บทที่ 2 ตอนที่ 52 ส่วนที่ 4
ความอาฆาตที่แท้จริงมักพบได้ในความเมตตา
หูของผมได้ยินเสียงข้างนอกชัดเจนจากการใช้【เสริทการได้ยิน】ค่อนข้างมากพอดูเลยนะ… อาจจะเป็นร้อยเลยก็ได้ คนพวกนั้นดูจะรวมตัวกันอยู่ที่ประตูคฤหาสน์ ตอนนี้เหล่าอัศวินใต้บังคับบัญชาของกัปตันแม็กซิมกำลังรับมือกับพวกเขาอยู่ ทว่าถ้ามันยังเป็นอย่างนี้อยู่ละก็ ไม่นานอัศวินพวกนั้นก็คงแพ้
คาดไม่ถึงเลยว่าตระกูลของคุณชายอีธานอย่างตระกูลเอเบนจะเห็นผมสีดำตาสีดำเป็นศัตรูขนาดนี้ บทสรุปของวันนี้ควรจะเป็นว่าท่านเอิร์ลปฏิเสธแล้วคุณหนูก็ผิดหวัง แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็กลับมาคืนดีกันเพราะเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่สิ – นั่นเป็นตอนจบที่ผมคิดเอาไว้ในหัว
ทว่า ท่านเอิร์ลก็ทำให้สถานการณ์มาถึงจุดนี้ ไม่สิ เป็นเพราะผมต่างหากที่ทำให้สถานการณ์มาถึงจุดนี้ พวกเขารู้ได้ยังไงกัน? คำพูดและการกระทำของคนกลางในตอนนั้นงั้นสินะ…
「ท่านพ่อคะ! มันไม่โหดร้ายไปหน่อยหรือคะ!? ท่านได้เรย์จิช่วยเอาไว้นะคะ! ขนาดเมื่อวาน ถ้าไม่ใช่เพราะเรย์จิละก็ อาจมีหลายคนต้อง…!」
「ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณหนู」
「แต่ว่า!」
「ผมดีใจนะครับที่คุณหนูโกรธแทนผม」
เมื่อผมพูดออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ คุณหนูก็มองมาทางผมด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
(แค่นั้นก็ทำให้ผมใีความสุขจริงๆแล้วครับ)
ผมมีเพื่อน เพื่อนที่ผมสามารถเชื่อได้อย่างสุดหัวใจ
เอิร์ล… คุณต้องไม่เคยรู้สึกอย่างนี้แน่ๆ ใช่ไหมละ?
「เรย์จิซัง เจ้าดูสบายๆนะ」
「ครับ ก็อย่างที่ผมบอกไป ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลเอิร์ลอีกต่อไปแล้วครับ」
「… หรือก็คือ เจ้าหวังที่จะออกไปตอนนี้สินะ? กองทหารมากความสามารถของดยุคเอเบนกำลังรอเจ้าอยู่ที่ข้างนอกนั้นนะ รู้ไหม」
เอิร์ลเลิกคิ้ว บางทีเขาคงคิดว่าผมประเมินความสามารถตนเองสูงไปสินะ
เอาเถอะ ก็ผมไม่เคยแสดงพลังที่แท้จริงของผมต่อหน้าเอิร์ลเลยนี้นา
「เอิร์ล มีข้อมูลอยู่ 2 อย่างที่ผมต้องการ… ทว่าคุณก็หามาให้ไม่ได้ มีเรื่องหิน 8 ดาวอยู่ก็จริง แต่นั่นก็ไม่ใช้สิ่งที่ผมต้องการหรอก」
「เจ้าอยากจะพูดอะไรกันแน่?」
「ข้อมูล 2 อย่างนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของผม ผมไม่ได้ต้องการอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องชื่อเสียงของตระกูลเอิร์ลหรือเงินเดือนมหาศาลหรอกนะครับ」
「!」
「คุณเป็นคนที่ทั้งฉลาดและมองการไกล แต่คุณมองพลาดไปหนึ่งอย่าง ผมไม่ได้คาดหวังอนาคตอะไรของตัวเองกับประเทศนี้หรอกนะครับ ถ้ามีที่ที่ผมสามารถไปได้อย่างอิสระ ผมก็จะไปประเทศนั้นในทันทีเลยครับ」
「…งั้น เจ้าก็ไม่ได้มีอะไรติดค้างที่นี่เลยงั้นหรือ?」
「ไม่ครับ มันมีอยู่ แต่เพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้น – คือคุณหนูครับ」
ผมเดินอ้อมโซฟาไปแล้วยืนอยู่ข้างๆคุณหนู
「คุณหนูครับ อยากจะออกไปกับผมหรือเปล่าครับ? โลกนี้มันกว้าง – กว้างมากจนใช้เวลาทั้งชีวิตก็ยังเห็นได้ไม่หมดเลยนะครับ」
ดวงตาของคุณหนูเบิกกว้าง
เธอมองมาที่มือของผมที่ยื่นออกมา แล้วจากนั้นก็มองมาที่ใบหน้าของผม
เอิร์ล — ไม่ได้พูดอะไร กลับกัน เป็นหัวหน้าพ่อบ้านกับกัปตันแม็กซิมต่างหากที่มีท่าทางหงุดหงิด
คุณหนูไม่สำคัญกับเอิร์ลงั้นหรอ? — ไม่ เอิร์ลหน่ะเป็นพ่อขี้หวงลูกที่จะปกป้องลูกสาวของเขาแม้ว่ามันจะทำลายตัวเขาเองเลย ดังนั้น ทำไมเขาถึงไม่หยุดผมละ?
