บทที่ 3 ตอนที่ 7
『เขาวงกตจะเข้าไปและควบคุมจิตใจของผู้คน』
มันถูกเขียนเอาไว้ในเอกสารจากกิลด์ เขาวงกตแต่ละที่ที่เป็นตัวแทนของอารมณ์นั้นๆดูจะ “มีอำนาจ” ในอารมณ์นั้นๆ
เมื่อพวกเราเข้ามาในจักรวรรดิเป็นครั้งแรก พวกเขาจะมอบกำไลที่มี GPS ยืนยันอารมณ์ของผู้สวมใส่มา ถ้ากำไลเรืองแสงสีแดง ดูเหมือนว่ามันจะหมายถึง “ต้องเฝ้าดูเป็นพิเศษ” นี้ก็เพื่อให้ผู้สวมใส่ระวังตัวเองก่อนที่พวกเขาจะอารมณ์พลุ่งพล่านและเสียสติไป
วิธีที่จะใช้ควบคุมอารมณ์พวกนั้นขึ้นอยู่กับเขาวงกต เช่นกับดัก, สถานะผิดปกติที่โดนไม่รู้ตัว, สถานที่ที่ต้องใช้อารมณ์พวกนั้นในการผ่านไป, และอื่นๆอีกมากมาย
「สวยอย่างไม่น่าเชื่อ…」
ความประทับใจแรกของผมที่ได้เห็นก็คือว่ามันกว้างและเรียบร้อยอย่างน่าประหลาด เห็นได้เลยว่ากำแพงนั้นเรียบเนียนและแข็งแรง ทางเดินที่สามารถให้คน 4 คนเดินไปพร้อมกันได้นั้นสว่างเล็กน้อย — ซึ่งเป็นเรื่องปกติของ “ดันเจี้ยน” เมื่อผมตรวจสอบด้วย【World Ruler】ผมก็พบว่ามันมีมานาจำนวนเล็กน้อยไหลเวียนอยู่
อย่างไรก็ตาม มันก็ยังสว่างน้อยไปอยู่ดี ดังนั้นจึงยังคงใช้ตะเกียงเวทมนตร์อยู่
(พอพูดแล้วก็ ที่เหมืองที่ 6 เองก็สว่างแค่นี้นี้นะ มันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับผมเนื่องจากผมมี【Night Vision】หรอก …..แต่ว่าในตอนนั้น ผมคิดว่า “มันเป็นสิ่งที่มันเป็น”)
นั่นก็เพราะ ตอนที่ผมบ่นว่ามันมืด ลาร์คก็ตอบกลับมาว่า “มันเป็นสิ่งที่มันเป็น” ลาร์คนั้นมีมุมมองเชิงปรัชญาสำหรับเด็กอายุ 13 ปีในตอนนั้นอยู่
「มูเกะซัง หน่วยยึดครองเขาวงกตเข้ามาในเขาวงกตนี้เมื่อไหร่เหรอคะ?」มิมิโนะซังถาม
「ข้าคิดว่าน่าจะเมื่อ 5 วันก่อนละมั้ง」
ผมกำลังฟังบทสนทนาระหว่างมิมิโนะซังกับมูเกะซังอยู่ ทว่า【เสริมการได้ยิน】ของผมจับเสียงอื่นได้—เสียงของลม
「—ดันเต้ซัง จากตรงนี้ไปจะเป็นพื้นที่เปิดกว้างครับ」
「หึมมม เอาละ เรย์จิ, เซอรี่กับข้าจะไปตรวจดูข้างหน้าก่อน คนอื่นๆค่อยตามหลังมานะ」
เนื่องจากมันพึ่งจะผ่านทางเข้ามา บางทีพวกเราจึงไม่ต้องกังวลการโจมตีจากด้านหลัง
หลังจากที่เคลื่อนตัวมาข้างหน้า 50 เมตรก็พบกับพื้นที่เปิดโล่ง และทางลาดลงที่มีรูปปั้นหินถือดาบ, โล่, คทา, และอื่นๆเรียงรายทั้งซ้ายและขวา รูปปั้นพวกนั้นดูราวกับกำลังจ้องมองมาที่พวกเราเลย
