ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 12 บทที่ 331 ท่านเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตพวกเราไว้
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 12 บทที่ 331 ท่านเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตพวกเราไว้
คนยี่สิบกว่าคนที่ตามอยู่ข้างหลังโหยวเจิ้งเฉิง รู้แล้วว่าผู้มีพระคุณของตนเองคือผู้ใด!
มีคนไม่อาจทนเห็นผู้มีพระคุณโดนหมิ่นหยามอีก จึงจูงมือบุตรของตัวเองเดินขึ้นหน้าไปสองก้าว คุกเข่าต่อหน้าเซี่ยยวี่หลัว “ท่านผู้มีพระคุณ…”
จากนั้น มีชาวบ้านอีกสิบกว่าคนอุ้มบุตรหรือจูงมือบุตรมา ในมือยังหิ้วตะกร้ามาด้วย ต่างก็เดินขึ้นหน้าคุกเข่าลงไป “ท่านผู้มีพระคุณ…”
เซี่ยยวี่หลัวเข้าใจทันที หาตัวเด็กที่หายตัวไปพบแล้ว!
ไม่มีผู้ใดเห็น ยามเซียวหยวนที่ยืนอยู่ในกลุ่มชาวบ้านเห็นเด็กกลุ่มนั้น แววตาแฝงเร้นด้วยความแค้นจนแทบจะมีเปลวไฟลุกไหม้
โหยวเจิ้งเฉิงโค้งคำนับอยู่นานจึงเหยียดกายยืนตัวตรง กล่าวด้วยความตื้นตันใจ “ขอบคุณจอมยุทธ์หญิงที่ช่วยวางแผน เด็กเจ็ดคนที่หายตัวไป ล้วนหาตัวพบแล้ว”
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง หันมองเซียวยวี่
เซียวยวี่ก็ก้มหน้ามองนางด้วยความตื่นเต้น เห็นผมเผ้าของนางยุ่งเหยิง จึงเอื้อมมือรวบผมนางไปไว้หลังใบหูอย่างอ่อนโยน
ท่าทางที่แฝงเร้นด้วยความรักลึกซึ้งนั่น เซียวหมิงจูเห็นแล้วแทบอยากเดินขึ้นหน้าไปฉีกเซี่ยยวี่หลัวเป็นชิ้นๆ
“ท่านเป็นเสมือนบิดามารดาผู้มอบชีวิตให้เด็กเหล่านี้อีกครั้ง ทุกคนล้วนอยากมาขอบคุณท่าน” โหยวเจิ้งเฉิงกล่าวจบ เสียงขอบคุณคำแล้วคำเล่าก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
“จอมยุทธ์หญิง ขอบคุณท่าน ขอบคุณท่าน ท่านคือผู้มอบชีวิตให้เด็กๆ อีกครั้ง ท่านคือผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตพวกเราไว้! ”
ชาวบ้านยี่สิบกว่าคนต่างทยอยกันคุกเข่าลงบนพื้น
เซี่ยยวี่หลัวมีหรือจะกล้ารับการคุกเข่าคำนับเช่นนี้ นางรีบเดินขึ้นหน้า พยุงหญิงชาวบ้านผู้หนึ่งที่ร่ำไห้อย่างหนักขึ้น พร้อมกล่าวปลอบขวัญ “ทุกคนลุกขึ้นเถอะ ข้าเพียงแค่ทำเรื่องที่ข้าควรทำเท่านั้น เด็กน่ารักถึงเพียงนี้ จะพลัดพรากจากบิดามารดาไปได้อย่างไร? ”
หญิงชาวบ้านผู้นั้นอุ้มบุตรอายุสามขวบอยู่ เมื่อเห็นเซี่ยยวี่หลัว ก็หัวเราะคิกคักพลางยื่นมือไปจะให้เซี่ยยวี่หลัวอุ้ม
เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพลางยื่นนิ้วมือออกไปหนึ่งนิ้ว เด็กคนนั้นรีบจับนิ้วมือของนางไว้ หัวเราะอย่างมีความสุข
ช่างเป็นที่ชื่นชอบของเด็กเสียจริง!
