตลอด แถมส่วนใหญ่ยังเป็นสาวงามระดับเทพธิดาอีกต่างหาก - ตอนที่ 1 เสียงกระซิบหวาน
ตอนที่ 1 เสียงกระซิบหวาน
ณ. ห้องหรูหราสถานที่ทำงานของประธานบริษัท
กองกระดาษเอกสารเยอะแยะมากมายมีตั้งแต่เอกสารปกติธรรมดาจากฝ่ายต่าง ๆ จวบจนกระทั่งเอกสารเร่งด่วนต้องการตอบรับภายในระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง หากมองด้วยสายตาเปลือยเปล่ากองเอกสารล้วนสูงเทียบเท่าหัวคนปกติธรรมดานั่งโต๊ะ ซึ่งเพียงกองเดียวก็ทำให้คนท้อแท้แล้ว แต่สำหรับท่านประธานผู้นี้เหนือล้ำยิ่งกว่า
ประธานหนุ่มกวาดสายตามองตัวอักษรบนกระดาษสีขาวอยู่ตรงเก้าอี้ประจำตำแหน่ง
“…” ปากกาขีดเขียนพร้อมประทับตรารวดเร็วก่อนย้ายเอกสารฉบับหนึ่งไปยังอีกพื้นที่หนึ่ง ช่างทำงานได้ว่องไว คล่องแคล่วทั้งยังถูกต้อง แม่นยำ กว่าพนักงานปกติทั่วไปหลายเท่าตัวนักแต่ถึงอย่างนั้นเอกสารยังไม่มีท่าทีว่าจะลดเลยแม้แต่น้อย
กองเอกสารบนโต๊ะเขามีด้วยกันทั้งหมดสามกอง ด้วยจำนวนมากมายมหาศาลพอให้พนักงานปกติธรรมดาต้องอดหลับอดนอนทำงานกันข้ามวันข้ามคืนหลายวันหรืออาจร่วมสัปดาห์กว่าจะเสร็จสิ้น ซึ่งตอนนี้มันวางอยู่บนโต๊ะรอให้ผู้เป็นประธานเข้าไปสะสางรวมถึงกองใหม่ที่กำลังตามมาในอีกไม่ช้า
หนุ่มผู้ส่งรายงานเหลือบมองก่อนกลืนน้ำลายหวาดหวั่นกับกองงานเท่าภูเขา
…‘เยอะมาก เยอะเกินไปแล้ว ไม่สิ ตอนนี้ต้องส่งของก่อน’
“ขะ ขออนุญาตครับ” เขาร้องเรียกประธานบริษัทบุคคลทรงอำนาจทรงอิทธิพลมากที่สุดในบริษัท ทั้งยังเป็นมังกรในโลกหล้า ผู้ประสบความสำเร็จระดับสูงสุดอยู่บนจุดสุดยอดของสาขาวิชาชีพ เป็นผู้นำที่มีผู้นำหลากหลายสาขาต่างนับหน้าถือตา
ปากกาในมือหยุดลงประธานหนุ่มเงยหน้ามองผู้มาใหม่
“เอารายงานมาส่งเหรอ?” ถ้อยคำกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงไม่สมกับเป็นประธานบริษัท แต่พอได้เห็นกองเอกสารตรงหน้าเขาก็เข้าใจได้ทันทีว่านี่แหละคือเครื่องดูดพลังงานขนาดใหญ่ที่ทำให้ประธานทรงอำนาจต้องตกอยู่ในสภาพอ่อนล้าราวคนใกล้ลงโลงใกล้ตายเพียงแค่เอื้อม
เพื่อไม่ให้เสียมารยาทเกินไปจำต้องกลับมารักษาท่วงท่าให้มั่นคง
“ครับ! จากหัวหน้าฝ่ายครับ”
“โทษทีนะ ที่ต้องให้เห็นสภาพไม่น่าดู” แกรนยิ้มแห้งมีเหรอว่าเขาจะไม่เห็นท่าทีหวาดหวั่นของผู้หนุ่มมาใหม่ เป็นใครเห็นก็ล้วนแสดงออกเหมือนกันหมด เลยต้องเอ่ยปากขอโทษที่ให้เห็นสภาพไม่สมกับเป็นประธานบริษัท
ชายหนุ่มพอได้ยินถึงกับทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ
“ไม่เป็นไรครับ จะให้ผมเอาเอกสารวางไว้ตรงไหน?” เห็นประธานกล่าวขอโทษเจ้าตัวร้อนรนจนต้องเปลี่ยนเรื่อง เขาไม่กล้าเมินเฉยปฏิเสธคำขอโทษ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่กล้ารับคำขอโทษเฉกเช่นเดียวกัน
