บทที่ 2 ตอนที่ 48
「งั้นมันก็มีหินสกิล 8 ดาวอยู่จริงๆสินะครับ…」
「ใช่ ถึงข้าเองก็ยังไม่เคยเห็นมันเลยก็ตาม」
จากนั้นท่านเอิร์ลก็บอกผมถึงทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวิหารนั้น
งั้นหรอ… ไม่แปลกใจเลยที่คุณหนูจะโทษตัวเองจากการตายของหลุยส์
「ดูเหมือนว่าหิน 8 ดาวนั้นจะต้องถูกมอบให้เก็บผู้ที่บริสุทธิ์เท่านั้น คนที่ไม่เคยรับหินสกิลไหนมาก่อนจากราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ ข้าไม่รู้ว่าทำไมมันถึงต้องเจาะจงแบบนั้น แต่ตามที่มีการบันทึกมา หินสกิลนี้จะปรากฏขึ้นหนึ่งครั้งทุกๆ 100 ถึง 300 ปี สมาชิกราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับหินสกิลจะหายตัวไปโดยไม่มีข้อยกเว้น คาดว่าพวกเขาจะหายตัวไปที่ “โลกอื่น”」
「…งั้นฝ่าบาทก็มอบมันให้กับหลุยส์เพื่อช่วยเจ้าชายคลูฟชราทจากชะตากรรมนั้นงั้นหรอครับ?」
「ข้าเองก็บอกไม่ได้ว่ามันเป็นแบบนั้นหรือเปล่า」
บ้าชะมัด มันยิ่งบ้าเข้าไปอีกเมื่อคุณหนูต้องมาเสียใจเพราะเรื่องแบบนี้
「ยังไงก็ตาม พวกเราก็โทษฝ่าบาทท่านเดียวไม่ได้หรอก」
「ทำไมละครับ!? มันก็เหมือนกับการมอบยาพิษถึงตายให้เลยนะครับ!」
「ถ้าท่านหลุยส์ไม่ท้าทายละก็ มันก็จะถูกมอบให้กับเจ้าชายคลูฟชราทอยู่ดี ฝ่าบาทนั้นลังเลมาตลอดจนกระทั่งถึงวันก่อนงานพิธี และข้าก็ได้ยินมาว่าท่านตัดสินใจที่จะมอบมันให้เจ้าชายไปแล้ว」
「แต่ว่า…!」
「ท่านหลุยส์พูดกับฝ่าบาทว่า “โอกาสนั้นจะต้องเท่าเทียมกัน” ฝ่าบาทที่ได้ยินเหตุผลแบบขุนนางอย่างนั้น หัวใจของท่านก็ได้สั่นคลอน—ในฐานะพ่อคน」
「…………」
ผมกำมือทั้งสองข้างแน่น
มันไม่มีทางอื่นเลยหรอ? ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้?
หลุยส์จะปฏิเสธหรือเปล่าถ้าเขารู้ว่าเขาอาจจะ “ตาย” ได้? — ไม่ ถ้าเขารู้เพียงแค่ว่าเขาจะได้ไปยัง “โลกอื่น” ละก็ เขาก็คงจะอ้าแขนรับด้วยความเต็มใจเลย
「ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นหัวใจหลักของประเทศและยังมีพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ด้วย ทว่ามันก็มีภาระผูกพันอันโหดเหี้ยมตามมาด้วยเช่นกัน」
「…งั้น ความสำเร็จของผมก็คือการช่วยชีวิตเจ้าชายคลูฟชราทไม่ให้ตายยังงั้นหรือครับ?」
「เรย์จิซัง」
ท่านเอิร์ลเรียกผมด้วยน้ำเสียงตำหนิ ผมทุบมือขวาของผมลงบนต้นขาของตัวเอง
「…ขอโทษครับ ก็แค่คำแก้ตัวโง่ๆหน่ะครับ ลืมมันไปเถอะครับ」ผมพูด
อย่างผมไม่สามารถทำตัวเหมือนพ่อพระแบบนั้นได้หรอก ตัวเองยังทำตามใจตัวเองแบบอยู่เลย ยังไม่เคยบอกคุณหนูถึงสถานการณ์ทั้งหมดของตัวเองเลยด้วยซ้ำ
「ไม่ ข้าไม่ลืมมันไปหรอก」
ผมที่กำลังรู้สึกรังเกียจตัวเองอยู่นั้น ท่านเอิร์ลก็ได้พูดออกมาแบบนั้นด้วยสีหน้าจริงจัง—และมีรอบยิ้มบางๆปรากฏขึ้น
