ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 952 อุบาย
ตอนที่ 952 อุบาย
ในใจลู่เจียวครุ่นคิด แต่สีหน้ายังคงน่าสงสาร ทูลด้วยท่าทางเศร้าสลดว่า “ขอฝ่าบาทมีราชโองการให้หม่อมฉันกับซิวเอ๋อร์ซิวไปวัดฮู่กั๋วด้วยเพคะ”
ความจริงลู่เจียวไม่คิดอยู่ในวัง หากพาจีซิวออกจากวังหลวงไป ก็จะได้ตั้งใจอบรมเขาให้ดีอย่างสบายใจ
แต่ฮ่องเต้เห็นสภาพนางกับจีซิวตอนนี้ ในพระทัยก็รู้สึกบอกไม่ถูก เขาเงยหน้ามองไปยังสวีเจาอี๋ “นี่คือบุตรชายที่เจ้าอบรมเลี้ยงดูมาหรือ ไม่ให้ดำรงหลักการพี่น้องกลมเกลียวกันก็แล้วไป ถึงกับรังแกน้องชายตนเอง ยังด่ามารดาเขาอีก”
แม้สวีเจาอี๋ไม่กลัวว่าจีชางจะลงโทษถึงชีวิต แต่ในใจนางก็ยังคงร้อนตัว รีบคุกเข่าลงทูลว่า “ฝ่าบาท วันหน้าหม่อมฉันจะต้องอบรมเหิงเอ๋อร์ให้ดีเพคะ”
“หากมีครั้งต่อไป เราจะไม่ละเว้นเจ้า”
“ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ”
สวีเจาอี๋ทูลลาแล้วก็รีบดึงบุตรชายจากไป ไม่กล้าแก้ตัวให้บุตรชายอีก
แม้ว่าฮ่องเต้พระราชอำนาจอ่อนแอ แต่อย่างไรก็เป็นฮ่องเต้ หากคิดจัดการพวกนางสองแม่ลูกจริง ก็คงไม่มีผู้ใดกล้าออกมาขอร้องแทนพวกนางสองแม่ลูก
ในห้องทรงอักษร จีชางรีบสั่งให้คนตามหมอหลวงมาดูอาการบาดเจ็บจีซิว
จีซิวไม่เพียงแต่ใบหน้าบวมปูด ตามร่างกายก็มีบาดแผลหลายแห่ง
จีชางเห็นบาดแผลตามร่างกายของเขา ก็อดกำมือแน่นไม่ได้ บังเกิดความรู้สึกละอายใจขึ้นมา รีบรับสั่งให้หมอหลวงจ้าวรักษาจีซิวให้ดี
ลู่เจียวไม่ได้เรียกร้องให้จีชางแก้แค้นให้พวกนางแม่ลูก ทำให้จีชางรู้สึกโล่งอก ยิ่งให้ความเอาใจใส่ลู่เจียวกับจีซิวมากยิ่งขึ้น พอสองคนแม่ลูกไปแล้ว ก็รับสั่งต่อชิ่งเซิงว่า “วันหน้าส่งคนไปคอยดูตำหนักหย่งฝูกงไว้ หากพบเจอเรื่องอันใดก็ให้มารายงานเรา”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
แม้ว่าจีชางอ่อนแอ แต่หลายปีมานี้แต่ละแห่งในวังก็อยู่ในสายตาของเขามาตลอด หากเขาต้องการปกป้องผู้ใดสักคนจริงๆ ก็ยังคงปกป้องได้อยู่บ้าง
ลู่เจียวพาจีซิวกลับตำหนักหย่งฝูกง ไม่นานจีซิวก็ฟื้น
ลู่เจียวมองเขาพลางเอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “โดนแล้วใช่หรือไม่ นี่คือพฤติกรรมของคนเขลา คนฉลาดเขาจะมองดูว่าตนเองมีโอกาสชนะหรือไม่ แล้วก็เก็บงำอุบายในใจตนเองเอาไว้ รอไว้วันหน้าค่อยใช้จัดการล้างแค้นพวกเขา จะได้ไม่ทำให้ตนเองบาดเจ็บ ดูเจ้าสิ พอโมโหลงมือใส่ผู้อื่น สุดท้ายตนเองบาดเจ็บหนักกว่าผู้อื่น”
จีซิวเม้มปากแน่นด้วยสีหน้าดำทะมึน มองลู่เจียวเป็นนานจึงได้เอ่ยอย่างโมโหมากว่า “ข้าไม่เขลา”
ลู่เจียวแค่นเยาะ “ชิ”
จีซิวเห็นท่าทางนางเช่นนี้ก็ยังไม่ยอม เอ่ยต่อว่า “ข้าไม่เขลา”
