ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 943 ถูกพิษ
ตอนที่ 943 ถูกพิษ
ยามนี้ตู้ถิงถูกยั่วยุจนโมโห ตวาดดังว่า “หลิ่วเสียน เจ้าเป็นภรรยาข้า ถึงตายก็เป็นภรรยาข้า ข้าแตะต้องเจ้าเป็นอันใดหรือ ข้าจะแตะต้องเจ้า”
เขากล่าวจบยื่นมือออกไป คิดกอดลู่เจียว
ลู่เจียวลุกขึ้นถีบเขาอย่างไม่เกรงใจทันที เขาโดนถีบออก
ตู้ถิงถูกถีบหลายทีจนขาแทบหัก เขากอดขาไว้ถลึงตาใส่นางอย่างโมโห “เจ้า”
ลู่เจียวแววตาเย็นเยียบ “ไสหัวไป”
ตู้ถิงถูกแววตาเย็นเยียบของนางทำเอาตกใจ ในเวลานี้เขารับรู้กระจ่างได้เรื่องหนึ่ง หญิงผู้นี้ไม่ใช่หลิ่วเสียน ไม่มีทางใช่หลิ่วเสียน นางคงไม่ใช่มีปีศาจร้ายมาสิงร่างกระมัง
ตู้ถิงตกใจรีบหันหลังวิ่งออกไป
ลู่เจียวขี้เกียจจะสนใจเขา หันไปปลอบใจตู้เยี่ยน “ไม่มีอันใดแล้ว พวกเรากินข้าวกันต่อ”
แววตากลมโตของตู้เยี่ยนไม่ได้มีความหวาดกลัว มีแต่ความเลื่อมใสอย่างที่สุด ท่านแม่ร้ายกาจมาก ถีบทีเดียวคนผู้นั้นกระเด็นออกไปได้
“ท่านแม่ ท่านร้ายกาจมาก”
ลู่เจียวยิ้ม “เช่นนั้นแม่จะหาคนมาสอนวิทยายุทธ์เจ้าดีหรือไม่”
ตอนนี้นางอายุแค่ห้าขวบ กระดูกยังอ่อน เรียนตอนนี้น่าจะไม่เลว
“เรียน”
ลู่เจียวหัวเราะ
สองแม่ลูกกำลังคุยกัน นอกประตู หรงหมัวมัวเดินเข้ามาเอ่ยอย่างเป็นห่วง “ฮูหยิน ท่านล่วงเกินท่านป๋อ หากทำให้เขาไม่พอใจ ก็คงโชคร้ายแน่แล้ว”
ลู่เจียวหัวเราะ ที่นางทำเช่นนี้ก็เพื่อบีบให้ตู้ถิงกับท่านแม่เขาลงมือ ถึงตอนนั้นพวกนางจับความผิดพวกเขาได้คาหนังคาเขา ก็ไม่กลัวว่าพวกเขาไม่ยอมหย่า หากไม่หย่า นางก็แจ้งทางการ
แต่แม้ว่าลู่เจียวคิดทำเช่นนี้ก็ไม่อยากให้หรงหมัวมัวรู้
“ไม่มีอันใด เขาจะไม่พอใจอย่างไรก็เท่านั้น หรือว่าจะลงมือกับภรรยาเช่นข้ากัน”
หรงหมัวมัวมองลู่เจียวด้วยสีหน้าสับสน ไม่รู้ว่าควรเอ่ยอย่างไร โลกนี้แต่ไรมาไม่เคยไร้คนจิตใจชั่วร้าย
ตู้เยี่ยนยื่นมือไปรั้งแขนเสื้อ ลู่เจียว “ท่านแม่ ท่านต้องระมัดระวัง”
ลู่เจียวยิ้มมองนาง “แม่ทราบแล้ว เจ้าวางใจ แม่จะป้องกันตนเองให้ดี แม่ไม่เพียงแต่จะปกป้องตนเองให้ดี ยังต้องปกป้องเยี่ยนเอ๋อร์ให้ดีอีกด้วย”
ตู้เยี่ยนพยักหน้าเต็มแรง เอ่ยน้ำเสียงเด็กน้อยว่า “ข้าก็จะปกป้องท่านแม่”
วันหน้านางจะต้องคอยจ้องมองคนพวกนั้นไว้ ไม่ให้พวกเขาทำร้ายท่านแม่
ณ เรือนชุนฮุย ฮูหยินผู้เฒ่ากับเฝิงเจินได้รู้ว่าตู้ถิงโดนลู่เจียวจัดการมา สามคนสบตากัน ไม่รู้ว่าจะแก้สถานการณ์ตอนนี้อย่างไรดี สุดท้ายตู้ถิงเอ่ยว่า “ข้ารู้สึกว่านางเหมือนเปลี่ยนไป นางคงไม่ใช่…”
เฝิงเจินฟังความคิดตู้ถิงออกทันที และก็เห็นด้วยตู้ถิง “ข้าก็รู้สึกว่านางเหมือนไม่ปกติ คงไม่ใช่?”