「…ดูจะไม่มีอะไรตรงนี้นะ ทางพวกนายละ?」ดันเต้ซังถาม
「ผมเองก็ไม่เห็นอะไรเหมือนกันครับ」
「อืม ไม่มีอะไรเลย」เซอรี่ซังพูด
แค่เอาไว้ขู่งั้นหรอ…? หืมมม แต่ว่า–
「…มันไม่มีอะไรก็จริง แต่ผมได้กลิ่นเลือดครับ」
「อาจจะมีกับดักก็ได้ ระวังตัวด้วย」ดันเต้ซังพูด
หลังจากมิมิโนะซังและคนอื่นๆมารวมตัวกับพวกเรา พวกเราก็เคลื่อนตัวไปข้างหน้าพร้อมๆกัน ทว่า ตรงข้ามกับการคาดการณ์ของพวกเรา มันไม่มีอะไรอยู่เลยจริงๆ—ไม่นานพวกเราก็ผ่านพื้นที่โล่งและกลับมาอยู่ในทางเดินอีกครั้ง
ทางเดินนั้นเหมือนกับอันก่อนหน้า แต่ถนนดูจะโค้งนิดๆพร้อมกับลาดลงไปข้างล่าง ระหว่างทางพวกเราก็พบกับผู้คนบ้างนิดหน่อย พวกเราเคลื่อนตัวไปพร้อมกับตรวจสอบทุกจุด มีบางที่ที่ดูเหมือนกับแท่นบูชาทว่าไม่พบอะไรเลย – ปาร์ตี้ก่อนหน้านี้คงเอาเอาไปหมดแล้วละ
พวกเราเคลื่อนตัวมาได้ 3 ชั่วโมงแล้ว พวกเราพักกันแค่ครั้งเดียวอยู่ ดังนั้นตอนที่พวกเรากำลังคิดจะพักกัน
「ผมได้ยินเสียงคนคุยกันข้างหน้าครับ」
「หืมมม เป็นนักผจญภัยกลุ่มอื่น หรือหน่วยยึดครองเขาวงกตกันนะ?」ดันเต้ซังสงสัย
ถึงพวกเขาจะเป็นคู่แข่ง แต่ก็ไม่ใช่ศัตรู ดังนั้น “มีคน” ก็หมายถึงข้างหน้านั้น “ปลอดภัย”
ท้ายที่สุด พวกเราก็ได้มาถึงโถงทรงลูกบาศก์ขนาดใหญ่
มันค่อนข้างกว้าง มีความสูงประมาณ 100 เมตรได้
「โอ้……」
ทางเดินนั้นเป็นเส้นตรงและนำไปยังทางออกที่อยู่อีกฟาก กองไฟได้ถูกจุดเอาไว้ทั้งซ้ายและขวาในตะแกรงเหล็ก มีเวทีวงกลมอยู่ตรงกลางห้อง และมีคนกว่า 10 คนอยู่ตรงนั้น
「หา? มีนักผจญภัยคนอื่นนอกจากพวกเราด้วยหรอ? —เดี๋ยวนะ…」
พวกเราจะโชคร้ายอะไรขนาดนี้ นั่นเป็นปาร์ตี้ที่นำโดยลีออน – โกลเด้นบริเกด นั่นเอง
「…………」
「…………」
ดันเต้ซังกับลีออนจ้องมองกันสักพัก
「—ข้าไม่ได้อยากสู้ในนี้เหมือนกัน」
「ไม่ต้องบอกก็รู้น่า」
เหมือนกับวันก่อน หญิงสาวผอมเพรียวในเสื้อฮู้ดเป็นคนพูดแบบนั้นออกมา แลัวลีออนก็ถอยกลับไป
พวกนั้นตรงไปยังฝั่งนึงของเวที ดังนั้นพวกเราก็เลยตรงไปยังฝั่งตรงข้ามแล้วนั่งลง
