ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 876 ปู้ติง
ตอนที่ 876 ปู้ติง
เซียวเหวินอวี๋ดีใจรับคำ พร้อมกับถามลู่เจียวอย่างห่วงใย “ฮองเฮาไม่เป็นอันใดกระมัง”
ลู่เจียวพยักหน้า “แม่หยุดเลือดให้นางแล้ว นางไม่เป็นอันใดแล้ว วันหน้าค่อยบำรุงให้ดีก็พอ”
เซียวเหวินอวี๋พยักหน้า คิดถึงว่าก่อนฮองเฮาคลอด ลู่เจียวตรวจให้นาง น่าจะคลอดราบรื่นดี เหตุใดจึงเกิดเหตุตกพระโลหิตได้
“อยู่ดีๆ เหตุใดจึงตกโลหิตได้กัน”
ลู่เจียวไม่คิดปิดบังเซียวเหวินอวี๋ เรื่องนี้ปิดบังเขาไม่ได้ นางมองเซียวเหวินอวี๋ เอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “เพราะให้กำเนิดองค์หญิง ไม่ใช่องค์ชาย ทำให้นางสะเทือนใจมากเกินไปจึงตกโลหิต”
เซียวเหวินอวี๋พอได้ฟัง ก็สีหน้าเย็นเยียบ มองไปยังองค์หญิงใหญ่ในมือ ยิ่งรู้สึกรักนางมากยิ่งขึ้น
ลู่เจียวอยู่ในวังอีกครู่หนึ่งก็นำคนออกจากวังหลวง
ในวัง ฮองเฮามีหมอหลวงและนางกำนัลอาวุโสดูแล สะใภ้สองคนของนางไม่มีคนดูแล
ตระกูลเซี่ย
พอลู่เจียวกลับมา ก็ไปดูสะใภ้ใหญ่หูหลิงเสวี่ย หูหลิงเสวี่ยให้กำเนิดทารกแฝดชายหญิง
มิผิด หูหลิงเสวี่ยคลอดฝาแฝด จ้าวอวี้หลัวคลอดบุตรชาย
ตระกูลเซี่ยพลันมีเด็กน้อยสามคน
ตอนนี้ลู่เจียวรับหน้าที่ดูแลสะใภ้กับหลานชายหลานสาว
“เป็นอย่างไรบ้าง หิวไหม หากหิวก็ให้คนไปเตรียมของกินมาให้เจ้า”
ลู่เจียวถามหูหลิงเสวี่ยอย่างห่วงใย หูหลิงเสวี่ยยิ้มบอกลู่เจียว “เพิ่งจะกินไปเจ้าค่ะ ฮองเฮาเป็นอย่างไรบ้าง ทรงคลอดราบรื่นไหม”
ลู่เจียวนิ่งเงียบ หูหลิงเสวี่ยถามอย่างเป็นห่วงว่า “ไม่ราบรื่นหรือ”
“อืม ตกพระโลหิตมาก”
“อยู่ดีๆ ตกพระโลหิตได้อย่างไร ก่อนหน้านี้ท่านแม่เข้าวังตรวจให้ฮองเฮาไม่ใช่บอกว่าน่าจะคลอดได้ราบรื่นดีหรอกหรือ”
“นางให้กำเนิดองค์หญิงใหญ่ จึงสะเทือนใจมาก ดังนั้นจึงได้ตกพระโลหิต”
หูหลิงเสวี่ยไม่พูดอะไรอีก นางกับจ้าวอวี้หลัวมาคลอดที่บ้าน ย่อมรู้เรื่องฮองเฮาในวังที่คิดแต่จะให้กำเนิดองค์ชาย แต่พวกนางรู้ก่อนหน้านี้แล้วว่าฮองเฮาจะให้กำเนิดองค์หญิงใหญ่ เพียงแต่ทุกคนกลัวฮองเฮาสะเทือนใจ จึงไม่มีผู้ใดบอกนางเรื่องนี้
ความจริงตามความเห็นหูหลิงเสวี่ย หญิงชายล้วนเหมือนกัน ล้วนเป็นบุตรตนเอง ครรภ์นี้เป็นองค์หญิงใหญ่ ครรภ์หน้าอาจเป็นองค์ชายก็ได้
“นางอยากเป็นหนึ่งมากเกินไป ครรภ์นี้เป็นองค์หญิงใหญ่ ครรภ์หน้าเป็นองค์ชายก็ได้ ไยต้องยึดมั่นกับครรภ์นี้ด้วย”
ลู่เจียวได้ฟังหูหลิงเสวี่ยก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “เพราะพระสนมซูเฟยตั้งครรภ์แล้ว นางกลัวว่าบุตรชายจะไม่ได้ครองตำแหน่งบุตรชายคนโต จึงได้คิดพยายามจะให้กำเนิดองค์ชายใหญ่”
“ตอนนี้ข้าเป็นห่วงอยู่เรื่องหนึ่ง ฮองเฮาจะทำอันใดพระสนมซูเฟยหรือไม่”
หูหลิงเสวี่ยได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็นึกเป็นห่วงขึ้นมา “ท่านแม่ หรือว่าเอ่ยเตือนฝ่าบาทสักคำ?”