ฮูหยินผู้เฒ่าสะดุ้งตกใจ รีบกล่าวว่า “รีบให้คนไปตามนักพรตมาทำพิธีสักหน่อยดีกว่า”
ปรากฏวันรุ่งขึ้น พอนักพรตมาถึง ลู่เจียวไม่เพียงแต่ไม่กลัว ยังพาตู้เยี่ยนกับหรงหมัวมัวออกมาชมการแสดงชุดใหญ่ของนักพรต ไม่เห็นลู่เจียวมีท่าทีผิดปกติอันใด
ฮูหยินผู้เฒ่ากับตู้ถิงและเฝิงเจินสบตากัน หรือว่าพวกเขาคิดผิดไป นี่ก็คือหลิ่วเสียน ไม่ใช่ปีศาจร้ายสิงร่างอันใด
แต่ตอนนี้เหตุใดนางจึงเปลี่ยนไปเป็นเช่นนี้ได้
พอนักพรตกลับไป สามคนก็มาหลบหารือกันที่เรือนชุนฮุย สุดท้ายหารือไปมาก็ตัดสินใจให้ลู่เจียวป่วยตาย สมบัติในมือนางก็ย่อมตกเป็นของตระกูลตู้ทั้งหมด
ลู่เจียวคล้ายไม่รู้ว่าพวกเขาคิดทำร้ายนาง ใช้ชีวิตในเรือนตนเองอย่างมีความสุข ไม่มีอันใดก็ไปสอนตู้เยี่ยน สองแม่ลูกสองคนมีชีวิตที่เบิกบานใจอย่างมาก โดยเฉพาะตู้เยี่ยน รู้สึกว่าหลายวันนี้นางเบิกบานใจมากจริงๆ ท่านแม่ไม่รักตู้หลิงซีกับตู้จั๋วอีก ไม่สนใจคนอื่นๆ รักแต่นางคนเดียว นางมีความสุขมาก
สามวันต่อมา ลู่เจียวพาตู้เยี่ยนไปจวนองค์หญิง
พระพักตร์องค์หญิงเจ้าเหอหายดีจริงดังคาด พอนางเห็นลู่เจียว ก็อารมณ์ดีอย่างมาก พร้อมกับมั่นใจเรื่องที่ลู่เจียวบอกว่าจะลดน้ำหนักให้นาง ทำให้นางขาวและสวยมากยิ่งขึ้น
“ข้าต้องทำอย่างไรจึงจะกลับคืนเป็นข้าดังเดิมได้”
ลู่เจียวยื่นมือไปจับชีพจรให้องค์หญิงเจ้าเหอ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “ที่องค์หญิงทรงอ้วนก็เพราะรูปร่างผิดรูป ใบหน้าซีดเหลืองมีฝ้ากระก็เพราะทำกิจกรรมพวกนั้นมากเกินไป อีกอย่างเพราะว่ามักจะไม่ได้นอน ทำให้ตับร้อนเกินไป จึงส่งผลต่อสุขภาพในตอนนี้”
“องค์หญิงคิดกลับคืนสู่สภาพดังเดิม ก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องคิดหาทางรักษาให้คงอยู่ต่อไป ก็ต้องระงับใจตนเองในเรื่องดังว่าและบำรุงร่างกาย อย่าได้ใช้ชีวิตแบบเมื่อก่อนเช่นนั้นอีก”
หลายปีมานี้องค์หญิงเจ้าเหอเองก็เที่ยวเล่นจนพอใจแล้ว พอได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็ไม่ได้คัดค้าน
“ได้ ทำตามเจ้าว่า”
นางกล่าวจบยิ้มมองลู่เจียวกล่าวว่า “หากเจ้าทำให้ข้ากลับเป็นดังเดิมได้จริง วันหน้าเจ้าก็คือสหายข้า หากเจ้าพบเจอความยุ่งยากอันใด ก็ให้มาหาข้า ข้าจะต้องออกหน้าให้เจ้า”
“ขอบพระทัยองค์หญิง”
เวลาหนึ่งเดือน องค์หญิงเจ้าเหอไม่เพียงแต่ใบหน้าขาวผ่อง ยังผอมลงไปมาก แม้ว่ายังไม่ได้ผอมจนเหมือนตอนสาวๆ ที่เอวบางร่างน้อยเช่นนั้น แต่ก็แตกต่างกับก่อนหน้านี้ราวฟ้ากับเหว องค์หญิงเจ้าเหอดีใจนพูดไม่ออก ยามนี้เพราะนางสนิทกับลู่เจียว ทำให้ชอบนิสัยนางมาก จึงได้เห็นลู่เจียวเป็นสหายสนิท
