ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 929 เป็นห่วง
ตอนที่ 929 เป็นห่วง
ลู่เจียวพยักหน้า นายผู้เฒ่าฉินรีบกล่าวว่า “พ่ออยากจะนำเงินตระกูลเราแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งให้เจ้ากับฉินม่อไว้ อีกส่วนมอบให้ฟางจือฝู่ ให้เขาเอาเงินไปใช้เพื่อชาวเมืองอู้โจว ตอนนี้หลี่ฉางอานจ้องมองเงินก้อนนี้ หากเงินก้อนนี้ยังจัดการไม่แล้วเสร็จ เขาไม่มีทางจากไป หากเห็นข้ามอบเงินให้ฟางจือฝู่นำไปช่วยชาวเมืองอู้โจว เขาก็ทำอันใดไม่ได้ เจ้าว่าอย่างไร”
ลู่เจียวเห็นด้วยทันที นี่เป็นวิธีการที่ดี หากไม่รู้ที่ไปของเงินก้อนนี้ หลี่ฉางอานย่อมไม่ยอมเลิกรา
ฮูหยินผู้เฒ่ารีบกล่าวว่า “เหยาเอ๋อร์ เจ้าไม่รู้ว่าเดรัจฉานนั่นน่ารังเกียจเพียงใด เพื่อจะได้สมบัติตระกูลฉินเรา ถึงกับบอกว่าเจ้ากับม่อเอ๋อร์ตายแล้ว วันหน้าเขาก็คือบุตรชายพวกเรา จะรับพวกเราไปอยู่เมืองหลวง”
หากไม่ใช่ต้องอดทนไว้ นางก็คงอยากจะตะโกนด่าไปแล้ว ว่าพวกนางยังมีบุตรสาว ยังมีหลานชาย ตามเขาไปเมืองหลวงทำไมกัน
ลู่เจียวได้ฟังก็ได้รู้จักความหน้าหนาไร้ยางอายของคนผู้นี้อีกครั้ง กล่าวตามตรง เมื่อก่อนนางเคยพบคนมามากมาย ไม่มีคนหน้าหนาไร้ยางอายเช่นหลี่ฉางอาน
“ท่านพ่อ มอบเงินให้ท่านพ่อบุญธรรมเถอะเจ้าค่ะ ให้ท่านพ่อบุญธรรมนำเงินไปช่วยชาวเมืองอู้โจว เช่นนี้ก็จะได้สั่งสมผลงานปูเส้นทางขุนนางต่อไป”
ระยะนี้ใช่ว่าลู่เจียวไม่มีอันใดทำ นางกำลังเรียบเรียงเคล็บลับสองชุด ชุดหนึ่งคือเคล็ดลับทำน้ำตาลทรายขาว อีกชุดคือวิธีการทำกระดาษ สองเคล็ดลับนี้เพียงพอจะเบิกทางให้ฟางจือฝู่เข้าเมืองหลวงได้
หากสร้างผลงานที่เมืองอู้โจวนี้ได้ ฝ่าบาทก็จะเรียกตัวเขาเข้าเมืองหลวง
นายผู้เฒ่าฉินได้ยินลู่เจียวก็เห็นด้วยที่จะแบ่งสมบัติตระกูลฉินเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งมอบให้ลู่เจียว ส่วนใหญ่เป็นตั๋วแลกเงิน ลู่เจียวไม่ได้ดูว่าเท่าไรก็เก็บไว้
นายผู้เฒ่าฉินกับฮูหยินผู้เฒ่าฉินมอบเงินให้ลู่เจียวแล้วก็เล่นกับฉินม่อน้อย เห็นหลานชายฉลาดร่าเริงกว่าเมื่อก่อนมาก สองผู้เฒ่าก็วางใจ ทั้งสองคนเล่นกับฉินม่อน้อยได้ครู่หนึ่งก็นำเงินไปพบฟางจือฝู่
ฟางจือฝู่เห็นตั๋วแลกเงินกองโตที่ตระกูลฉินมอบให้ก็ไม่กล้ารับ “พี่ฉิน นี่พี่?”