「ข้าดีใจมากเลยที่ในที่สุดเจ้าก็แสดงด้านที่เป็นมนุษย์ออกมา ไม่ว่าข้าจะพูดคุยกับเจ้ากี่ครั้ง ข้าก็รู้สึกเหมือนคุยอยู่กับผู้ใหญ่เต็มตัวไม่ใช่เด็กอายุ 14 ปีเลย แต่ดูเหมือนว่าเจ้าเองก็ยังมีด้านที่เป็นมนุษย์อยู่นะ」
「…อย่างท่านนี้พูดได้หรอครับ?」
「เลือดที่ไหลเวียนอยู่ในตัวข้าดูจะเย็นราวกับน้ำแข็งเลย ดังนั้นมันไม่สมเหตุสมผลที่ข้าจะมีความรู้สึกแบบนั้น… ยังไงก็เถอะ ฝ่าบาทนั้นไม่ใช่คนที่จะถูกลงโทษได้ ทว่ามันมีอุปสรรคอันยากลำบากกำลังรอท่านอยู่」
「อุปสรรคอันยากลำบาก?」
「อย่างแรกเลยก็คือว่าหินสกิล 8 ดาวนั้นอาจจะปรากฏตัวขึ้นอีกในอนาคต และข้าก็ได้ยินเป็นครั้งแรกว่า ถึงสามัญชนจะมอบหินสกิลให้กับลูกหลานให้เร็วที่สุดที่จะเป็นไปได้ แต่ขุนนางนั้นจะต้องรอจนกว่าลูกของพวกเขาจะอายุ 12 ปี เพื่อสร้างช่วงเวลา “บริสุทธิ์” เป็นเวลา 12 ปี มันอาจจะดีถ้ามีบุตรถือกำเนิดขึ้นในช่วงเวลานั้น แต่ถ้าไม่ละก็ เด็กที่มีสีฟ้าศักดิ์สิทธิ์ก็จะต้องคงความ “บริสุทธิ์” ต่อไปโดยให้เหตุผลสักอย่างกับทางสาธารณชนทราบ」
「งั้นก็หมายความว่างานพิธีนั้นถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เหล่าขุนนางทำตามข้อกำหนดนั้นงั้นหรอครับ?」
「บางทีอาจจะเรียกว่าเป็นการอำพรางก็ได้ ยังมีความลับอื่นๆอีกมากมายนอกจากนี้อีก ยังไงก็ตาม ขนาดเอลซังเองก็ยังไม่รู้ว่าหินสกิล 8 ดาวนั้นเป็นอะไร ไม่ว่าเขาจะพูดจริงหรือโกหกก็ตาม แต่เมื่อมีหินสกิล 8 ดาวปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง มันจะต้องถูกมอบให้กับน้องชายของเจ้าชายคลูฟชราท เจ้าชายศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่ 3 เท่านั้น」
งั้นก็หมายความว่าวัฏจักรแห่งความโศกเศร้าก็จะดำเนินต่อไปหน่ะสิ?
「ครั้งสุดท้ายที่หิน 8 ดาวนั้นปรากฏขึ้นก็คือเมื่อ 250 ปีก่อน เนื่องจากที่ไม่มีใครเลยที่ยังมีชีวิตอยู่จากช่วงเวลานั้นเลย และบันทึกเองก็เขียนด้วยภาษาโบราณ มันจึงดูจะต้องใช้เวลาสักพักในการถอดรหัสถึงความหมายที่มันต้องปรากฏตัวออกมาหน่ะ」
「ทั้งหมดนี้มันเกี่ยวข้องอะไรกับ “โลกอื่น” งั้นหรอครับ…?」
「…ฝ่าบาทอาจจะบอกเจ้าก็ได้ถ้าเจ้าไปยังพระราชวังศักดิ์สิทธิ์ บางทีอาจจะรวมถึงเรื่องของสิ่งที่เรียกว่า “พันธสัญญา” ด้วย」
พันธสัญญา
ถ้าผมจำไม่ผิด มังกรตัวนั้นเองก็ใช้คำๆนี้ด้วยเหมือนกัน
「และมีเรื่องยากลำบางอย่างอื่นที่ฝ่าบาทจะต้องจัดการด้วย – เจ้างูยักษ์นั่น เจ้ารู้ใช่ไหมว่ามันได้ทำลายคฤหาสน์หลังหนึ่งในเขตศักดิ์สิทธิ์ที่ 2 ด้วยหน่ะ?」
「อา… ครับ ผมเองก็อยู่ที่นั่นด้วย รู้สึกว่าจะเป็นของตระกูลริเวียร์สินะครับ…」
ผมนึกถึงสิ่งที่ได้ยินมาจากกัปตันอาเธอร์
「ใช่ ปัญหามันก็คือชายที่ตายจากการถล่มลงมาของกำแพงคฤหาสน์หลังนั้น」
「งั้นก็หมายความว่าเขาคือผู้เคราะห์ร้ายสินะครับ?」
「ใช่แล้ว เขาเป็นผู้เคราะห์ร้ายในครั้งนี้ ทว่าเมื่อเดือนก่อนนั้นเขาคือผู้กระทำความผิด」
1 เดือนก่อน—หรือว่า “งานเลี้ยงต้นกล้าแห่งคืนข้างขึ้น” งั้นหรอ?