「…ชั้นจะไป」
เมื่อคุณหนูจับมือของผมแล้วลุกขึ้น สีหน้าไร้อารมณ์ของเอิร์ลก็พังทลายลงในทันที
「ทะ-ทำไมกัน…?!」
เอิร์ลนั้นมั่นใจว่าคุณหนูจะไม่จับมือผมแน่ๆ ทว่าเมื่อเขาคิดผิด เขาก็ช็อคสุดๆไปเลย
「เอิร์ล วันนี้พวกเราได้ไปที่โบสถ์ในขณะที่คุณไม่อยู่」
「…จะ-เจ้าพูดอะไรกัน…?」
「ผมได้ยกเลิกเวทย์พันธสัญญาระหว่างคุณกับคุณหนูแล้วครับ」
「!?」
ใบหน้าหล่อๆของเอิร์ลบูดบึ้งสุดๆ ส่วนหัวหน้าพ่อบ้านกับกัปตันแม็กซิมต่างมีสีหน้างุนงง
「…ตัดสินจากสีหน้าแล้ว ดูเหมือนจะมีแค่คุณคนเดียวที่รู้เรื่องนี้นะครับ」
วันนี้เป็นครั้งแรกที่ผมสงสัยว่าคุณหนูอาจจะถูกผูกมัดด้วยเวทย์พันธสัญญา นั่นก็เพราะในตอนที่เธอได้ยินข้อมูลจากผมแล้วเริ่มสงสัยในตัวเอิร์ล เธอก็ดูป่วยอย่างผิดธรรมชาติ
คุณหนูอาจจะถูกผูกมัดไม่ให้ทรยศพ่อของเธอ – คิดได้แบบนั้น ผมก็เลยพาตัวคุณหนูไปที่โบสถ์
นั่นเองก็เป็นครั้งแรกที่ความรู้ที่ผมเรียนรู้มาจากน็อนซังเกี่ยวกับเวทย์พันธสัญญาได้ใช้ประโยชน์
ที่โบสถ์ ถ้าคุณจ่ายเงินละก็ คุณจะสามารถทำพิธีล้างบาปและสิ่งสกปรกได้ คุณจะต้องตัวเปล่าแล้วอาบน้ำศักดิ์สิทธิ์ ทว่ากระบวนการอาบนั้นดูจะใกล้เคียงกับกระบวนการแก้เวทย์พันธสัญญาบางชนิดด้วย เมื่อคุณทำแบบนั้น ดูเหมือนจะมีเวทย์พันธสัญญาหลายอันที่สามารถแก้ได้ถ้ามีการไหลเวียนของมานาในร่างกายสูง – ถึงแม้น็อนซังจะพูดว่ามันมีเจ้าหน้าที่โบสถ์เพียงไม่กี่คนที่รู้ก็เถอะ
คุณหนูนั้นมีมานาจำนวนมาก และเธอเองก็มีสกิล【ควบคุมมานา ★★★★】ด้วย ดังนั้นเธอจริงเป็นอิสระจากเวทย์พันธสัญญาได้อย่างง่ายดาย
น็อนซังบอกว่ารูปแบบเวทมนตร์พิเศษหรือเวทมนตร์ที่คนร่ายเป็นศูนย์กลางจะไม่สามารถลบล้างได้ ทว่าตัวคุณหนูไม่ใช่กรณีนั้น
เอิร์ลกึ่งลุกกึ่งนั่งพร้อมกับสีหน้าตกตะลึง
「อีวา งั้นลูกก็…!」
「ค่ะ ท่านพ่อ หนูจำได้หมดทุกอย่างแล้ว หนูเป็นคนฆ่าท่านแม่ ใช่ไหมละคะ?」
งั้น ทำไมเอิร์ลถึงใช้เวทย์พันธสัญญากันละ?
