ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 11 บทที่ 309 เห็นแล้วรู้สึกอึดอัดใจ
เซี่ยยวี่หลัวไม่ทันสังเกตเห็นว่าแววตาเซียวยวี่ฉายประกายหดหู่และรู้สึกผิด นางใช้ผ้าเช็ดหน้าสะอาดเช็ดหยาดเหงื่อบนหน้าผากให้เซียวยวี่ เขาตากแดดจนเหงื่อไหลเต็มหน้า ใบหน้าสีขาวเนียนถูกแดดเผาจนแดงก่ำ ท่าทางเหงื่อโชกทั้งตัวเช่นนี้ เซี่ยยวี่หลัวเห็นแล้ว…
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด นางรู้สึกอึดอัดใจ
เหมือนหัวใจถูกบีบไว้แน่น ไม่อาจคายความอึดอัดออกมา แต่ก็ไม่อาจกล้ำกลืนฝืนทน อัดอั้นอยู่ในใจ ทรมานจนนางแทบคลั่ง
หยาดเหงื่อบนใบหน้าถูกเช็ดออก ความหดหู่และความรู้สึกผิดของเซียวยวี่ รวมทั้งความร้อนระอุจากความร้อนที่แผดเผา พลันมลายหายไปจนสิ้นราวกับได้เข้าไปอยู่ในห้องน้ำแข็งก็มิปาน
ประหนึ่งสายลมเย็นพัดโชยผ่านกลางใจ อย่าให้กล่าวเลยว่ารู้สึกเย็นสบายมากเพียงใด
“ข้าไม่เป็นอะไร ข้าไม่ร้อน” ในแววตาของคนตรงหน้าเต็มไปด้วยประกายเห็นใจและสงสาร เซียวยวี่เห็นแล้วก็รู้สึกเบิกบานใจนัก หลังจากเบิกบานใจก็รู้สึกไม่อาจทนดูดาย รีบปลอบโยนเซี่ยยวี่หลัว
เซี่ยยวี่หลัวกัดริมฝีปากก่อนกล่าว “กลับบ้านก่อนเถอะ รอให้อากาศไม่ร้อนค่อยไปทำงานในแปลง! ”
เซียวยวี่ลองคำนวณแล้ว ด้วยความเร็วของเขา เมื่อครู่ทำงานเป็นเวลาหนึ่งถ้วยชา เพิ่งทำงานในแปลงเสร็จเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากพักผ่อน ย่อมทำไม่เสร็จก่อนฟ้ามืด เขาไม่เพียงแต่จะเก็บเกี่ยว หลังจากเก็บเกี่ยวเสร็จ ยังจะช่วยเด็ดถั่วด้วย
เขาเป็นชายชาตรีในบ้าน ประหนึ่งท้องฟ้าของครอบครัว เขาต้องแบกรับภาระหน้าที่ในการดูแลครอบครัวนี้
“ข้าไม่เป็นอะไร นี่เป็นถั่วที่เพิ่งเก็บมา น่าจะต้องใช้เวลาเด็ดครู่หนึ่ง รอให้ข้าเก็บเกี่ยวเสร็จ ก็จะส่งมาอีก ไม่เสียเวลาทั้งสองด้าน” เซียวยวี่ยิ้มพร้อมกล่าว
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกอัดอั้นใจ รู้สึกไม่สบายเป็นอย่างมาก
ทั้งสองคนกลับบ้าน เซี่ยยวี่หลัวรีบตักน้ำเย็นหนึ่งอ่าง ให้เซียวยวี่ล้างหน้าและเช็ดเหงื่อ เซียวยวี่ทำตามแต่โดยดี
เซี่ยยวี่หลัวยื่นส่งถุงน้ำหนังวัวให้เขา “มา ดื่มน้ำก่อน”
เห็นท่าทางของเขาที่มีเหงื่อท่วมแผ่นหลัง ช่างรู้สึกอึดอัดใจนัก
เซียวยวี่รับถุงน้ำหนังวัวมา รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “นี่คือ…” ของใหม่?