คนที่อยู่ข้างๆ กล่าว “จอมยุทธ์หญิง ท่านเป็นผู้มอบชีวิตให้เด็กเหล่านี้อีกครั้ง ให้เด็กๆ คุกเข่าคำนับท่านเถอะ”
เซี่ยยวี่หลัวไม่อยากให้ทำเช่นนั้น แต่เซียวจิ้งยี่กลับกล่าว “ยวี่หลัว เจ้าให้เด็กๆ คำนับเถอะ ทุกคนล้วนอยากขอบคุณเจ้า”
ไม่มีทางเลือกอื่น ได้แต่มองดูเด็กเจ็ดคนที่ถูกหาตัวพบคุกเข่าตรงหน้าเซี่ยยวี่หลัว ก่อนคำนับเซี่ยยวี่หลัวสามครั้ง
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกอยากร้องไห้ รีบเดินขึ้นหน้าไปพยุงเด็กสองคนให้ลุกขึ้น กล่าวด้วยน้ำเสียงสะอื้น “เด็กดี รีบลุกขึ้นเถอะ ต่อไปต้องจำไว้ นอกจากบิดามารดา คนแปลกหน้าทุกคนล้วนมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นคนไม่ดี อย่าพูดคุยกับคนแปลกหน้า อย่าไปไหนกับคนแปลกหน้า ไม่มีเรื่องโชคดีอะไรที่จะเกิดขึ้นง่ายๆ พวกเราต้องเรียนรู้ที่จะปกป้องตัวเอง เข้าใจหรือไม่? ”
คนที่คุกเข่าอยู่ด้านหน้าคือเด็กผู้หญิงอายุสิบปี รู้ว่าภายหลังตัวเองถูกจับตัวไป ได้ยินพวกค้ามนุษย์บอกว่าจะพาตัวไปสถานที่ใด นางรู้จักสถานที่เช่นนั้น มารดาเคยบอกไว้ ว่าสตรีในสถานที่เช่นนั้นมีชีวิตเหมือนตายทั้งเป็น
ตอนนั้นนางนึกว่าตัวเองหนีไม่พ้นแน่ ใครจะคาดคิด ว่ายังสามารถกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย
รู้ว่าตัวเองได้พี่สาวตรงหน้าช่วยไว้ จึงโผเข้าอ้อมกอดเซี่ยยวี่หลัว ร่ำไห้เสียงดัง ร้องไปพลางตะโกนไปพลาง “ขอบคุณพี่สาวเจ้าค่ะ ชีวิตนี้เสี่ยวโหรวยอมทำทุกอย่าง เพื่อตอบแทนบุญคุณที่ท่านช่วยชีวิตให้ได้เจ้าค่ะ”
เซี่ยยวี่หลัวกอดเด็กคนนั้น หยาดน้ำตาพลันไหลริน เซียวยวี่เห็นแล้วรู้สึกปวดใจนัก เดินขึ้นหน้าสองก้าว โอบไหล่นางด้วยความเห็นใจ
“ไม่ต้องร้องแล้ว หาตัวเด็กๆ พบแล้ว อย่าร้องเลย” เซียวยวี่ปลอบโยนเสียงเบา
เขารู้ว่านางมีจิตใจดีงามเป็นที่สุด
เซี่ยยวี่หลัวร้องไห้พลางหัวเราะ พยักหน้า “ไม่ร้องแล้ว สาวน้อยก็ไม่ต้องร้องแล้ว”
ตะกร้าสิบกว่าใบวางรวมกัน มีไข่ไก่ มีไก่ ทั้งยังมีผักผลไม้นานาชนิด บิดามารดาของเด็กๆ ที่หายตัวไปนำข้าวของที่ดีที่สุดในบ้านตัวเองมาเพื่อขอบคุณเซี่ยยวี่หลัว