ดูเหมือนว่าคุณหนูจะบังเอิญไปได้ยินเรื่องการตายของแม่ของเธอจากพ่อบ้านที่ทำงานอยู่ในตอนนั้นเข้า เวทย์พันธสัญญาก็เลยถูกใช้เพื่อปกปิดความทรงจำของเธอแล้วความสัมพันธ์ในครอบครัวก็จะได้ไม่พังทลายลงอีก ไม่ใช่แค่ความทรงจำเท่านั้นที่ถูกปกปิด เอิร์ลก็คงจะทำให้เธอไม่สามารถทรยศเขาได้ และเขาเองก็ไม่สามารถทรยศเธอได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ปัญหามันอยู่ตรงที่ “ตราบใดที่คนใดคนหนึ่งรู้สึกว่าเขาทรยศอีกฝ่าย” ต่างหาก ถึงท่านเอิร์ลจะเก็บความลับมากมายจากคุณหนู เขาก็ทำไปเพื่อตัวคุณหนู ดังนั้นเขาจึงไม่เป็นอะไร ทว่า ในตอนที่คุณหนูเริ่มสงสัยเอิร์ล เธอรู้สึกว่าตัวเธอกำลังทรยศพ่อตัวเอง นั่นถึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเวทย์พันธสัญญาถึงได้ทำงาน
ถึงแม้คุณหนูจะจำเรื่องการตายของแม่ได้ แต่เธอก็ไม่ได้เสียท่าทีใดๆเลย เธอไม่ได้ดูต่างไปจากเดิมเลยสักนิด ตอนที่เธอกลับมาจากการอาบน้ำ ผมยังสงสัยเลยว่ามันอาจจะไม่ได้มีเวทย์พันธสัญญาอยู่เลยก็ได้ เพราะผมไม่เห็นถึงความผิดปกติใดๆเลยในตอนแรก
แต่หลังจากที่เธอกลับมาถึงห้องของเธอที่คฤหาสน์ คุณหนูก็เล่าทุกอย่างให้กับผม เธอกอดผมแล้วร้องไห้ออกมา หลังจากที่เธอร้องจนน้ำตาแห้งเหือดหมดแล้ว เธอก็พูดว่า “ชั้นไม่เป็นไรแล้ว” พร้อมกับยิ้มออกมา
―ความจริงก็คือ เธอเองก็สงสัยมาตลอดแล้วว่าแม่ของเธอตายอาจจะเป็นเพราะ “เนตรเวทมนตร์แห่งการชักจูง” ของเธอก็ได้
「ไม่! มันไม่ใช่ความผิดของลูกหรอกนะ!」
แล้วก็สำหรับเอิร์ล จุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาก็คือคุณหนู
「หนูไม่เป็นไรค่ะ หนูสามารถจัดการกับบาปของตัวเองได้ ยิ่งไปกว่านั้น… ถึงเวลาแล้วค่ะที่พวกเราควรจะหยุดพึ่งพากันและกันได้แล้ว หนูต้องเรียนรู้ที่จะเป็นอิสระ และท่านพ่อคะ ท่านเองก็ต้องปล่อยวางลูกของตัวเองได้แล้วค่ะ คนของตระกูลซิวลิซส์นั้นสามารถเดินและยืนหยัดด้วยสองเท้าโดยไม่พึ่งเวทมนตร์ราคาถูกแบบนั้นค่ะ」
「แต่ว่า! แต่ว่าลูกก็ไม่เห็นจำเป็นต้องออกไปจากบ้านหลังนี้เลย!」
「…เรย์จิ ไปกันเถอะ」
「ครับ」
คุณหนูกับผมหันหลังให้กับเอิร์ล
「อีวา! อีวา—!!」
เสียงอันเศร้าสลดของเอิร์ลทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวด เมื่อเอิร์ลกำลังจะลุกขึ้นแล้วตามพวกเรามา ผมก็ได้ปล่อยจิตสังหารออกไป—ส่งผลให้เอิร์ลล้มลงไปที่ตรงนั้น กัปตันแม็กซิมเองก็สะดุ้งเฮือก
คุณหนูนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเหนือสิ่งอื่นใดสำหรับเอิร์ล
ขนาดตอนที่คุณหนูสงสัยเขา เขาก็ยอมรับมันในฐานะ “การเติบโตของลูกสาว” แล้วเชื่ออย่างสุดใจว่าเธอจะไม่ทรยศเขา
เพราะมันมีสิ่งที่เรียกว่าเวทย์พันธสัญญาอยู่
ทว่าคุณหนูก็เอาชนะมันมาได้
และแล้วพวกเราก็ออกจากห้องไป
「…เรย์จิ」
「ครับ」
「สิ่งที่ท่านพ่อทำมันผิดหรือเปล่า?」
เอิร์ลนั้นทำอย่างสุดความสามารถเพื่อประเทศนี้และเพื่อลูกสาวของเขา
ต่อให้คนอื่นๆจะมองว่ามันเป็น “ความชั่วร้าย” แต่สำหรับเขานั้นมันคือความถูกต้อง
ผม… ก็ไม่ได้ขุ่นเคืองอะไรเอิร์ลหรอก ไม่ได้เกลียดอะไรเขาด้วยเช่นกัน กลับกันนั้น
(ช่างเป็นคนที่ไม่มีไหวพริบเอาซะเลย!)