“ไม่ต้อง ข้าเชื่อว่าในใจซื่อเป่าย่อมต้องคิดเรื่องนี้ได้”
ลู่เจียวกล่าวจบ เลิกคิ้วกล่าวว่า “เอาละ อย่างมากข้าสองสามวันก็เข้าวังไปตรวจให้เมิ่งเหยาทีหนึ่ง ป้องกันคนวางอุบายนาง”
ลู่เจียวกล่าวจบก็ไม่คุยเรื่องในวังอีก แต่ไปดูหลานชายหลานสาวตนเอง
แฝดชายหญิงคู่นี้ บุตรชายกับบุตรีหน้าตาเหมือนเซี่ยเหวินเหยาบิดาพวกเขา
วงหน้างดงาม ใบหน้างามประณีต และยังว่านอนสอนง่ายมาก นอกจากตอนหิวกับถ่ายเบาจะส่งเสียงร้องสองแอะแล้ว ยามปกติก็ไม่ร้องสักคำ นอนนิ่งมีความสุข
กลับกัน เจ้าตัวเล็กบ้านสอง ตรงข้ามกับพวกเขาพอดี กินเก่งและยังแผดเสียงร้องเก่ง ยามไม่พอใจก็จะแผดเสียงดังไม่พอใจไม่เลิก ทำเอาจ้าวอวี้หลัวโมโห ทุกครั้งก็แทบจะอุ้มไปเปลี่ยนบุตรชายบ้านหนึ่งมาแทน
ลู่เจียวมองเด็กๆ ก็เบิกบานไม่อาจบรรยาย ก่อนจะถอนหายใจเอ่ยว่า “ข้าแก่แล้วจริงๆ แม้แต่หลานชายหลานสาวก็มีแล้ว วันหน้าก็เป็นย่าคนแล้ว คิดแล้วปวดใจจริง”
ความจริงปีนี้ลู่เจียวเพิ่งจะสามสิบสี่ เพราะดื่มน้ำพุจิตวิญญาณ หน้าตาอ่อนเยาว์งดงาม แต่ในความเป็นจริงนางเป็นรุ่นย่าแล้ว รู้สึกราวกับฝันไป
ในห้องหูหลิงเสวี่ยอมยิ้มสัพยอก “แม้เป็นท่านย่า แต่ก็เป็นท่านย่าที่งดงามที่สุด ท่านแม่พาหลานชายหลานสาวออกไปเดิน คนเขาย่อมบอกว่าเป็นบุตรของท่านแม่”
ลู่เจียวขำกับวาจาหูหลิงเสวี่ย เข้าไปตรวจร่างกายให้หูหลิงเสวี่ย จากนั้นก็กล่าวว่า “เจ้าฟื้นตัวได้ไม่เลว เพราะคลอดราบรื่นไร้อันตราย ดังนั้นปกติอย่าได้เอาแต่นอนอยู่บนเตียง ลงมาเดินๆ บ้าง แต่อย่าออกไปตากลม จะได้ไม่ปวดหัว”
หูหลิงเสวี่ยได้ยินก็ลงมาเดินได้ก็ดีใจ รับคำกล่าวว่า “ท่านแม่ ข้าทราบแล้ว”
ลู่เจียวคุยกับนางอีกสองสามคำก็ไปบ้านสองดูจ้าวอวี้หลัว
นางยังไม่ทันเดินเข้าไปใกล้ก็ได้ยินเสียงหนูน้อยปู้ติงแผดเสียงร้องดังมา แผดแก้วเสียงดังลั่นราวกับผู้ใดกำลังรังแกเขาอยู่
ลู่เจียวเดินเข้าไปอย่างไร้วาจาจะกล่าว จ้าวอวี้หลัวกำลังโมโหทารกในอ้อมกอด “เจ้ากินช้าหน่อยไม่เป็นหรือ ไม่มีคนแย่งเจ้ากินหรอก”
ลู่เจียวแนะนำให้เลี้ยงด้วยน้ำนมมารดา ดังนั้นสะใภ้คลอดบุตรแล้วก็ล้วนป้อนนมเอง แต่เพราะหูหลิงเสวี่ยคลอดสองคน ลู่เจียวจึงได้หาแม่นมมาให้นางคนหนึ่ง หูหลิงเสวี่ยน้ำนมไม่พอ ก็ให้ลูกๆ กินนมแม่นมสักหน่อย