ลู่เจียวกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “วู่วามลงมือกับผู้อื่นยังว่าไม่เขลา เจ้าดูบาดแผลเจ้าหนักว่าเขามาก วันหน้าทำอันใดให้ใช้สมองให้มาก ควรคิดว่าจะอย่างไรให้ตนเองไม่ได้รับบาดเจ็บ และทำให้อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บ นี่จึงเรียกว่ามีความสามารถ”
จีซิวเงียบงัน ครุ่นคิดปัญหานี้จริงจัง
ลู่เจียวไม่ได้สนใจเขา ลุกขึ้นสั่งการนางกำนัลสองคนในห้องให้ปรนนิบัติดูแลเขาให้ดี
จีซิวหันไปมองหญิงที่เดินออกไป ดูเหมือนนางต่างจากเมื่อก่อน ครั้งนี้เขาต่อยตีกับองค์ชายห้า นางไม่ได้ตำหนิเขาและไม่ได้ตีเขา นางไม่ใช่นังคนชั่วตอนนั้นแล้วจริงหรือ นางคือเทพธิดาที่ลงมาช่วยเขาจริงหรือ
เหตุใดเขารู้สึกว่าแทบไม่อยากจะเชื่อเรื่องเช่นนี้
สองคิ้วบนใบหน้าน้อยๆ ของจีซิวขมวดแน่น
ลู่เจียวกลับถึงห้องก็รีบเรียกระบบออกมาถามว่า “ระบบ หากข้าวางอุบายพระสนมในวัง จะเป็นอย่างไร จะส่งผลต่อเรื่องราวในเนื้อเรื่องไหม”
ลู่เจียวกล่าวจบ ระบบก็ตอบทันทีว่า [ ตอบคำถามท่าน ขอเพียงไม่ใช่บุคคลสำคัญในเรื่อง ล้วนไม่มีปัญหา ตอนนี้เรื่องราวยังไม่เข้าสู่เนื้อเรื่องหลัก ]
พอระบบเอ่ยเช่นนี้ ลู่เจียวก็พลันได้สติ ใช่แล้ว เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อฮ่องเต้โหดเติบใหญ่ ตอนนี้เขายังเล็ก เรื่องราวยังไม่ได้พัฒนาแท้จริง ตัวละครหลักในนิยายก็ยังคงเป็นพระเอกนางเอกที่อยู่นอกวัง ฮ่องเต้โหด และก็ขุนนางใหญ่ในราชสำนักสองสามคนที่ไม่อาจแตะต้อง คนอื่นล้วนแตะต้องได้
ลู่เจียวรีบครุ่นคิดรวดเร็วถึงเรื่องราวเดิมในนิยาย รอให้ฮ่องเต้โหดขึ้นครองราชย์ พวกเสนาบดีกับพระสนมเอกก็คงตายไปได้พอสมควรแล้ว ตามเรื่องราวในนิยายความจริงคนเหล่านี้ล้วนไม่อยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นฮ่องเต้โหดก็คงไม่อาจขึ้นสู่บัลลังก์ได้สำเร็จ
ดังนั้นตอนนี้นางคิดทำอันใด ความจริงไม่ส่งผลกระทบต่อเรื่องราวเดิมในนิยายมากนัก ลู่เจียวคิดเช่นนี้แล้วก็คิดถึงว่าจวนเสนาบดีที่หนุนหลังฮองเฮาและจงหย่งโหวที่หนุนหลังพระสนมเอกหลี่
หากเป็นไปได้ นางอยากลงมือจัดการพวกเขา เพียงแต่จะลงมืออย่างไรล้วนยังคงเป็นปัญหา
ลู่เจียวคิดไตร่ตรองแล้วก็มีแผนการในใจ วันพรุ่งนี้นางจะสั่งให้ขันทีจัดการถอนดอกไม้ใบหญ้าในสวนดอกไม้หน้าประตูตำหนักหย่งฝูกงทิ้ง จากนั้นก็ปลูกสมุนไพร
ตอนฮ่องเต้จีชางเสด็จมาก็เห็นนางกำนัลและขันทีกำลังง่วนทำงานกันอยู่ ตอนเข้าไปดูอาการจีซิวก็อดถามลู่เจียวไม่ได้ “อยู่ดีๆ เหตุใดจึงถอนดอกไม้ใบหญ้าในสวนดอกไม้ทิ้ง”
“ปลูกสมุนไพรเพคะ”