เซี่ยยวี่หลัวยิ้ม เกาศีรษะพร้อมกล่าวด้วยท่าทางเก้อเขิน “ครั้งก่อนที่เข้าไปในตัวเมืองก็ซื้ออันใหม่ให้เจ้า ลืมมอบให้เจ้า”
เซียวยวี่นึกถึงถุงน้ำเดิมของตัวเอง “แล้วของเดิมเล่า? ”
“ยังอยู่”
“อยู่ดีๆ เหตุใดถึงซื้อถุงน้ำใหม่ให้ข้า ของเดิมยังไม่เสีย” เซียวยวี่ลูบถุงน้ำในมือ ทำจากหนังวัว ดูดีและใช้ดีกว่าถุงน้ำเดิมของเขา
นางช่างเอาใจใส่นัก
เซี่ยยวี่หลัวยิ้ม “ถุงน้ำเดิมสกปรกแล้ว ข้าจึงคิดว่าควรเปลี่ยนอันใหม่ให้เจ้า” ระยะนี้เขาไม่ได้ออกไปไหน จึงไม่ได้ใช้ เซี่ยยวี่หลัวก็ลืมเรื่องถุงน้ำไปเสียสนิท
“สกปรกแล้ว? ” เซียวยวี่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “สกปรกตรงไหน? ล้างให้สะอาดก็ใช้ได้แล้ว”
เซี่ยยวี่หลัวหัวเราะกลบเกลื่อนก่อนกล่าว “ไม่เป็นอะไร ไม่เป็นอะไร ล้างสะอาดแล้ว ต่อไปยังใช้ได้” เพียงแค่ไม่ให้เจ้าใช้ก็เท่านั้น
เซียวยวี่ไม่สงสัยเป็นอื่น เปิดถุงน้ำ แหงนหน้าดื่มน้ำคำใหญ่ไปหลายอึก
น้ำอุ่น เหมือนจะมี… รสเค็มเล็กน้อย?
เซี่ยยวี่หลัวรีบอธิบาย “ข้าเติมเกลือลงไปในน้ำเล็กน้อย อากาศร้อนจัดมีเหงื่อออกมาก ดื่มน้ำเกลือเจือจางเล็กน้อยสามารถเติมความชุ่มชื้นและแร่ธาตุจากเกลือ ดีกว่าการดื่มน้ำเปล่า”
เซียวยวี่เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งทันที “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้…”
“คือ นี่ก็เป็นเรื่องที่ท่านตาข้าบอกข้าเช่นกัน” เซี่ยยวี่หลัวเกรงว่าเซียวยวี่จะมีข้อกังขา จึงรีบกล่าวอ้างถึงท่านตาของนาง
เซียวยวี่แสยะปากแย้มรอยยิ้ม ฟันสีขาวผ่องที่เรียงกันอย่างเป็นระเบียบสะท้อนแสงจนเซี่ยยวี่หลัวรู้สึกเคืองตา “อืม ข้ารู้”
เทถั่วแระที่เก็บเกี่ยวมาไว้ใต้ชายคา เซียวยวี่ยังคงยืนกรานจะไปที่แปลงนาอีก
เซี่ยยวี่หลัวอับจนหนทาง ได้แต่หยิบหมวกฟางใบหนึ่งให้เขา เซียวยวี่สวมใส่ชุดตรงที่ซักจนสีซีด ใส่หมวกฟางไปในแปลงนา
