ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 330 รักต้องห้ามของชุนหลาน (2)
ตอนที่330 รักต้องห้ามของชุนหลาน (2)
ตอนที่330 รักต้องห้ามของชุนหลาน (2)
แววความเด็ดเดี่ยวเย็นชาที่เจือผสมอยู่ในคำกล่าวของเซียถง ทำให้หัวใจดวงนี้ของหลัวซีรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาอีกครั้ง และเพียงชั่วจังหวะนั้นเอง เพลิงโทสะดั่งสัตว์เดรัจฉานร้ายพลันก่อตัวขึ้น เขาคำรามเสียงดังสนั่นด้วยความเกรี้ยวโกรธขึ้นว่า
“ไม่! ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไปไหนทั้งสิ้น! ถึงเจ้าไม่อยากแต่งงานกับข้า แต่ข้าอยากแต่งงานกับเจ้า!”
ยิ่งนางขัดขืนปฏิเสธมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งทำให้เขาอยากได้อยากครอบครองตัวนางมากขึ้นเท่านั้น ความรู้สึกดื้อด้านต้องการจะเอาชนะเหล่านี้ มันเกิดจากคำปฏิเสธซ้ำๆ ของเซียถงที่ทับทมขึ้นมา หลัวซีถึงขั้นสาบานกับตัวเองในใจหนักแน่น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็จะต้องแต่งงานกับเซียถงให้จงได้!
เซียถงตื่นตกใจมิใช่น้อยกับสายตาแววความมุ่งมั่นของหลัวซีที่สาดฉายสว่างออกมา อันที่จริงแล้ว ในหัวของนางก็ยังมีอีกแผนการหนึ่งที่มีโอกาสสำเร็จสูงกว่ามาก นั่นก็คือการตามน้ำอีกฝ่าย แสร้งทำเป็นรักกับอีกฝ่ายด้วยใจจริง จากนั้นค่อยหาวิธีล่อลวงวางยาพิษใส่อีกฝ่ายให้ตายเสีย แต่เซียถงไม่มีความคิดที่จะทำเช่นนั้นเลย เพราะตัวนางตระหนักทราบดี การถูกใครบางคนที่ไว้ใจหักหลัง มันเจ็บปวดเกินพรรณนาสักเพียงใด และนางไม่อยากทำร้ายชายหนุ่มตรงนั้นที่รักตนด้วยใจจริง
ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาเลยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธความจริงข้อหนึ่งได้เช่นกันที่ว่า หลัวซีคือสหายที่ดีต่อนางเสมอมา ทั้งที่ผ่านมาไม่เคยเห็นรูปโฉมที่แท้จริงของนางเลยก็ตาม
หลัวซีคนนี้เปรียบเสมือนกระจกใสบริสุทธิ์บานหนึ่ง ไม่ว่าเขาจะคิดเห็นหรืออยู่ในอารมณ์ใด ทุกอย่างมักจะสะท้อนออกมาผ่านการกระทำและสีหน้าโดยไม่มีเก็บซ่อนใดๆ ถึงความโกรธเกรี้ยวที่ต้องการจะเอาชนะใจนาง รวมไปถึง…ความเศร้าโศกของชายคนหนึ่งที่ต้องการความรักจากนางก็ดี ทุกอย่างล้วนอยู่ในสายตาของเซียถงทั้งหมด และอีกเรื่องก็คือ สรุปพิษที่ตกค้างอยู่ในตัวหลัวซี มันคือพิษที่ได้มาจากเข็มพิษของหลินเฟยที่เล่นสกปรกในการประลอง นั่นหมายความได้ว่า หากมิใช่เพราะทำเพื่อตัวนางเอง หลัวซีคงไม่ต้องเข้าร่วมงานประลองสี่จักรวรรดิจนโดนพิษเกือบตาย และเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาอย่างในปัจจุบัน
จะกล่าวให้ถูกคือ ที่ทุกอย่างกลับกลายมาเป็นแบบนี้ นางเองก็มีส่วนผิดเช่นกัน
“เซียถง ไม่เหลือโอกาสให้เจ้าปฏิเสธอีกแล้ว! และไม่มีใครทั้งนั้นที่สามารถเปลี่ยนคำตัดสินของท่านปู่ได้!”
หลัวซีจับจ้องเซียถงตาขมึงตึง และหมุนตัวจากออกไปทันที
เซียถงเฝ้ามองแผ่นหลังอีกฝ่ายเดินลับหายไปนอกประตู มุ่นคิ้วขมวดขึ้นเล็กน้อย ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า หลัวซีจะมีนิสัยหัวรั้นกว่าที่คิดไว้ ในขณะที่หลับตาลง และพยายามคิดทบทวนหาวิธีว่าจะหนีไปจากที่แห่งนี้อย่างไร? ทันใดนั้นเอง ก็สัมผัสได้ถึง แววความเกลียดชังที่กำลังจับจ้องเข้าใส่ เมื่อลืมตาตื่นชำเลืองติดตามต้นสาย ก็บังเอิญไปเห็นสีหน้าของชุนหลานที่มองผ่านประตูเข้ามาด้วยความเกลียดชังสุดคนานับ
อีกด้านของประตู ชุนหลานกำลังเพ่งสายตามองเซียถงไม่คลายอ่อน สีหน้าแววตาสุดจะรังเกียจล้นเหลือ
เซียถงกระตุกยิ้มมุมปากในบัดดล สุดท้ายนางก็เข้าใจเสียทีว่า เพราะเหตุใดชุนหลานถึงมีทีท่าจงเกลียดจงชังต่อตัวนางนัก และนางสามารถใช้ประโยชน์จากความเกลียดชังของอีกฝ่าย พาตัวเองออกไปจากสถานที่แห่งนี้ได้!
