ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 975 ตักเตือน
ตอนที่ 975 ตักเตือน
ซั่งกวนม่อได้ฟังเซี่ยเหวินเจียก็รีบแสดงท่าที “พี่รอง ท่านพ่อกับท่านแม่ช่วยพวกเราไว้ พวกเราจึงได้คารวะพวกท่านเป็นท่านพ่อท่านแม่บุญธรรม ไม่มีความคิดเป็นอื่นอย่างเด็ดขาด ซีเหลียงรุกรานแคว้นต้าโจวเป็นความต้องการของเสด็จพี่ข้าผู้เดียว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นเซี่ยเหวินเจียจ้องมองซั่งกวนม่อ ก็เอ่ยว่าอธิบายว่า “ท่านพ่อกับท่านแม่วางแผนจะไปซีเหลียงกับม่อเอ๋อร์สักครั้ง”
เซี่ยเหวินเจียตกใจ ร้อนใจลุกขึ้นยืนทันที “ไม่ได้ ข้าไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ รัชทายาทซีเหลียงซั่งกวนเฮ่อกำลังคิดรุกรานแคว้นต้าโจว หากรู้ว่าท่านพ่อกับท่านแม่อยู่ซีเหลียง จะต้องคิดหาทางจับตัวท่านพ่อกับท่านแม่ ถึงตอนนั้นหากพวกเขานำท่านพ่อกับท่านแม่มาข่มขู่พวกเรา ก็คงกลายเป็นเรื่องยุ่งยากยิ่ง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นสบตากับลู่เจียวทีหนึ่ง ทั้งสองคนหัวเราะเบาๆ
บุตรชายไม่รู้ว่าพวกเขามีห้วงอากาศ จึงยากจะไม่เป็นห่วง แต่พวกเขาไม่รู้สึกเป็นห่วง เพราะตอนนี้ไม่เพียงลู่เจียวเข้าไปห้วงอากาศลู่เจียวได้ เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็เข้าไปได้ หากประสบอันตราย พวกเขาก็เข้าไปในห้วงอากาศได้
“หรือเจ้าคิดว่าด้วยความสามารถท่านพ่อท่านแม่ จะถูกรัชทายาทซีเหลียงจับตัวไปได้”
คำถามเซี่ยอวิ๋นจิ่นทำเอาเซี่ยเหวินเจียพูดไม่ออก แน่นอนว่าเขารู้ว่าท่านพ่อกับท่านแม่ร้ายกาจมาก พวกเขาร้ายกาจเช่นนี้ได้เพราะได้รับการอบรมมาจากพวกเขา
เขาเพียงแต่เป็นห่วงเท่านั้น
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเอ่ยขึ้นอีกว่า “ครั้งนี้พ่อไปซีเหลียงก็เพื่อช่วยม่อเอ๋อร์อีกแรง หากม่อเอ๋อร์ขึ้นครองซีเหลียงได้ วันหน้าซีเหลียงกับแคว้นต้าโจวเราก็จะสงบสุขตลอดไป ไม่เกิดสงครามอีก”
เซี่ยเหวินเจียหันไปมองซั่งกวนม่อ ซั่งกวนม่อรีบพยักหน้ารับรอง “พี่รองวางใจ ข้าจะปกป้องท่านพ่อกับท่านแม่ให้ดี หากข้าได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ซีเหลียง จะต้องธำรงสันติภาพกับแคว้นต้าโจวตลอดไป ทำให้ราษฎรสองแคว้นมีชีวิตสงบสุข”
เซี่ยเหวินเจียเงียบงัน เขาเข้าใจความคิดท่านพ่อตนแล้ว ท่านพ่อคิดให้สองแคว้นธำรงไว้ซึ่งสันติภาพ รัชทายาทซีเหลียงเป็นผู้กระหายสงคราม หากกำจัดทิ้งได้ ย่อมเป็นผลดีต่อทั้งสองแคว้น หากไม่กำจัดคนผู้นี้ทิ้ง ภัยหายนะก็จะยังคงดำรงอยู่ตลอดไป
เพียงแต่แม้รู้ความคิดท่านพ่อ แต่เซี่ยเหวินเจียก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้ กลัวว่าท่านพ่อกับท่านแม่จะเกิดเรื่องอันใดขึ้นที่ซีเหลียง
“ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านจะต้องไปซีเหลียงจริงหรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองลู่เจียวทีหนึ่ง สองสามีภรรยาพยักหน้าพร้อมกัน “แม้ว่าพวกเราไปซีเหลียง แต่จะส่งข่าวกลับมาเป็นระยะ พวกเจ้าอย่าได้เป็นห่วง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นตัดสินใจแล้ว เซี่ยเหวินเจียรู้ว่าตนเองพูดไปก็ไร้ประโยชน์
สุดท้ายเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวก็พักอยู่ด่านหลงไห่สามวัน สามวันต่อมาก็เป็นวันตลาดการค้าสองแคว้นซั่งกวนม่อกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นใช้ใบนำทางแคว้นต้าโจวเดินทางผ่านด่าน ปลอมตัวเป็นพ่อค้าเข้าร่วมตลาดการค้า ในที่สุดทุกคนก็ผ่านด่านไปได้อย่างราบรื่น
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวออกจากด่านหลงไห่ เซี่ยเหวินเจียก็ได้รับรายงานจากสายสืบ
“ท่านแม่ทัพ พวกชนเผ่าเร่ร่อนสิบสองชนเผ่าเป่ยฉีเริ่มบุกโจมตีด่านเยว่กู่ พวกเราต้องยกทัพไปช่วยเหลือหรือไม่”
เซี่ยเหวินเจียสีหน้าย่ำแย่ขึ้นมาทันที ก่อนหน้านี้รู้ว่าสายสืบซีเหลียงจับจ้องด่านหลงไห่ ยามนี้พวกชนเผ่าเร่ร่อนสิบสองชนเผ่าเป่ยฉีก็เริ่มบุกโจมตีด่านเยว่กู่ หากกล่าวว่าสองพวกนี้ไม่เกี่ยวข้องกัน เขาไม่เชื่ออย่างเด็ดขาด
แต่ในฐานะแม่ทัพ เซี่ยเหวินเจียไม่กล้าเคลื่อนทัพไปช่วยด่านเยว่กู่ ประการแรก ยังไม่ได้รับราชโองการ จากฝ่าบาท เคลื่อนทัพพลการเป็นเรื่องต้องห้ามใหญ่หลวง ประการที่สอง ซีเหลียงกำลังจับจ้องด่านหลงไห่อยู่ หากเขานำทัพไปช่วยซีเป่ย ทำให้สูญเสียด่านหลงไห่ไป ถือเป็นความรับผิดชอบของเขา ถึงตอนนั้นผู้ที่ต้องเดือดร้อนไปด้วยไม่ใช่เขาเพียงผู้เดียว แต่ยังมีขุนพลทหารลูกน้องเขา
ในฐานะแม่ทัพใหญ่ด่านหลงไห่ เขาต้องรับรองความปลอดภัยของด่านหลงไห่เป็นอันดับแรก จากนั้นจึงค่อยยกทัพไปช่วยด่านเยว่กู่
เซี่ยเหวินเจียครุ่นคิดแล้วก็มองไปยังสายสืบ กล่าวว่า “ขุนพลหวังประจำด่านเยว่กู่ย่อมต้องมีวิธีรับมือ หากเขาไม่อาจรับมือพวกชนเผ่าเร่ร่อนสิบสองชนเผ่าเป่ยฉีได้ ย่อมต้องส่งฎีกาไปขอกำลังหนุนจากฝ่าบาท ตอนนี้พวกเราต้องเฝ้าด่านหลงไห่เอาไว้ให้แน่นหนาก่อน อย่าปล่อยให้ด่านหลงไห่ถูกโจมตีแตกพ่ายได้”
“ขอรับ ท่านแม่ทัพ”
แม้ว่าเซี่ยเหวินเจียกล่าวเช่นนี้ แต่ในใจยังคงไม่วางใจ ส่งคนนำสารด่วนไปเมืองหลวง รายงานเรื่องนี้ต่อฝ่าบาท ดูว่าฝ่าบาทจะตัดสินพระทัยเช่นไร
ในเมืองหลวง ตั้งแต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวออกจากเมืองหลวง เซียวเหวินอวี๋ก็ไม่ได้ไปตำหนักเฉาหยางกงอีกแม้แต่ก้าวเดียว อย่าว่าแต่พระสนมในวัง แม้แต่ขุนนางในราชสำนักนอกวัง ต่างรู้แล้วฝ่าบาทมีปัญหากับฮองเฮา
ฮูหยินขุนพลหวังร้อนใจดังไฟแผดเผา ส่งเทียบขอเข้าวังไปเยี่ยมฮองเฮาทันที
“เมิ่งเหยา เจ้ารู้ไหมว่าทั่วทั้งเมืองหลวงต่างกำลังพูดเรื่องเจ้ากับฝ่าบาท แต่ละคนต่างว่าเจ้าแตกหักกับฝ่าบาทแล้ว จากนี้ไปย่อมส่งผลกระทบต่อตำแหน่งรัชทายาท ในฐานะเสด็จแม่รัชทายาท เจ้าต้องคิดเผื่อรัชทายาทให้มาก”