นางกล่าวจบก็เงยหน้ามองจีชางทีหนึ่ง ยิ้มเฝื่อนกล่าวว่า “ฝ่าบาทน่าจะทรงรู้หม่อมฉันสุขภาพไม่ดี หลายปีมานี้ตอนอยู่ตำหนักอวิ๋นหวา หม่อมฉันก็ศึกษาเรื่องสมุนไพรมาตลอด คิดจะหาตำรับยาปรับสภาพร่างกายตนเอง ปรากฏไม่ได้ผลแม้แต่น้อย ที่น่าขันที่สุดก็คือยาที่หม่อมฉันปรุงออกมา ไม่เพียงแต่ไม่อาจรักษาโรค แต่ยังทำลายสุขภาพ และยังทำให้สืบหาสาเหตุไม่ได้”
พอลู่เจียวกล่าว จีชางนิ่งอึ้งไปทันที มองนางเอ่ยว่า “สุขภาพเจ้าเป็นเช่นนี้เพราะกินยาที่ปรุงเองหรือ”
“เปล่าเพคะ เดิมสุขภาพหม่อมฉันก็ยังไม่ดี ตอนอยู่ตำหนักอวิ๋นหวา ได้ทดลองใช้กับสองนางกำนัล”
เดิมจีชางเพียงแต่ถามไปอย่างนั้น แต่พอได้ยินแล้วแววตาก็ครุ่นคิด มีความคิดลุ่มลึกขึ้นมา
“ยาที่เจ้าปรุงออกมาทำลายสุขภาพจริงหรือ แล้วยังตรวจสอบไม่พบอีกด้วยหรือ ทำลายสุขภาพอย่างไร”
“ไม่แน่ชัดเพคะ แค่รู้สึกว่าผิดปกติ หม่อมฉันก็เลยปรุงยาผสมมั่วไปมา”
“เจ้าจำได้หรือไม่ว่าผสมขึ้นมาอย่างไร”
ลู่เจียวพยักหน้าอย่างอ่อนแรง จีชางแสร้งเอ่ยขึ้นอย่างไม่สนใจนักว่า “เช่นนั้นเจ้าเอายามาให้เราหน่อย เราจะให้คนมาทดลอง”
กล่าวจบเขาก็กล่าวต่อว่า “เราไม่อยากให้เจ้ากินยาพวกนี้ผิดจนทำลายสุขภาพ เราให้คนศึกษาดูก่อน ดูว่าได้ผลกับสุขภาพเจ้าหรือไม่ หากไม่ได้ผลก็อย่าได้กิน”
“เพคะ ฝ่าบาท”
ลู่เจียวกล่าวจบลุกขึ้นไปเขียนตำรับยา จากนั้นก็ส่งให้จีชางไปอย่างไม่ได้สนใจอันใด
จีชางหยิบเทียบยาจากไปแล้ว ลู่เจียวจึงได้เข้าไปในห้องดูจีซิว พบว่าเด็กน้อยแววตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้นชิงชังต่อนาง เห็นอยู่ว่าก่อนหน้านี้อ่อนลงมากแล้ว แต่ในเวลานี้กลับเปลี่ยนอีกแล้ว
ลู่เจียวเห็นเขาแล้วก็ปวดหัว “เป็นอันใดไปอีกเล่า”
“เจ้าวางยาผอผอหรือ”
ดังนั้นเขามั่นใจแล้วว่าผอผอสองคนโดนนางวางยาจนตาย
ลู่เจียวค้อนขวับ “วันหน้าใช้สมองให้มากหน่อย คิดสิว่าเมื่อก่อนข้าจะเอาสมุนไพรมาจากไหน วันหน้าไม่ว่าได้ยินอันใด เห็นอันใด ต้องใช้สมองคิดแยกแยะให้มาก คิดดูว่าผู้อื่นเหตุใดทำเช่นนี้ มีเป้าหมายเยี่ยงไร อย่าได้ยินอันใดมาก็คิดว่าต้องเป็นอย่างนั้น”
จีซิวได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็คิดจริงจัง เมื่อก่อนลู่เจียวไม่เคยมีสมุนไพร สุดท้ายคิดถึงว่าหญิงผู้นี้ไม่ได้ใช้สมุนไพรพวกนี้ แต่เพราะผู้อื่นในตำหนักอวิ๋นหวาไม่รู้เท่านั้น
“เจ้ากำลังหลอกลวง”
“ข้าทำเช่นนี้ก็มีเหตุผลของข้าเจ้าเข้าใจเมื่อใดก็แสดงว่าเจ้าโตแล้ว”
นางกล่าวจบก็ยื่นมือไปลูบใบหน้าน้อยๆ ของจีซิว กล่าวว่า “รอให้เจ้าหายดี ข้าจะสอนหนังสือเจ้า รอให้เจ้ารู้หนังสือมากๆ อ่านหนังสือมากๆ ก็จะเข้าใจความแยบยลต่างๆ เอง”
จีซิวเอ่ยต่อต้าน “ข้าไม่เรียนหนังสือกับเจ้า”