ยามไม่มีอันใด ทั้งสองคนก็จะนัดพบกัน เรียกหนุ่มน้อยมาให้ความบันเทิง ขับกล่อมบทเพลงบ้าง ดูงิ้วบ้าง
ลู่เจียวไม่เหมือนฮูหยินชนชั้นสูงศักดิ์ในเมืองหลวงที่ไม่พอใจเรื่ององค์หญิงเลี้ยงอนุชาย นางคิดว่ารูปแบบชีวิตองค์หญิงเช่นนี้ ขอเพียงนางไม่ฆ่าคนวางเพลิง รังแกราษฎร บังคับผู้ชายมาเป็นอนุ พวกนางก็ไม่มีสิทธิ์ไปว่านาง
องค์หญิงเจ้าเหอได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็พึงพอใจอย่างมาก ยิ้มกล่าวว่า “คิดไม่ถึงว่าโลกนี้ยังมีคนเช่นเจ้า ข้าได้รู้จักกับเจ้า ช่างโชคดีจริง”
ลู่เจียวเองก็ยิ้ม “องค์หญิง ในฐานะองค์หญิง เลี้ยงอนุชายสองสามคนก็ไม่ได้ทำร้ายผู้ใด นับประสาอันใดกับอนุชายที่ท่านเลี้ยงดูก็ต่างพึงพอใจ ไม่ได้บีบบังคับมา เกี่ยวอันใดกับผู้อื่นด้วย”
องค์หญิงเจ้าเหอยิ้มยิ่งยินดี “วาจาเจ้ากล่าวได้ถูกต้อง เหตุใดผู้ชายมีสามภรรยาสี่อนุได้ แต่พวกเราเลี้ยงดูอนุชายสองสามคนก็ทำราวกับผิดต่อหลักคุณธรรมฟ้าดิน ข้าเลี้ยงดูอนุชายตนเอง เกี่ยวอันใดกับพวกนาง ช่างทำตัวต่ำตมเสียจริง”
ทั้งสองคนคุยกันไปก็ชมงิ้วบนเวทีไป ลู่เจียวยังเอ่ยชมว่า “พระเอกบนเวทีหน้าตาไม่เลว”
องค์หญิงเจ้าเหอพอได้ฟังก็ยินดี “หากเจ้าต้องตาต้องใจเขา ข้ามอบเขาให้เจ้าได้”
ลู่เจียวรีบห้าม “อย่าเพคะ ตอนนี้หม่อมฉันยังเป็นฮูหยินจงอี้ป๋อ หากพาอนุกลับไป ย่อมต้องถูกผู้คนด่าทอ”
นางกล่าวจบก็ยกมือกุมหน้าอก มองไปยังองค์หญิงเจ้าเหอ “องค์หญิง หม่อมฉันอยากขอให้องค์หญิงช่วยสักเรื่องหนึ่งได้หรือไม่”
ยามนี้สีหน้านางย่ำแย่อย่างมาก องค์หญิงเจ้าเหอเห็นนางก็ตกใจ “เจ้าเป็นอันใด สีหน้าย่ำแย่มาก”
“หม่อมฉันถูกคนวางยาพิษแล้ว”
องค์หญิงเจ้าเหอสีหน้าพลันย่ำแย่ “ผู้ใด ผู้ใดวางยาเจ้า”
ลู่เจียวเอ่ยว่า “หม่อมฉันโดนวางยาในจวนป๋อ องค์หญิงช่วยแจ้งความให้หม่อมฉันได้หรือไม่เพคะ”
องค์หญิงเจ้าเหอรับคำทันที “ได้ เรื่องนี้ข้าช่วยเจ้าแจ้งศาลอาญาต้าหลี่ได้ ให้เจ้ากรมศาลอาญาต้าหลี่ไปตรวจสอบ ย่อมต้องคืนความเป็นธรรมให้เจ้า”
ลู่เจียวพูดคุยกับองค์หญิงเจ้าเหอจบ ก็ลุกขึ้นนำคนกลับจวนจงอี้ป๋อ องค์หญิงเจ้าเหอรีบให้บ่าวรับใช้นำหนังสือร้องทุกข์ของนางไปแจ้งความที่ศาลอาญาต้าหลี่
ลู่เจียวกลับจวนป๋อ เพิ่งจะลงจากรถเดินถึงหน้าประตู ก็ส่งเสียงร้องดังพร้อมกับอาเจียนเป็นโลหิตออกมากองโต
จินหลิ่วกับอิ๋นหลิ่วสองคนตกใจสะดุ้ง ทั้งสองคนรีบเข้ามาประคองนาง “ฮูหยิน ท่านเป็นอันใดหรือ เกิดเรื่องอันใดขึ้น”
“ข้า ข้าเหมือนถูกวางยาพิษ”