“เซียถง หากทีหน้าทีหลัง ข้ายังเห็นเจ้ากล้าทำให้นายน้อยของข้าไม่มีความสุข เจ้าตาย!”
ชุนหลานตรงเข้ามาผ่านบานประตู ภายในห้องมีกันแค่สองต่อสอง เฉพาะชั่วเวลานี้เท่านั้น ที่นางจะยอมเผยความรู้สึกที่แท้จริงออกมา ทั้งยังก่นเสียงเย็นยะเยือกกล่าวข่มขู่เซียถงเสมือนอสรพิษสองหัวที่มีแต่ความอิจฉาริษยา
“เกรงว่าไม่ง่ายนักดั่งที่เจ้าต้องการ”
เซียถงเลิกคิ้วตอบกลับไปสบายๆ หาได้มีความกลัวเกรงใดๆ
“เจ้ากล้ารึ?!”
ชุนหลานกลอกตาเกลี้ยวไปมาด้วยความโกรธเกรี้ยวหนาทึบทั่วใบหน้า หากมิใช่เพราะกลัวว่าเซี่ยเห่อที่ยืนเฝ้าอยู่ข้างนอกได้ยินเข้า นางคงตบหน้าสั่งสอนเซียถงสักทีหนึ่งแล้ว
“ข้าเองก็มิได้อยากให้ นายน้อยของเจ้าต้องหงุดหงิดโมโหเช่นนี้ มีแค่ทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้เขามีความสุขได้ ก็คือปล่อยข้าไปจากที่นี่เสีย ตลอดทั้งบทสนทนาเมื่อครู่ เจ้าเองก็คงแอบได้ยินหมดแล้ว หากยังช้าไปกว่านี้ ความร้าวฉานระหว่างข้ากับนายน้อยของเจ้าจะไม่สามารถกู้คืนกลับมาได้ดังเดิมอีก”
เซียถงกล่าวอธิบายให้ฟังอย่างใจเย็น แต่หากสังเกตให้จงดี จะแลเห็นประกายเย็นเยียบสั่นไสวริบหรี่ในดวงตาของนาง
เสียงประตูปิดกระแทกดังปัง! ชุนหลานรีบสืบเท้าออกจากห้องนี้ไปอย่างรวดเร็ว ไม่พูดไม่จากับเซียถงอีกเลยสักคำ
เซียถงนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ พลางลอบสายตาชำเลืองมองไปยังทิศทางประตูที่อีกฝ่ายลาจากออกไป ทันใดนั้นรอยยิ้มแสนโฉดชั่วของนางก็พลันแสยะขึ้นบนมุมปากบางๆ ‘หุหุ รักต้องห้ามระหว่างสาวรับใช้กับนายท่านงั้นรึ? ไม่เลว! ไม่เลวเลย!’
หลังจากทานอาหารได้สักสองสามคำ เซียถงก็ขึ้นไปนอนบนเตียงพักผ่อน ในเวลานี้นางทำอะไรไม่ได้นอกเสียจาก รอให้จี้จี้ไม่ก็หลิวซูหาโอสถขับพิษเครื่องหอมมาให้
ในช่วงบ่าย ชุนหลานกับเซี่ยเห่อต่างหอบกองผ้าสีแดงเพลิงมาให้เซียถงเลือกสรร ทั้งคู่ยังบอกอีกว่า นี่เป็นผ้าที่ใช้ตัดชุดพิธีแต่งงานคุณภาพสูง สามารถตัดสินใจเลือกได้ตามใจชอบ
“ชุนหลาน หากเจ้าชอบเนื้อผ้าชนิดใด ก็เลือกชิ้นนั้นมาตัดเป็นชุดแต่งงานได้เลย”
เซียถงยังคงนอนเล่นอยู่บนเตียง ชำเลืองกองผ้าเป็นภูเขาพเนินสูงบนโต๊ะ เอ่ยกล่าวออกไปอย่างสบายอารมณ์ไม่เป็นเดือดเป็นร้อนใดๆ
“คุณหนูเซียโปรดลุกขึ้นเถิด ท่านต้องตัดสินใจเลือดให้ดี เพราะหลักจากนี้จะต้องนำไปทำชุดแต่งงานต่อแล้ว”
สีหน้าการแสดงออกของชุนหลานมืดทมิฬลงทันใด เปล่งน้ำเสียงเย็นชาฉาบเคลือบค่อนข้างดัง ประกายตาทอแสงโกรธเกรี้ยวออกมาค่อนข้างชัดเจน การที่ไม่มีแม้แต่ความกระตือรือร้นที่จะเลือกสรรเนื้อผ้าไปทำชุดแต่งงานเช่นนี้ มันแสดงให้เห็นแล้วว่า เซียถงกำลังดูถูกดูแคลนนายน้อยของนางมากเพียงใด
“ก็เลือกเนื้อผ้าที่เจ้าชอบเองเลย”
เซียถงกล่าวส่งๆ ออกไปอีกคำ จากนั้นก็หลับตาพักผ่อนต่อ
“อีกไม่นานคุณหนูก็จะเข้าพิธีแต่งงานแล้ว นี่มาให้บ่าวคนนี้ตัดสินใจเลือกเนื้อผ้าทำชุดแต่งงานเอง มันหมายความว่าอย่างไรกัน?”