“น้องฟาง ขอเจ้าช่วยใช้เงินก้อนนี้เพื่อชาวเมืองอู้โจว ซื้อที่นา จากนั้นก็ตั้งสำนักศึกษา ใช้เงินทองที่ได้จากการเก็บเกี่ยวผลผลิตที่นามาธำรงกิจการสำนักศึกษา ให้เด็กๆ เมืองอู้โจวแต่ละพื้นที่ที่ไม่มีเงินทองเรียนหนังสือได้เรียนหนังสือกัน”
ฟางจือฝู่ได้ฟังนายผู้เฒ่าฉินก็ซาบซึ้งใจมาก ลุกขึ้นคำนับนายผู้เฒ่าฉินอย่างนอบน้อม เอ่ยขอบคุณ “ข้าขอบคุณพี่ฉินแทนชาวเมืองอู้โจว”
“น้องฟางอย่าได้เกรงใจ ทั้งหมดนี้ก็รบกวนน้องฟางแล้ว”
ทั้งสองคนกำลังคุยกัน นอกประตูบ่าวรับใช้ก็เข้ามารายงาน “ใต้เท้า ทั่นฮวาคนใหม่มาขอคารวะ”
พอฟางจือฝู่ได้ยินรายงาน สีหน้าก็พลันแปรเปลี่ยน แต่พอคิดถึงฉินเหยากับฉินม่อน้อย ก็รีบสะกดกลั้นเอาไว้ ปรับลมหายใจให้เป็นปกติ เอ่ยขึ้นว่า “เชิญเขาเข้ามา”
ต้องให้หลี่ฉางอานได้เห็นเงินก้อนนี้ของตระกูลฉิน ไม่เช่นนั้นเจ้าเดรัจฉานนี่เกรงว่าจะไม่ยอมเลิกรา
ฟางจือฝู่ไม่ได้เป็นห่วงว่าจะหลี่ฉางอานคิดทำร้ายเขา อย่างไรเขาก็เป็นจือฝู่เมืองอู้โจว เขาเป็นเพียงแค่ทั่นฮวาเล็กๆ แม้ว่าได้ผูกสัมพันธ์กับจวนมหาเสนาบดี แต่ตอนนี้ยังเป็นเพียงแค่ผูกสัมพันธ์ ยังไม่ได้มีอำนาจแท้จริง
หลี่ฉางอานเข้ามารวดเร็ว ให้ความเกรงใจต่อฟางจือฝู่อย่างมาก เขาหน้าตาดี กอปรกับท่าทางอ่อนโยนสุภาพ คนทั่วไปย่อมมองโฉมหน้าแท้จริงของเขาไม่ออก นี่ก็คือสาเหตุที่ฉินเหยาถูกหลอก
“คารวะใต้เท้าจือฝู่”
เขากล่าวจบก็คล้ายเพิ่งได้เห็นนายผู้เฒ่าฉิน รีบเอ่ยทักทายอ่อนโยนว่า “ท่านพ่อ ท่านก็อยู่ด้วยหรือ”
นายผู้เฒ่าฉินกับฟางจือฝู่อยากจะค้อนใส่เขามาก เจ้าคิดว่าตนเองฉลาด ผู้อื่นล้วนโง่เขลาหรือ เห็นอยู่ว่าเจ้าตามนายผู้เฒ่าฉินมา
แต่ยามนี้หลี่ฉางอานสนใจแต่ตั๋วแลกเงินปึกโตในมือฟางจือฝู่ หลี่ฉางอานสะอึกกึก มักรู้สึกว่าเรื่องนี้มีเลศนัย
ฟางจือฝู่มองตามสายตาเขาไปยังมือตนเอง จากนั้นก็ยิ้มเอ่ยว่า “นี่คือเงินที่ตระกูลฉินบริจาคเพื่อชาวเมืองอู้โจว ให้ข้าช่วยจัดการแทน นายผู้เฒ่าฉินต้องการใช้เงินนี้เพื่อจัดตั้งสถานศึกษาอี้เสวียให้ชาวเมืองอู้โจวแต่ละพื้นที่ได้เรียนไม่ต้องเสียเงินทอง ให้นักเรียนที่ไม่มีเงินทองได้เรียนหนังสือกัน”