ผมรู้สึกสงสารเขา
เอิร์ลเขาก็แค่อยากจะให้ผมพึ่งพาเขาให้มากกว่านี้แล้วอยู่ภายใต้การดูแลของเขาก็เท่านั้นเอง นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงพยายามบีบบังคับผมแบบนั้น
แต่นั่นดูเหมือนความอาฆาตมากกว่าเดิมอีกสำหรับผม
ต่อให้เป้าหมายจริงๆของเขาจะเป็นเพราะความเมตตาที่อยากจะปกป้องผมก็เถอะ
「เขาไม่ได้ผิดหรอกครับ คุณพ่อของคุณเป็นผู้ชายที่ดีมากๆเลยครับ」
ผมยืนยัน
「งั้น…」
คุณหนูถามขึ้นมาอีกครั้ง
พวกเรานั้นได้มาถึงโถงทางเข้าแล้ว เหล่าเมดและพ่อบ้านที่หวาดกลัวเสียงข้างนอกได้มารวมกันที่ตรงนี้
ผมเปิดประตูที่เปิดสู่ภายนอกให้กับคุณหนู
「สิ่งที่ชั้นทำลงไปมันผิดหรือเปล่า?」
ภายใต้ความมืดและแสงจันทร์ เหล่าอัศวินของตระกูลซิวลิซส์ต่างก็มารวมตัวกัน และมีตะเกียงเวทมนตร์มากมายถูกจุดเอาไว้ส่องสว่างไปจนถึงประตู
ทหารติดอาวุธประมาณ 100 นายรวมตัวกันอยู่ที่ด้านนอกประตูพร้อมกับตะเกียงเวทมนตร์
「ไม่เลยครับ」ผมยืนยัน「ถ้าคุณหนูทำอะไรที่ผิดละก็ ผมจะเป็นคนหยุดอย่างสุดความสามารถเองครับ」
「……งั้นหรอ」
เมื่อคุณหนูกับผมเริ่มเดิน เหล่าอัศวินที่เห็นพวกเราต่างก็บอกให้พวกเราหยุด ทว่าพวกเราก็ไม่สนใจและเดินต่อไป
「มันน่าจะมีคนคุ้มกันที่ชื่อเรย์จิอยู่ที่นี่ ส่งตัวเขามาแล้วทุกอย่างจะจบ」
「มาร้องขอคนอื่นกลางดึกอย่างนี้มันเป็นปัญหานะ」
ที่ประตู เลเลนอร์ซังกับอัศวินกำลังเถียงกันอยู่
พวกเขาต่างตกตะลึงในตอนที่สังเกตเห็นพวกเราที่เข้ามาใกล้ เลเลนอร์ซังมีสีหน้าที่เจ็บปวด
「เรย์จิ… มือ」
「ครับ」
ผมจับมือของคุณหนู มันเย็นอย่างเหลือเชื่อเลย เธอกำลังฝืนตัวเองอยู่ ทำเอาผมเป็นกังวลเลย… อย่างน้อยๆถ้าผมสามารถแบ่งอุณหภูมิร่างกายของผมให้ได้ละก็
คุณหนูก้าวเดินทีละก้าวเหมือนกับกำลังดึงตัวเองเข้ามาหาผมที่กำลังเดินไปข้างหน้า และแล้วเธอก็หยุดอยู่ห่างประตูเพียงไม่กี่ก้าว
「เรย์จิ」
「ครับ」
「…นายจะยังคุ้มกันชั้นอยู่ไหมถึงแม้ชั้นจะออกจากตระกูลเอิร์ลแล้ว?」
「ด้วยความยินดีครับ」
「งั้นหรอ… พวกนาย เปิดประตู」
「แต่ว่า ท่านอีวา…」
「นี้เป็นคำสั่ง เปิดประตูซะ」
「…คะ-ครับ」