มีพ่อค้าที่ดูจะเป็นคนว่าจ้างโกลเด้นบริเกดอยู่ด้วย พ่อค้าคนนั้นแต่งตัวด้วยเสื้อผ้ามันเงาวาววับนั่งอยู่บนยานพาหนะที่ดูเหมือนกับรถยกที่ทำงานโดยเครื่องจักรเวทมนตร์
พ่อค้าคนนั้นพาชาวเลฟอีกสองคนมากับเขาแล้วตรงมาที่เรา — ตรงมาที่มูเกะซัง
「เห้ย นี้มันบริษัทโกโรโกโสไม่ใช่รึไง? ไม่ดีเลยนะที่บริษัทจนๆอย่างแกจะมาเข้าเขาวงกตแบบนี้หน่ะ」
「…………」
「…………」
เมื่อดันเต้ซังกับผมที่กำลังนั่งพักผ่อนอยู่กำลังจะลุกขึ้น มูเกะซังก็พูด “ได้โปรดนั่งก่อนเถอะนะ”
「เขาวงกตนั้นเปิดให้ทุกคนไม่ใช่หรอ? ข้าก็มีสิทธิ์จะอยู่ที่นี่นะ」
「ไร้สาระ…. เขาวงกตนี้เป็นชีพจรของจักรวรรดิเราเลยนะ รู้ไหม้? มันน่าสะอิดสะเอียนที่คนติดต่อกับ “ภายนอก” อย่างแก่เข้ามาที่นี่นะ ไม้รู้รึไง? ตัวแก ที่ไม่สามารถสร้างธุรกิจ “ภายใน” ได้หน่ะ ก็เป็นตัวน่ารังเกียจสำหรับทุกคนนั่นแหล่ะ」
「เรื่องแบบนั้นมัน–」
「พวกคุณเองก็ไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ถ้าไม่มีอาหารจากภายนอกไม่ใช่หรอครับ แถมยังมาจากปากคนใส่ชุดน่าเกลียดแบบนี้ด้วยหน่ะนะครับ?」
「เรย์จิซัง!?」
มูเกะซังตกใจ บางทีคงไม่คิดว่าผมจะไปตัดบทสนทนาแบบนั้น พ่อค้าคนนั้นจ้องมองผมอย่างอึ้งๆ แต่จากนั้นก็รีบส่ายหัวแล้วพูดว่า
「อะ-อะ-ไอ้เด็กเวร!! เมื่อกี้แกว่าไงนะ–」
「ผมจะพูดจนกว่าจะพอใจเลย ที่นี่อาจจะเป็นศูนย์รวมโรงงานเวทมนตร์หนึ่งเดียวในโลกก็จริง แต่กลับกัน มันก็มีแค่นั้นเอง ไม่เหมาะจะเพาะปลูกหรือเลี้ยงสัตว์ด้วยซ้ำ ถ้าไม่มี “โลกภายนอก” ละก็ คุณก็ประคับประคองตัวไม่ได้ด้วยซ้ำ มูเกะซังต้องเสี่ยงอันตรายนำสิ่งของจาก “ภายนอก” มา – ขนาดวัตถุดิบเสื้อผ้าของคุณก็ยังมาจาก “ภายนอก” เลย คุณควรจะขอบคุณมูเกะซังนะครับ ผมไม่คิดว่ามันจะมีเรื่องน่าบ่นตรงไหนเลย」
「มันมีเรือเหาะเวทมนตร์สำหรับนำเข้าและส่งออกโว้ย! ข้าไม่มีทางมาขออะไรกับบริษัทที่ใช้งานเครื่องจักรไอน้ำโกโรโกโสแบบนี้หรอก!」
「งั้นคุณก็ไม่ควรมาที่นี่ตั้งแต่แรกแล้วครับ และก็ไม่ควรไปว่าอะไรความสัมพันธ์ของเขากับ “ภายนอก” ด้วยครับ」
「ไอ้เด็กเวรปากเสียนี้!!」
「จะ-ใจเย็นๆ ใจเย็นๆก่อนนะ」
ด้วยเหตุผลบางอย่าง มูเกะซังเป็นคนเดียวที่พยายามห้ามปรามสถานการณ์นี้
「แล้วก็มูเกะซัง คุณต้องตอบโต้พวกเขาไปตรงๆนะครับ คุณเองทำงานที่น่าภาคภูมิใจนะครับ」