หลี่ฉางอานคิดไม่ถึงว่านายผู้เฒ่าฉินจะทำเช่นนี้ สีหน้าพลันร้อนใจ ส่งเสียงดังขึ้น “ท่านพ่อ ท่านไม่ได้บอกกับข้าเรื่องนี้”
นายผู้เฒ่าฉินอารมณ์ดี กล่าวว่า “คิดถึงการตายของม่อเอ๋อร์ ข้าก็ปวดใจ แต่ข้าปวดใจเพียงใดก็ไม่อาจแก้ไขความจริงได้ สมบัติตระกูลฉินมากมายไร้คนสืบทอด ดังนั้นข้าจึงได้ขายสมบัติตระกูลฉินทั้งหมด นำเงินมามอบให้ใต้เท้าฟางจัดตั้งสถานศึกษาอี้เสวีย ให้เด็กๆ เหล่านั้นได้เรียนหนังสือ ข้าทำเช่นนี้ก็เพื่อสร้างกุศลให้ม่อเอ๋อร์ ขอให้วันหน้าเขาได้ไปเกิดในตระกูลที่ดี”
ฟางจือฝู่รีบเอ่ยชื่นชม “พี่ฉินคุณธรรมยิ่งใหญ่”
หลี่ฉางอานสีหน้าดำทะมึนอย่างที่สุด แม้แต่จะเสแสร้งก็ไม่มีอารมณ์จะปั้นหน้า เขาไม่สนใจว่าฟางจือ ฝู่อยู่ด้วย ร้อนใจส่งเสียงดังว่า “ท่านพ่อ ท่านบริจาคเงินพวกนี้หมด เช่นนั้นข้าวันหน้าต้องการใช้เงินจะทำอย่างไร”
นายผู้เฒ่าฉินกับฟางจือฝู่พร้อมใจกันมองไปยังหลี่ฉางอาน ทั้งสองคนไม่เอ่ยอันใด เอาแต่จ้องหน้าเขาเขม็ง
หลี่ฉางอานแอบรู้สึกว่าวาจาตนเองนี้ไม่ค่อยเหมาะสม จึงปั้นหน้าเคร่งขรึมกล่าวว่า “ท่านพ่อ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนี้ ข้าแค่ต้องการบอกว่า…”
นายผู้เฒ่าฉินเอ่ยขึ้นว่า “ฉางอาน เหยาเอ๋อร์กับม่อเอ๋อร์ตายแล้ว เจ้ากับตระกูลเราก็ไม่เกี่ยวข้องกันอีก วันหน้าเจ้าก็แต่งกับสตรีสูงศักดิ์ได้ สตรีพวกนั้นจะไม่มีเงินทองให้การสนับสนุนเจ้าหรือ เงินแค่นี้ให้ข้าสร้างกุศลให้ม่อเอ๋อร์ดีกว่า”
กล่าวจบก็ไม่สนใจหลี่ฉางอานอีก หันไปมองฟางจือฝู่ “ขอฟางจือฝู่รีบดำเนินการด้วย”
“ตกลง พรุ่งนี้ข้าก็จะมีหนังสือแจ้งข่าวนี้แก่ทุกหมู่บ้าน ให้ชาวเมืองอู้โจวทุกคนได้ความเมตตาจากตระกูลฉิน”
“รบกวนแล้ว”
นายผู้เฒ่าฉินกล่าวจบก็ทำสีหน้าเหน็ดเหนื่อยลุกขึ้นเดินออกไป หลี่ฉางอานได้แต่จ้องมองปึกตั๋วแลกเงินในมือฟางจือฝู่ เขารู้สึกเพียงแค่สิ้นหวัง เหตุใด เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้