เซี่ยยวี่หลัวยืนอยู่หน้าประตูใหญ่ มองส่งแผ่นหลังของเซียวยวี่ที่เดินไปไกล เพียงรู้สึกอึดอัดอยู่ในใจ แหงนหน้ามองดูท้องฟ้าเหนือศีรษะ ดวงอาทิตย์ร้อนระอุ แสงสีขาวที่แสบเคืองตา เซียวยวี่ต้องไปทำงานในแปลงนาท่ามกลางอากาศร้อนจัด เหนื่อยจนเหงื่อท่วมหัว ทั้งร้อนทั้งเหนื่อย เซี่ยยวี่หลัวไม่กล้ามองอีก
นางเก็บคืนสายตา ไม่กล้ามองเงาแผ่นหลังนั่นต่อ
ไม่นานโจวซื่อก็พาเซียวซานมา พอมาถึงก็เด็ดถั่วแระตามเซี่ยยวี่หลัว
งานนี้ช่างง่ายดายยิ่งนัก นั่งทำตลอด หากเหนื่อยยังสามารถยืนยืดเส้นยืดสายได้ครู่หนึ่ง ไม่ทำให้เสียเวลาทำงาน ที่สำคัญคือไม่โดนแดด จึงไม่ร้อน ใต้ชายคามีลมพัดผ่าน โจวซื่อทำงานไม่หยุด ไม่ได้เกียจคร้านแม้แต่น้อย
เซียวซานก็ไม่อยู่เฉย ทั้งห้าคนลงมือพร้อมกัน ไม่นานก็เด็ดถั่วแระจากต้นถั่วที่เซียวยวี่ส่งกลับมาจนหมด
เซียวยวี่ยังไม่กลับมา พอได้ยินว่าเซียวยวี่ไปเก็บเกี่ยวถั่วในแปลงนาเพียงลำพัง โจวซื่อจึงกำชับเซียวซาน “เจ้าไปช่วยพี่เซียวยวี่ของเจ้าในแปลงก่อน”
ปกติเซียวซานทำเกษตรเป็นประจำ กำลังจะไปในแปลงอย่างว่าง่าย
เซี่ยยวี่หลัวหาคนมาให้ช่วยเด็ดถั่วแระ ไม่ได้บอกว่าต้องไปทำงานในแปลงนา จึงห้ามไว้ “ไม่ต้องเจ้าค่ะ เซียวยวี่น่าจะใกล้กลับมาแล้ว”
“เซียวซานหนังหนาหนังด้าน ให้เขาไปเถอะ เขาทำเกษตรจนคุ้นชินแล้ว” โจวซื่อไม่ตามใจบุตรชายของตัวเองแม้แต่น้อย เซียวซานเคยทำทั้งงานสกปรกและงานเหนื่อยมาหมด ไม่เคยเกี่ยงงาน
เซี่ยยวี่หลัวยังจะกล่าวอะไร เซียวจื่อเซวียนที่อยู่ข้างๆ หัวเราะร่าพร้อมกล่าว “ไป เราไปด้วยกัน”
เด็กสองคนกล่าวเสร็จ ก็ออกไปพร้อมกัน
เซี่ยยวี่หลัวมองดูเด็กสองคนออกไปด้วยท่าทางดีอกดีใจ อากาศร้อนระอุเช่นนี้ ต้องทนลำบากแล้ว!
ทว่า นับแต่โบราณ เหล่าบรรพชนก็ปลูกหว่านทำกินกับผืนดินโดยที่หันหน้าลงพื้นดินสีเหลืองหันหลังให้ท้องฟ้าอยู่ทุกวันไม่ใช่หรือ?