ชุนหลานโยนกองผ้าลงบนปลายเตียง มองเซียถงที่เอาแต่นอนเกียจคร้านอยู่แต่บนเตียงด้วยสายตาเย็นชา ยามนี้ความอดทนของนางใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้ว จึงอดขึ้นเสียงกล่าวกระตุ้นมิได้ว่า
“คุณหนูลุกขึ้นเดี๋ยวนี้! ลุกขึ้นมาเลือกเนื้อผ้าสำหรับตัดชุดแต่งงานเดี๋ยวนี้!”
ทว่าเซียถงยังคงนอนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนใดๆ ถึงจะปิดเปลือกตาอยู่ แต่ก็สามารถสัมผัสได้ถึงไอเย็นยะเยือกที่อีกฝ่ายจ้องเขม็งมาได้อย่างชัดเจน ถึงแบบนั้นก็ยังหาได้แยแสสนใจ แถมยังพลิกตัวนอนหันก้นใส่ทางชุนหลานอีก
“คุณหนูเซีย ช่างตัดเย็บกำลังรอชนิดเนื้อผ้าที่ใช้ตัดชุดอยู่นะเจ้าค่ะ รีบเลือกจะได้รีบไปนอนไงเจ้าค่ะ”
เซี่ยเห่อผู้ซึง่มีทัศนคติต่อเซียถงดีกว่าชุนหลานมาก นางรีบตรงเข้ามากล่าวคำแนะนำอยู่ข้างเตียงอย่างสุภาพเรียบร้อย
“เซี่ยเห่อ ข้าหิวแล้ว ออกไปหาอะไรให้ข้ากินหน่อยสิ”
เซียถงพลิกตัวหันกลับมามองทั้งสองข้างเตียง และกล่าวขึ้นประโยคหนึ่งกับเซี่ยเห่อ
“ได้เลยเจ้าค่ะ! เดี๋ยวบ่าวยกข้าวมาให้เลยดีกว่า!”
นับเป็นเรื่องยากนักที่จะได้ยินเซียถงเอ่ยปากสั่งออกมา พอได้ยินดังนั้น เซี่ยเห่อก็ยกมือขึ้นปรบเบาๆ อย่างมีความสุข และรีบวิ่งออกประตูไปโดยไว ในทางตรงกันข้าม ชุนหลานขยับปากทำเป็นล้อเลียนเซียถง จากนั้นก็เดินตามอีกฝ่ายออกไปติดๆ เพื่อไปช่วยยกถาดอาหารมาให้
เมื่อเห็นชุนหลานกำลังย่างเท้าก้าวผ่านประตูออกไป เซียถงก็ลุกขึ้นพรวดมาคว้าข้อมือของนางเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างก็ชี้ไปยังผ้าผืนหนึ่งตรงปลายเตียง และกล่าวถามขึ้นว่า
“ชุนหลาน เจ้าว่าเนื้อผ้าชนิดนี้ดูดีหรือไม่?”
“หากท่านชอบก็ดูดีเจ้าค่ะ คุณหนูเซีย ไฉนถึงเอาแต่ถามบ่าวคนนี้ตลอดเวลา?”
ชุนหลานขมวดคิ้วถักเป็นปม สีหน้าน้ำเสียงดูเย็นชากว่าเมื่อครู่มาก
“โอ้? โกรธข้าอยู่รึ?”
เซียถงค่อยๆ เคลื่อนสายตาสบเข้ากับใบหน้าของชุนหลาน สังเกตเห็นร่องรอยความเกลียดชังผ่านสายตาของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน เสาะพบได้ดังนั้น นางก็ลอบแสยะยิ้มมุมปาก กวาดสายตาพินิจมองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้าขึ้นลงอยู่หลายรอบ ก่อนเอ่ยขึ้นว่า
“ชุนหลาน อันที่จริงแล้ว ทั้งรูปร่างหน้าตาของเจ้าก็ช่างงดงามล้นเหลือ ยากนักที่จะหาอิสตรีนางใดมาเทียบเคียงเจ้าได้ หากได้สวมชุดแต่งงานคงเข้าท่า”