เรียกได้ว่าไม่ว่าจะทางไหนล้วนไม่กล้าเดินหน้าต่อทั้งนั้น
“เลขาบิวช่วยหน่อย” แกรนถอนหายใจก้มมองเอกสารในมือต่อ
สิ้นเสียงออกคำสั่ง
“…” ร่างหนึ่งยืนมาตลอดเวลาไม่คิดพูดจากับใครหน้าไหนเริ่มเป็นฝ่ายขยับเนื้อตัวเคลื่อนไหว ราวกับโลกหยุดหมุนกาลเวลาได้ถูกพรากจากไป หนึ่งท่วงท่าก้าวเดินกระตุ้นเลือดลมทุกสรรพชีวิตให้เร้าร้อน
จนแทบอยากตรงเข้าไปประคองช่วยเหลือทุกย่างก้าว
“สะ สวยมาก”
“ระวังสายตาด้วยครับ”
“สะ เสียมารยาทแล้ว ขอโทษครับ เลขาบิว” เลขาบิวมักได้รับคำสรรเสริญเยินยอว่าเป็นเทพธิดาข้างกายประธานแกรนมาวันนี้ได้พบเห็นด้วยสายตาตัวเองย่อมยืนยันได้ชัดเจนเต็มสองตาว่าข่าวลือทั้งหมดทั้งมวลนั้นล้วนจริงแท้แน่นอนไม่มีเกินเลยแม้แต่น้อย
ผู้มาใหม่สูดลมหายใจลึกพยายามรักษาท่าทีตัวเองเอาไว้ไม่ให้เกินเลยจนทำให้ทั้งสองต้องรู้สึกแย่
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันชินกับเรื่องพวกนี้มาพอสมควร แต่ถ้าจะให้ดีเวลาออกไปข้างนอก หรืออยู่ต่อหน้าใครคนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน ระวังเรื่องสายตากับท่วงท่าหน่อยก็ดีเหมือนกันนะคะ” เลขาบิวยิ้มอ่อนกล่าวแนะนำ
“ครั้งหน้าจะระวังครับ” แววตายังลุ่มหลงไม่เลิกรา
“เอกสาร?”
“ครับ” ยิ้มแห้งปรากฎบนใบหน้าผู้มาใหม่ทันที ดูท่าประธานหนุ่มจะไม่ค่อยพอใจกับท่าทีของเขาสักเท่าไหร่ จึงได้กล่าวย้ำเตือนอีกครั้งด้วยสีหน้าดำมืด สีหน้าที่ไม่ว่าใครหน้าไหนเห็นต้องขาสั่นหวาดหวั่นไปสามส่วน
ปล่อยเอาไว้ต่อไปมีแต่จะเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์
“…” เลขาสาวยิ้มก้มหัวเล็กน้อยขอโทษกับเรื่องเมื่อครู่ หล่อนตัดสินใจมั่นหมายจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ก่อนก้าวเท้าออกจากเบื้องหลังชายหนุ่มผู้เป็นประธานบริษัทตรงเข้าหาผู้มาใหม่ หนึ่งก้าวนำพาแสงสว่างมาสู่โลก อีกหนึ่งก้าวนำพาให้หัวใจได้ชื่นบาน หนึ่งก้าวหลอมละลายจิตใจทุกคนให้ลุ่มหลงตกอยู่ในภวังค์นิรันดร์
…‘เทพธิดา? เธอต้องเป็นเทพธิดาลงมาจุติบนโลกหล้า’
“…เลขาบิว?” ชายหนุ่มนิ่งแข็งค้างพอได้เห็นเลขาบิวในระยะเพียงแค่เอื้อม
น่าเสียดายต่อให้เขาหลุดพึมพำเหม่อลอยไร้สติ แต่หล่อนหาได้ตอบโต้กลับมาไม่ สิ่งที่หล่อนจับจ้องตอนนี้มีเพียงสิ่งเดียวนั้นคือเอกสารรายงานในมือ นอกเหนือจากนั้นไม่มีสิ่งอื่นใดให้หล่อนต้องสนใจ
“ขอเอกสารด้วยค่ะ ท่านประธานกำลังรออยู่”
“…” เจ้าตัวกระพริบตาสองสามครั้งเรียกสติตัวเองกลับคืนมา
…‘บ้าเกินไป ฉันเสียอาการขนาดนี้เลยเหรอ?!’