หวังเมิ่งเหยาระยะนี้อารมณ์ตกต่ำถึงขีดสุด ในเวลาเพียงไม่นานก็ผ่ายผอมลงไม่น้อย
“ตอนนี้ไม่ทรงสนพระทัยข้า ข้าจะทำอันใดได้” นางกล่าวจบหันไปมองมารดาตนเอง “ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าตนเองทำอันใดผิด ก็แค่ไม่ให้ความเคารพตระกูลเซี่ย เหตุใดฝ่าบาททำเหมือนข้าทำผิดมหันต์ไม่อาจให้อภัยได้”
หวังเมิ่งเหยากล่าวจบก็ร้องไห้โฮ โดยเฉพาะหลายวันนี้ นางมองเรื่องหนึ่งกระจ่าง ฝ่าบาททรงรังเกียจนางแล้วจริงๆ
ขอเพียงคิดถึงเรื่องนี้ ใจนางก็ราวกับถูกคมมีดกรีด
นางไม่รู้ว่านางควรทำเยี่ยงไรจึงจะรั้งพระทัยฝ่าบาทกลับคืนมาได้
ฮูหยินขุนพลหวังถอนหายใจหนักหน่วง มองหวังเมิ่งเหยากล่าวว่า “เหยาเอ๋อร์ ท่านแม่ขอถามเจ้าเรื่องหนึ่ง หากฮูหยินโจวกั๋วเป็นไทเฮา เจ้ากล้าไม่ให้ความเคารพนางเช่นนี้หรือไม่”
หวังเมิ่งเหยานิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหน้า เช่นนั้นนางย่อมไม่กล้า แม้นางเป็นฮองเฮา แต่ไทเฮาเป็นพระมารดาฝ่าบาท หากนางกล้าไม่เคารพไทเฮา อย่าว่าแต่ประชาใต้หล้า แม้แต่ขุนนางในราชสำนัก เกรงว่าก็คงโจมตีนางเป็นแน่
“แต่นางก็มิใช่ไทเฮา นางก็แค่เลี้ยงดูฝ่าบาทมาจนเติบใหญ่ มารดาเลี้ยงเท่านั้น พูดไม่ดีก็คือไม่ต่างอันใดกับแม่นม ฝ่าบาททรงดีต่อนางมากแล้วไม่ใช่หรือ”
ฮูหยินขุนพลหวังผิดหวังมองบุตรสาว “เจ้าควรรู้เรื่องหนึ่ง ฝ่าบาททรงคิดแต่งตั้งฮูหยินโจวกั๋วเป็นไทเฮาเซิ่งฉือแคว้นต้าโจว แต่ฮูหยินโจวกั๋วปฏิเสธ นางคิดว่าเรื่องนี้จะกระทบต่อฝ่าบาท ดังนั้นจึงไม่รับการแต่งตั้ง หากฮูหยินโจวกั๋วยอมรับตำแหน่งนี้ นางก็เป็นมารดาเลี้ยงและเป็นไทเฮาฉือเซิ่งแห่งแคว้นต้าโจวได้อย่างสมภาคภูมิ เจ้ากล้าไม่ให้ความเคารพต่อนางหรือ”
หวังเมิ่งเหยาอึ้งไปทันที พูดอันใดไม่ออก
ฮูหยินขุนพลหวังกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ความสัมพันธ์ของเจ้ากับฝ่าบาทเป็นเช่นนี้ ย่อมต้องส่งผลกระทบต่อรัชทายาท เจ้าไม่คิดถึงบุตรชายเจ้าบ้างหรือ”
เอ่ยถึงบุตรชาย หวังเมิ่งเหยาพลันรับรู้ได้เรื่องหนึ่ง บุตรชายนางคล้ายไม่ได้มาพบนางหลายวันแล้ว เมื่อก่อนเขามาทุกวัน
“จิ่งเอ๋อร์เหมือนจะไม่ได้มาเยี่ยมข้าหลายวันแล้ว เขายุ่งอันใดหรือ”
ฮองเฮาเรียกผู้ดูแลตำหนักเฉาหยางกงให้ไปถามดู “เหตุใดรัชทายาทจึงไม่ได้มาถวายพระพรข้าหลายวันแล้ว เขามัวยุ่งอันใดอยู่หรือ”
นางข้าหลวงหลี่ทูลนอบน้อมว่า “รัชทายาทอาจจะเรียนหนักจนไม่มีเวลามาเพคะ”
หวังเมิ่งเหยาสบถอย่างไม่พอใจ เอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เขาเรียนจนไม่มีเวลามาถวายพระพรข้าหรือ”
หลายวันนี้ เพราะฝ่าบาทไม่เสด็จตำหนักเฉาหยางกง ทำให้ฮองเฮาอารมณ์ไม่ดีอย่างมาก ดังนั้นพอได้ยินว่ารัชทายาทไม่ยอมมาอีก นางก็ระเบิดโทสะทันที
บุตรชายผู้นี้คงไม่ได้ถูกตระกูลเซี่ยเลี้ยงดูจนทำให้เอาใจออกหากจากนางผู้เป็นมารดากระมัง