「งานที่น่าภาคภูมิใจ…」
ตอนที่มูเกะซังเงียบไปเพราะคำพูดนั้น
「หนุ่มน้อย เค้าก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะถ้าเธอจะฆ่าเวลาโดยการทะเลาะกันหน่ะ แต่เอาไว้ทีหลังนะ」เซอรี่ซังยืนขึ้นพร้อมกับมองกลับไปยังเขาวงกต
「มีอะไรบางอย่างกำลังมา」ผมพูด
「!」
ทั้งผมและดันเต้ซังเด้งลุกขึ้นยืนพร้อมๆกับพวกโกลเด้นบริเกด
「เห้ยไอ้ผู้ว่าจ้าง! มาทางนี้เร็วเข้า! มีบางอย่างกำลังมาทางนี้จากด้านหลัง!!」ลีออนตะโกนออกมา
「ฮิ-ฮี้ยยย!」
จังหวะเดียวกับที่พ่อค้าปากเสียคนนั้นวิ่งกลับไป ยักษ์สีทองก็ปรากฏขึ้นที่อีกฟากของทางเดิน พร้อมกับเสียงดังลั่น
มันมีสองล้อที่เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 เมตรเป็นขา ซึ่งทำสมดุลและเสริมลำตัวบนได้เป็นอย่างดี มันมีทั้งหมด 4 แขนซึ่งแหลมเหมือนกับหอก
มันไม่มีหัว แทนที่กันนั้น มันมีอัญมณี 3 เม็ดโพล่ออกมาที่ตรงกลางของร่างเป็นรูปสามเหลี่ยม—รู้สึกเหมือนกับอัญมณีพวกนั้นกำลังจ้องมองมาที่พวกเราเลย
『——ผู้บุกรุก, ค้นพบ——』
เสียงราวกับเครื่องจักรดังกึกก้อง
หุ่นออโตมาตรอน
ร่างยักษ์เริ่มเคลื่อนไหวด้วยการหมุนล้อเมื่อมันเอนตัวมาด้านหน้า
ล้อของมันที่หมุนอยู่สร้างประกายไฟกับพื้น
「มิมิโนะ, น็อน อพยพไปพร้อมกับมูเกะซัง」
「รับทราบ」
「ค่ะ」
「เรย์จิ, เซอรี่ พวกเราจะจัดการเจ้านั่นลง!」
กองไฟตะแกรงเหล็กที่จัดวางอยู่รอบๆนั้นดูจะเอาไว้ใช้เป็นบาเรียป้องกันบางอย่าง แต่ถ้าตัวใหญ่ขนาดนั้นพุ่งเข้ามา มันก็คงถูกทำลายในพริบตาเดียว
「รับทราบ — แต่ถ้าทำได้ละก็ อย่าเอาจริงกันนะครับ」
ของดรอป! ของดรอป!
「อย่าบ้าไปหน่อยเลย」ดันเต้ซังพูด
「สมกับเป็นหนุ่มน้อย เค้าเอาใจช่วยอยู่นะ!」
ผมสัญญากับตัวเองเลยว่าจะต้องไปดุเซอรี่ซังทีหลังให้ได้
「มันจะมาแล้ว!」
ไม่ใช่แค่พวกเราเท่านั้น พวกโกลเด้นบริเกดเองก็เตรียมพร้อมแล้วเหมือนกัน ด้วยลีออนเป็นแนวหน้า และหญิงสาวสวมฮู้ดอพยพผู้ว่าจ้างชาวเลฟ
ออโตมาตรอนตัวนั้นกระโดดลงมาที่ตรงกลาง
『——จนถูกกลืนกินด้วยความกลัว——』
ทันทีหลังจากนั้น ผมก็ถูกครอบงำโดยความรู้สึกที่อยากจะทรุดตัวลง กำไลของทุกๆคนเรืองแสงสีแดงออกมา
MANGA DISCUSSION