「ชายคนนั้นคือคนที่วางยาพิษในจานของเจ้าชายคลูฟชราท」
ผมตกตะลึงที่ได้ยินแบบนั้น
「มีความเป็นไปได้สูงที่ 1 ใน 6 ดยุคผู้ยิ่งใหญ่อย่างตระกูลริเวียร์พยายามที่จะลอบสังหารเจ้าชายคลูฟชราท ดังนั้นจึงมีการหาลือกันว่าจะล้มล้างตระกูลริเวียร์ออกไปเกิดขึ้นในตอนนี้ ทางตระกูลริเวียร์นั้นไม่เห็นด้วยและกำลังรวบรวมเหล่าอัศวินของพวกเขา… เป็นสถานการณ์ที่มีความตึงเครียดสูงเลยละ ง่ายๆเลยก็คือว่าอาจจะเกิดสงครามกลางเมืองได้ทุกเมื่อเลย」
ผมควรจะไปยังพระราชวังศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ดีละเนี่ย?
เอิร์ลซิวลิซส์ออกไปจากห้องพร้อมกับพูดว่า “ข้าจะไปงีบสักหน่อย” — มันเหมือนกับการบอกว่า “ถ้าเจ้าจะหนีละก็ ตอนนี้แหล่ะโอกาสของเจ้าแล้ว”
ท่านเอิร์ลคาดการณ์ว่าราชันศักดิ์สิทธิ์จะไม่ปล่อยผมไปเนื่องจากผมนั้นรู้ถึงความลับระดับชาติแล้ว ทว่าในทางกลับกัน เขาเองก็รู้สึกขอบคุณผมด้วย ดังนั้นเขาเลยให้โอกาสผมหลบหนีถ้าต้องการ
ความวุ่นวายครั้งใหญ่จะเกิดขึ้นในอนาคตเร็วๆนี้ รวมถึงการล้มล้างหนึ่งในตระกูล 6 ดยุคผู้ยิ่งใหญ่ด้วย ผมจะได้ประโยชน์อะไรจากการอยู่ในประเทศนี้ต่อไปกัน?
(ผมควรจะขอเงินจำนวนมากแลกกับการเซ็นต์สัญญาเวทมนตร์ดีไหม?)
ไม่ ผมไม่ได้ต้องการของแบบนั้น เงินที่ผมต้องการก็แค่ให้เพียงพอต่อชีวิตประจำวันเท่านั้นเอง
(แล้วก็ข้อมูลเกี่ยวกับ “พันธสัญญา”)
ผมสนใจมันก็จริง แต่มันไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นต่อผม ขนาดในโลกนี้ มันก็ดีพอแล้วที่จะมีเพียงแค่ “ส่วนน้อย” อย่างกลุ่มบุคคลสำคัญที่ต้องรู้ถึงเรื่องนี้ – ผมพอใจแล้วที่จะเป็นหนึ่งใน “คนที่ไม่รู้ส่วนใหญ่” ยังไงซะ มันก็เห็นได้ชัดเลยว่ามันจะนำปัญหามาให้ผมแน่ๆ
(หรือก็คือ ไม่มีเหตุผลให้ผมอยู่ต่อ)
ในทางกลับกัน มันมีเพียงแค่ผลเสียต่อผมทั้งนั้นเลย ถ้าผมไม่สามารถออกไปจากเมืองศักดิ์สิทธิ์ได้เพราะเวทย์พันธสัญญาละก็ ผมก็จะไม่สามารถตามหาลาร์คหรือลูลูช่าซังได้ ยิ่งไปกว่านั้น มีความเป็นไปได้สูงที่ปัญหาหลายๆอย่างที่เกี่ยวข้องกับราชันศักดิ์สิทธิ์จะเกิดขึ้นด้วย
「…คิดดูจากผลประโยชน์แล้ว มีเพียงแค่คำตอบเดียวเท่านั้น」
หลังจากนั้น ผมก็ได้ออกมาจากคฤหาสน์ ผมได้กล่าวทักทายยามเฝ้าประตูแล้วบอกเขาว่าจะไปทำธุระ ผมตัดผ่านเขตทั้งหมดในระหว่างทาง และก็ได้มาถึงบล็อกที่ 5
ผมต้องถามทางหลายต่อหลายครั้ง – ก็คาดไว้แล้วจากโลกใบนี้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟนหรือระบบนำทางใดๆเลย – และแทบทุกคนนั้นยินดีที่จะช่วยผม
「ที่นี่งั้นหรอ?」
เบื้องหน้าของผมนั้นมีอาคารหิน 4 ชั้น อาคารนั้นมีโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมแบบแคบแต่ลึกเข้าไปข้างในที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก เป็นโรงแรมที่มีชื่อว่า “กระบองเพชรสีเงิน (Silver Citrus)” ที่ซิวเวอร์บาลานซ์พักอยู่
「ที่พวกเขาเลือกที่นี่ก็เพราะว่ามันมี “ซิวเวอร์” อยู่ในชื่อยังงั้นหรอ?」
เมื่อผมเปิดประตูทางเข้า – ที่เป็นประตูกระจกสีแกะสลักด้วยลวดลายไม้บนพื้นผิว – เสียงกระดิ่งก็ได้ดังขึ้น
MANGA DISCUSSION