เซี่ยยวี่หลัวไม่รับ โหยวเจิ้งเฉิงแสร้งทำเป็นชักสีหน้าพร้อมกล่าว “ไม่รับได้อย่างไร นี่ล้วนเป็นสิ่งที่ทุกคนนำมาเพื่อขอบคุณท่าน หากท่านไม่รับไว้ ทุกคนย่อมรู้สึกไม่สบายใจ ของเหล่านี้ จะมีมูลค่าเทียบกับเด็กๆ ได้อย่างไร! ”
“จริงด้วย แม่นาง ท่านรับไว้เถอะ เป็นเพียงของในบ้าน หากท่านไม่รับไว้ พวกเราคงรู้สึกไม่สบายใจ! ”
เซี่ยยวี่หลัวได้แต่รับไว้
โหยวเจิ้งเฉิงลูบหนวดเคราพลางหัวเราะลั่น “จอมยุทธ์หญิง ครั้งนี้ท่านช่วยพวกเราชาวเมืองโยวหลันตามหาเด็กเจ็ดคนจนพบ ทางการมอบเงินรางวัลให้ท่านจำนวนหนึ่ง นอกจากนั้น เจ้าหัวขโมยที่ครั้งก่อนท่านจับตัวได้ พวกเราตามจับมานานนัก แม้แต่ทางการก็ต้องการจับตัว ท่านช่วยพวกเราไว้อีกครั้ง! ”
คลี่คลายคดีใหญ่สองคดีในคราเดียว ล้วนแต่เป็นเรื่องที่ที่ว่าการอำเภอรับผิดชอบ พวกเขาสามารถจัดการได้อย่างสมบูรณ์แบบถึงเพียงนี้ ท่านนายอำเภอดีใจเสียยิ่งกว่าอะไร ชื่นชมเขาไว้ไม่น้อย
เหยาชิ่งกุ้ยที่อยู่ข้างๆ นำกล่องผ้ามาหนึ่งใบ มองเซี่ยยวี่หลัวพร้อมกล่าวทักทายด้วยความตื่นเต้น “จอมยุทธ์หญิง…”
ท่าเตะขานั่น ทั้งมีพลังทั้งรุนแรงและแม่นยำ หากไม่ใช่คนฝึกยุทธ์ ย่อมทำไม่ได้
โหยวเจิ้งเฉิงหยิบกล่องผ้ามายื่นส่งให้เซี่ยยวี่หลัว “นี่คือรางวัลที่ทางที่ว่าการอำเภอมอบให้ท่าน ท่านรับไว้ ท่านนายอำเภอยังกล่าวอีกว่า หากมีเวลาว่างมาเมืองโยวหลัน ต้องพบกับท่านด้วยตัวเองให้ได้”
หญิงชาวบ้านจากหมู่บ้านชนบททั่วไป ท่านนายอำเภอกลับอยากพบ นั่นถือเป็นเกียรติที่ไม่ธรรมดาเลย!
เซี่ยยวี่หลัวได้แต่รับไว้ “ขอบคุณหลี่เจิ้งมาก”
“ขอบคุณข้าทำไม? หากไม่ใช่เพราะท่าน คงจับหัวขโมยไม่ได้ เด็กๆ ก็คงหาไม่พบ ข้าเป็นหลี่เจิ้งมานานขนาดนี้ ยังไม่เคยพบเห็นสตรีที่มีทั้งความกล้าหาญและชาญฉลาดเช่นท่านมาก่อน หากเป็นบุรุษ คงต้อง…” โหยวหลี่เจิ้งกล่าวด้วยความเสียดาย
“โหยวหลี่เจิ้ง นางเป็นปีศาจ ท่านเป็นหลี่เจิ้งของเมืองโยวหลัน คิดจะมองดูหมู่บ้านสกุลเซียวป่นปี้ย่อยยับด้วยมือของปีศาจตัวนี้เช่นนั้นหรือ? ” นี่เป็นครั้งแรกที่ซินแสสวี่ปราบปีศาจมาครึ่งค่อนวันก็ยังปราบไม่สำเร็จ บัดนี้มีคนมาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หากวันนี้ปราบปีศาจตนนี้ไม่สำเร็จ ชื่อเสียงบารมีที่นางสั่งสมมาหลายสิบปีคงต้องสูญสิ้น
เซี่ยยวี่หลัว วันนี้นางต้องเป็นปีศาจ!