ถึงแม้นางจะรู้ แต่ก็รู้สึกจนใจ ไม่เพียงแค่ต้องเหนื่อย ทั้งยังร้อน ความทุกข์ทรมานที่เพิ่มทวี เพียงเห็นก็รู้สึกสงสารจับใจ
เมื่อมีเซียวจื่อเซวียนและเซียวซานช่วย ทางเซียวยวี่จึงเร็วขึ้นไม่น้อย
เซียวจื่อเซวียนหาบตะกร้านำถั่วที่ใส่ไว้เกินครึ่งตะกร้าสองใบกลับมา เซียวซานเก็บเกี่ยวต้นถั่วกับเซียวยวี่อยู่ในแปลงนา
เวลาผ่านไปครึ่งถ้วยชา เซียวจื่อเซวียนหาบตะกร้าไปยังแปลงนา คราวนี้คนที่หาบตะกร้ากลับมาคือเซียวซาน เด็กสองคนผลัดกันหาบ เซียวยวี่ก้มหน้าเก็บเกี่ยวต้นถั่วอยู่ในแปลงนา
ช่วงเริ่มแรก เซียวยวี่ยังไม่คล่องแคล่ว เกี่ยวตัดทีละต้น จนถึงช่วงหลัง คล่องแคล่วขึ้นแล้ว จับต้นถั่วหนึ่งกำ ยื่นเคียวตัดทันที
ใบมีดเคียวอันคมกริบตัดต้นถั่วจนขาดดัง “แคร่ก”
ถั่วแระแหลมมาก ทิ่มแทงจนฝ่ามือของเซียวยวี่เกิดบาดแผล ทิ่มแทงเข้าไปในผิวหนังบนมือของเขา เซียวยวี่กัดฟันทนโดยไม่ส่งเสียงใดๆ ยกเคียวในมือขึ้นก่อนเกี่ยวตัด เขาเกี่ยวตัดต้นถั่วแต่ละร่องเสร็จแล้ว จึงวางกองไว้อย่างเป็นระเบียบ เซียวจื่อเซวียนที่อยู่อีกด้านหนึ่งก็ค่อยๆ เรียนรู้การตัดต้นถั่ว พลางพูดคุยกับเซียวยวี่เป็นครั้งคราว
“พี่ใหญ่ ที่นาผืนนี้เมื่อก่อนเต็มไปด้วยหญ้ารกร้าง พี่สะใภ้ใหญ่ใช้เวลาตั้งนานกว่าจะหักร้างถางพงได้ ตอนนั้นคนทั้งหมู่บ้านเห็นพี่สะใภ้ใหญ่มาทำงานในไร่นา แต่ละคนตกตะลึงอ้าปากค้างจนแทบใส่ไข่ไก่ได้หนึ่งฟองเลยขอรับ” เซียวจื่อเซวียนหวนนึกถึงเรื่องเมื่อหลายเดือนก่อน ก็รู้สึกว่าน่าขันนัก
พี่สะใภ้ใหญ่ในตอนนั้น เริ่มเปลี่ยนไปจนเหมือนเป็นคนละคน แต่กลับทำให้เขาชอบมากขึ้นทีละเล็กทีละน้อย
เซียวยวี่จับต้นถั่วหนึ่งกำมือ เขาพอจะนึกภาพออก เซี่ยยวี่หลัวหักร้างถางพงเพียงคนเดียว ต้องทนลำบากมากเพียงใดกัน
ต้องถางหญ้าที่สูงเท่าตัวคน ทั้งยังต้องขุดหญ้าอ่อนออก นี่ยังไม่เท่าไร พื้นที่รกร้างที่ยังไม่เคยผ่านการบุกเบิก ต้องใช้จอบพรวนดินครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อบุกเบิกเตรียมดิน ในตอนนั้น เซี่ยยวี่หลัวต้องทนลำบากไม่น้อยแน่นอน
“ตอนนั้นมือของพี่สะใภ้ใหญ่มีตุ่มน้ำขนาดใหญ่หลายตุ่ม มือถูกเสียดสีจนดูไม่ได้เลยขอรับ กลับยังเก็บซ่อนปิดบัง ไม่ยอมบอกพวกเรา” เซียวจื่อเซวียนหวนคิดถึงเรื่องในตอนนั้น จึงกล่าวด้วยความเศร้าใจ “กว่าพวกเราจะเห็น มือทั้งคู่ก็ถูกเสียดสีจนมีแผลเต็มแล้วขอรับ”
เซียวยวี่ออกแรงมือทีหนึ่ง เกิดความรู้สึกเจ็บแปลบรุนแรงขึ้นในทันใด