ถึงจะยังงุนงงกับคำสั่งของคุณหนู เหล่าอัศวินก็เปิดประตู
ในทางกลับกัน เหล่าทหารติดอาวุธต่างก็มองมาที่ผม พวกเขาดูจะฝึกมาน้อยกว่าอัศวินของตระกูลซิวลิซส์อีก และนอกจากมนุษย์แล้ว ส่วนใหญ่ยังเป็นฮาร์ฟลิงด้วย
「คุณหนูอีวาคะ โปรดส่งตัวเรย์จิโดโนะที่ยืนอยู่ข้างๆมาด้วยค่ะ ท่านเอิร์ลได้แจ้งเรื่องนี้เอาไว้แล้ว」
เลเลนอร์คุกเข่าลงแล้วร้องขอ
「เรย์จิไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลเอิร์ลแล้ว」
「งั้นหรือคะ… งั้นมันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรค่ะ」
「เธอจะทำอะไรกับเรย์จิ?」
「…ไม่สามารถบอกได้ค่ะ」
「จะฆ่าเขาอย่างนั้นหรอ?」
「!」
เลเลนอร์นั้นตกตะลึง… นี้เธอจะฆ่าผมงั้นหรอ? น่ากลัวชะมัด การตัดสินว่าใครจะมีชีวิตอยู่มันง่ายดายขนาดนี้เลยหรอ?
「ชั้นไม่อาจมอบเขาให้เธอได้ เรย์จินั้นสำคัญกับชั้นมาก… เพราะเขาเป็นคนคุ้มกันของชั้น」
「แต่ว่า…!」
「เรย์จิ」
「ครับ」
คุณหนูหันกลับมามองที่ผม ดวงตาของเธอนั้นส่องสว่าง – มันทำให้ผมรู้สึกอบอุ่น ร่างกายรู้สึกร้อนขึ้นและอยากที่จะต่อสู้
อา นี้คือ “เนตรเวทมนตร์แห่งการชักจูง” งั้นหรอ? รู้สึกดีชะมัด!
แต่ว่านะครับ คุณหนู…
ต่อให้คุณหนูไม่ใช้มัน ผมเองก็อยากจะสู้อยู่แล้วครับ
「นายสามารถเอาชนะทุกคนที่นี่ได้ไหม?」
เลเลนอร์ซังตกใจกับคำถามที่ดูใสซื่อของคุณหนู ในทางตรงกันข้าม เหล่าทหารติดอาวุธนั้นดูจะโกรธกันน่าดู
「ถ้าผมเอาจริงละก็ ไม่มีปัญหาครับ」
มันคือความจริง ในโลกใบนี้ นักผจญภัยระดับทอง 1 คนนั้นแข็งแกร่งกว่านักผจญภัยระดับเงิน 100 คนซะอีก
ความต่างของพลังมีถึงขนาดนั้นละ
ว่าง่ายๆ ผมมั่นใจเลยว่าต่อให้ทหารติดอาวุธที่อยู่ข้างหน้านี้ทุกคนประจันหน้ากับอูโรโบรอส พวกเขาก็ไม่มีทางจัดการมันได้เลย
「เรย์จิคุง ใจเย็นๆก่อนนะ…」
เลเลนอร์ซังพยายามทำให้ผมใจเย็นลง แต่ว่ามันไม่มีประโยชน์หรอก
「เอาจริงเลย เรย์จิ」
คำสั่งของคุณหนูนั้นง่ายดายเสมอ
「เคลียร์ทางซะ」
และงานเองก็มักจะค่อนข้างหนักหนาซะด้วยสิ – แต่ เพียงแค่วันนี้เท่านั้น
「ครับ คุณหนู」
ที่ผมเองก็รู้สึกอยากจะอาระวาดเหมือนกัน ดังนั้นมันจึงไม่เป็นไร
MANGA DISCUSSION