โหยวเจิ้งเฉิงกล่าววาจาเกลี้ยกล่อม “นางเป็นผู้มีพระคุณของชาวเมืองโยวหลัน จะเป็นปีศาจได้อย่างไรเล่า? หากไม่ได้นาง เด็กที่เหลืออีกเจ็ดคนในตัวเมือง จะหาพบได้อย่างไร! ”
“นั่นสิ คนอื่นหาไม่พบ แค่นางลงมือก็สามารถหาพบ นางสามารถทำนายได้ หรือว่ามีความสามารถหยั่งรู้ฟ้าดิน คนที่ไม่รู้คงนึกว่าเรื่องนี้นางเป็นคนวางแผนเองทั้งหมด! ” หลัวไห่ฮวาหัวเราะอย่างเย็นเยียบพร้อมกล่าว
ดูจากท่าทาง ราวกับกำลังบอกว่าเซี่ยยวี่หลัวเห็นคนอื่นๆ เป็นเพียงคนโง่เขลา
“หลัวไห่ฮวา บุตรสาวของเจ้าก็ได้เซี่ยยวี่หลัวช่วยหากลับมา” เซียวจิ้งยี่ตะคอกเสียงดัง
“ใครจะรู้ว่านางเป็นคนลักพาตัวไปเองหรือไม่? อยู่ตรงนี้เสแสร้งทำเป็นจิตใจดี ข้าว่าตัวต้นเหตุทั้งหมดก็คือนาง! ” หลัวไห่ฮวาโต้แย้งราวคนเสียสติ
“เจ้า…” เซียวจิ้งยี่ถูกยั่วโทสะจนโต้แย้งไม่ออก หลัวไห่ฮวาเป็นคนเช่นนี้ บิดเบือนจากขาวเป็นดำ นอกจากนั้น เรื่องที่นางยืนกราน ทำอย่างไรก็ไม่มีทางเปลี่ยน
“ข้าคิดว่าเรื่องนี้ง่ายมาก หากเซี่ยยวี่หลัวเป็นปีศาจ ซินแสสวี่ทำพิธีก็สามารถขับไล่ปีศาจได้ หากเซี่ยยวี่หลัวไม่ใช่ปีศาจ คนทั้งหมู่บ้านก็สามารถเห็นด้วยตาตัวเองว่าเซี่ยยวี่หลัวบริสุทธิ์ ถูกต้องหรือไม่? ” เวลานี้เอง คนผู้หนึ่งเดินออกมา พร้อมเสนอข้อคิดเห็นของเขา
คนที่เดินออกมาคือเซียวหยวน
เซียวจื่อเมิ่งหันมองไปทางเซียวหยวนด้วยท่าทางสงสัย กะพริบตาคู่กลมโต มองดูเซียวหยวนด้วยท่าทางประหลาดใจเล็กน้อย
“ใช่ใช่ใช่ เซียวหยวนกล่าวถูกแล้ว หากเซี่ยยวี่หลัวไม่ใช่ปีศาจ ไยต้องกลัวซินแสสวี่ทำพิธีด้วย? หากนางเป็นปีศาจ ซินแสสวี่ทำพิธีปราบปีศาจ พวกเราก็ไม่ต้องกลัวอีก จริงหรือไม่? ”
ทุกคนพูดคุยกระซิบกระซาบ ต่างก็รู้สึกว่าความคิดนี้ไม่เลว