“คะ ครับ เชิญเลยครับ” เจ้าตัวรู้สึกว่าตัวเองพึ่งเสียมารยาทขนาดหนักทั้งยังหลายต่อหลายครั้งด้วย เลยเร่งขอโทษเป็นการใหญ่ หล่อนเพียงยิ้มตอบกลับไม่ได้ถือสาเอาความแต่อย่างใด มือยื่นรับเอกสารในมือก่อนเดินหวนคืนกลับไปสู่ข้างกายท่านประธานตามเดิม
ปล่อยให้หนุ่มช่างฝันเหม่อลอยอีกครั้ง
…‘จะดีแค่ไหนหากฉันได้ยืนเคียงข้างเธอ ได้อยู่กับหล่อนตลอดเวลา’
“…” ร่างสูงแข็งค้างไม่ขยับไปไหน
เห็นอาการไอ้หนุ่มหน้าอ่อนกลับมาเหม่อลอยเพ้อฝันอีกครั้งทำเอาท่านประธานนั่งปวดขมับจนแทบอยากขอกลับบ้านไปนอนพักหลายวัน ดื่มน้ำกินยา หลับมันให้ตายคาที่นอนเลย
…‘เอาเข้าจนได้ ให้ตายสิ นี่มันคนที่เท่าไหร่แล้วเนี่ยหะ?!’
“…” แกรนส่ายหน้าเบื่อหน่ายหันไปมองเลขาบิวส่งสายตากล่าวโทษกับหล่อน แต่หล่อนได้หาสนใจยิ้มมุมปากเบาบางพร้อมทั้งกระพริบตาหวานให้อีกหนึ่งครั้ง
เรียกได้ว่าไม่ได้สำนึกผิดเลยแม้แต่น้อยแต่จะให้สำนึกผิดด้วยเรื่องอะไร ในเมื่อหล่อนไม่ได้กระทำผิดกับใครหน้าไหนทั้งนั้นเพียงแค่เรือนร่างรูปร่างหน้าตาหล่อนมันทรงอำนาจมากเกินไป
จนเผลอชักจูงให้คนมากหน้าหลายตาต้องตกหลุมรักจนหมดหัวใจมันก็เท่านั้นเอง
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ในใจฉันมีเพียงคุณคนเดียวไม่มีคนอื่นแน่นอน” เลขาบิวส่งเสียงกระซิบให้เขาได้ยินเพียงคนเดียว
“ฉันถามเรื่องนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” ประธานแกรนถอนหายใจหากริ้วสีแดงปรากฏขึ้นมาแก้มเขาเล็กน้อย หญิงสาวกัดปากตัวเองจ้องมองมั่นหมายคิดหยอกล้ออีกครั้ง
ติดตรงโอกาสมันไม่มี
ก็อก!
ก็อก!
ก็อก!
“…” ประตูถูกเคาะจากด้านนอก ทำลายบรรยากาศทั้งหมด ชายผู้มาใหม่ได้สติกลับมารวดเร็ว ขณะเดียวกันแกรนกลับยิ้มโล่งอกหายใจได้สะดวก เกิดปล่อยให้สถานการณ์มันดำเนินต่อไป
คงยากจะสงบใจทำงานต่อ
…‘อันตรายเป็นบ้าเลยเวลาอยู่กับหล่อนเนี่ย’
“น่าเสียดาย” เลขาบิวเหลือบมองประตูพลางถอนหายใจ ดูท่าการรุกล้ำครั้งนี้ต้องจบลงด้วยลักษณะถูกขัดขวางจากบุคคลภายนอกที่สามหรืออาจจะเป็นคนที่สี่ แต่ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหนก็ตาม
สุดท้ายปลายทางมันก็ยังเป็นเพียงการขัดขวางชั่วคราวชั่วขณะเท่านั้น
…‘ไม่เป็นไร ฉันยังมีเวลาอีกเยอะ’
“…” แววตาทอประกายหวานช่ำจ้องมองแกรนจนเขาหนาวสั่นไปทั่วทั้งร่างกาย
“วันนี้ดูครึกครื้นกว่าทุกวันนะ ออกไปเปิดประตูเถอะ อย่าปล่อยให้คนด้านนอกต้องรอนาน” เจ้าตัวเผยรอยยิ้มแห้งกล่าวส่งเสียงให้ได้ยินกันทั่วทั้งห้อง ไอ้หนุ่มมาใหม่สูดลมหายใจตัดสินใจยากลำบากขอออกไปนอกห้องหลังจากทำหน้าที่เสร็จ
ทั้งที่ใจเขาอยากจะอยู่ในห้องกับเลขาบิวตลอดทั้งวันหรืออาจตลอดชีวิตที่เหลือ
“งั้นผมขอตัวก่อน”
“เชิญครับ”