ในเวลานั้น หลี่ฉางอานอยากสั่งการให้คนเผาตระกูลฟางสักรอบจริงๆ แต่สุดท้ายก็ยังกลัวตำแหน่งฟางจือฝู่ที่เป็นขุนนางราชสำนัก หากฟางจือฝู่เกิดเรื่อง ราชสำนักย่อมส่งคนมาสอบเรื่องนี้ เช่นนั้นเขาจะโชคร้ายแน่ ไม่คุ้มค่าที่จะต้องเอาชีวิตทั้งชีวิตมาทิ้งเพื่อเงินก้อนเดียว
หลี่ฉางอานคิดไปมาก็รู้สึกว่าควรไปกล่อมนายผู้เฒ่าฉิน หากกล่อมนายผู้เฒ่าฉินได้ ไม่แน่ว่าอาจยังเอาเงินกลับมาได้
หลี่ฉางอานครุ่นคิดแล้วก็ไม่สนใจคุยกับฟางจือฝู่ต่อ หันหลังเดินออกไปทันที
หลี่ฉางอานเพิ่งจากไป ฟางเหลียนเยว่ก็วิ่งไปที่ห้องลู่เจียว บอกเรื่องนี้กับลู่เจียว
“พี่ฉิน รู้ไหมว่าหลี่ฉางอานไร้ยางอายเพียงใด เขาถามท่านลุงฉินออกมาตรงๆ เลยว่า ท่านบริจาคเงินพวกนี้หมด เช่นนั้นข้าวันหน้าต้องการใช้เงินจะทำอย่างไร พี่ฟังสิ โลกนี้ถึงกับมีคนหน้าไม่อายเช่นนี้ เจ้าจะทำอย่างไรแล้วเกี่ยวอันใดกับท่านลุงฉินด้วยเล่า”
ลู่เจียวเองก็ไร้วาจาจะกล่าว สังหารบุตรสาวกับหลานชายเขา ยังคิดต้องการเงินทองเขาอีก ประเด็นคือกระทำอย่างไม่หวั่นเกรง ไม่คิดหลบซ่อน
ลู่เจียวด่าออกมาทันที “สมองเสื่อม ไม่ต้องไปสนใจเขา”
พอฟางเหลียนเยว่กลับไป ฉินม่อน้อยก็วิ่งมาตรงหน้าลู่เจียว นิ่งมองนาง ลู่เจียวยื่นมือไปลูบศีรษะเขา “เป็นอันใดหรือ”
ฉินม่อน้อยรีบกล่าวทันทีว่า “ท่านแม่ รอให้ข้าโต ข้าก็จะดีต่อท่านแม่มากๆ ท่านแม่อย่าได้ไม่เบิกบานใจ”
ลู่เจียวยิ้ม เลี้ยงเจ้าลูกกระต่ายนี่ดีจริง
แต่นางก็คิดถึงเรื่องหนึ่งได้ทันที อดเรียกระบบไม่ได้ “211 211?”
เจ้าระบบนี่ยามไม่มีอันใดก็จะไม่ปรากฏตัว และไม่มารบกวนนาง แต่หากนางมีเรื่องถาม ระบบก็จะอยู่ตลอด
[ ระบบทำงาน ท่านต้องการอะไร ]
ลู่เจียวร้อนใจถามว่า “ข้าอยากถามเรื่องหนึ่ง หากข้าทำภารกิจในระบบสิบปี จะเท่ากับเวลาชีวิตจริงสิบปีหรือไม่”
เช่นนั้นลูกๆ นางจะยังอยู่อีกหรือ
ลู่เจียวพลันเป็นห่วงขึ้นมา