บ้านสองให้กำเนิดเพียงคนเดียว ลู่เจียวจึงไม่ได้หาแม่นมมาให้หนูน้อยปู้ติง ผู้ใดจะรู้ว่าน้ำนมจ้าวอวี้หลัวไม่พออย่างเห็นได้ชัด หนูน้อยปู้ติงกินนมทุกครั้งก็จะโมโห
ลู่เจียวให้คนไปหาแม่นมมาแล้ว ยังคิดหามาทีเดียวสองคน
“เป็นอันใดหรือ ไม่พอกิน เลยไม่พอใจหรือ”
จ้าวอวี้หลัวได้ยินเสียงลู่เจียวก็เงยหน้ามองมา “ข้ามองออกแล้ว เขาเป็นเด็กใจร้อน ความจริงน้ำนมเพียงพอ แต่ทุกครั้งเขาดูดก็จะรู้สึกว่าดูดไม่พอ ไม่สะใจ จึงได้เอาแต่แผดเสียง”
จ้าวอวี้หลัวกล่าวจบก็ก้มหน้าเตือนหนูน้อยปู้ติง “เร็ว หุบปาก หากส่งเสียงร้องโวยวายอีก เชื่อหรือไม่ว่าแม่จะโยนเจ้าให้แม่นม”
แม้ว่าหนูน้อยปู้ติงยังเล็ก แต่ก็เหมือนว่าฟังเข้าใจ เสียงร้องก็เบาลงทันที สะอื้นไห้ดูดนมไปร้องไป
ลู่เจียวแทบอยากจะร้องไห้ เดินเข้าไปบีบแก้มขาวละมุนเขา “เจ้าเสแสร้งหรือ หากทำให้ท่านแม่เจ้าโมโห นางจะโยนเจ้าให้แม่นมไม่สนใจเจ้าแล้วนะ”
หนูน้อยปู้ติงส่งเสียงฮึดฮัด ในที่สุดก็หยุดร้อง เริ่มตั้งใจกินนม
จ้าวอวี้หลัวค้อนขวับ เงยหน้ามองลู่เจียวกล่าวว่า “ท่านแม่ ท่านว่าเขาเหมือนผู้ใด เหตุใดเอาเรื่องเช่นนี้ ดูหนิวไหน่กับกั่วต้งของพี่สะใภ้ใหญ่ เงียบสงบ กินแล้วก็นอน นอนแล้วก็กิน”
ลู่เจียวยิ้มปลอบใจนางกล่าวว่า “แม้ว่าปู้ติงจะเอาเรื่อง แต่ก็มีแรงมาก เจ้าดูเขากินเก่งร้องเก่ง วันหน้าย่อมเป็นขุนพลทหารเหมือนบิดาเขา วันหน้าเจ้ารอรับวาสนาสุขได้เลย”
จ้าวอวี้หลัวได้ฟังก็ไม่ดุบุตรชายอีก แค่นเสียงกล่าวว่า “โตมาไม่ให้มารดาได้เสวยวาสนาสุข ดูว่าแม่จะจัดการเจ้าอย่างไร”
ลู่เจียวข้างเตียงมองปู้ติงกินนมแล้วก็กล่าวว่า “กล่าวตามตรง เอ้อร์เป่าตอนเด็กไม่ได้เอาเรื่องเช่นนี้ ข้ารู้สึกว่าปู้ติงเหมือนเจ้า”
จ้าวอวี้หลัวได้ฟังเงยหน้ามองลู่เจียว ร้อนตัวกล่าวว่า “ไม่กระมัง ข้าน่าจะไม่เอาเรื่องเช่นนี้”
หากนางเอาเรื่องเช่นนี้ ท่านพ่อนางจะเหน็ดเหนื่อยเพียงใดกัน
ท่านแม่นางให้กำเนิดนางแล้วก็จากไป ได้ยินว่านางโตมาด้วยสองมือของท่านพ่อ เช่นนั้นท่านพ่อนางไม่เหนื่อยตายหรือ
มีลูกของตนเองจึงได้รู้คุณบิดามารดา ตอนนี้จ้าวอวี้หลัวรู้สึกเช่นนี้