ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 826 วิกฤตเร่งด่วน
ตอนที่ 826 วิกฤตเร่งด่วน
วันที่หนึ่งขึ้นปีใหม่ เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวสองคนยุ่งกับการไปเยี่ยมเยือนญาติมิตร ที่บ้านตนเองก็จัดงานเลี้ยงต้อนรับบรรดามิตรสหายที่มาเยือนสองครั้ง สรุปปีใหม่นี้ยุ่งมาก จนกระทั่งหลังวันที่สิบห้า จึงได้เสร็จสิ้น
หลังวันที่สิบห้า เดือนหนึ่ง สำนักศึกษาไป่ลู่เริ่มเรียน ต้าเป่าไปเรียนที่สำนักศึกษา ซานเป่าเองก็ออกเดินทางกลับเมืองหนิงโจว สำนักยาหลวงเมืองหนิงโจวเพิ่งจะก่อตั้งขึ้น ซานเป่าไม่อาจจากมาได้นาน ดังนั้นเขาจึงจะออกเดินทางออกจากเมืองหนิงโจวทันที
ลู่เจียวเตรียมของกองโตให้เขานำกลับไป
ซานเป่านำความรักของบิดามารดาออกจากเมืองหลวง
ต้าเป่าและซานเป่าไปแล้ว ตระกูลเซี่ยก็กลับคืนสู่ภาวะเงียบเหงาปกติ เซี่ยอวิ๋นจิ่นเริ่มไปทำงาน แม้ว่าบาดแผลบนใบหน้าเขายังไม่หายดี แต่ก็จางลงไม่น้อย ดูแล้วไม่ได้น่ากลัวมากนัก
ทั้งตระกูลเซี่ยเหลือลู่เจียวคนเดียว ลู่เจียวไม่มีอันใดก็ไปร้านเสริมความงามช่วยคนทำหน้า ทำให้เนี่ยอวี้เหยาดีใจมาก พร้อมกับรู้สึกแปลกใจมากเช่นกัน
“เจียวเจียว เหตุใดเจ้าจึงมีเวลาว่างได้”
ย่อมเป็นเพราะเซี่ยอวิ๋นจิ่นกำชับว่าอย่าได้ทำตัวให้เป็นที่สังเกตของผู้อื่นมากนัก ลู่เจียวได้ฟังเนี่ยอวี้เหยาก็ยิ้มกล่าวว่า “ไม่ยอมให้ข้าได้ว่างบ้างหรือ ก่อนหน้านี้ยุ่งมาตลอด แต่ตั้งแต่นี้ไป ข้าตัดสินใจแล้วว่างานใหญ่มอบให้พวกผู้ชายไปจัดการ ข้าเองรับผิดชอบแค่กินๆ ดื่มๆ ก็พอแล้ว”
เนี่ยอวี้เหยาหัวเราะขึ้น “ข้ากลัวว่าเจ้าจะไม่ว่างจริงน่ะสิ”
“ไม่หรอก ครั้งนี้ข้ารับรองว่าว่าง วันหน้าไม่มีอันใดก็จะไปคุยเป็นเพื่อนเจ้า”
เรื่องนี้ทำให้เนี่ยอวี้เหยาดีใจ พยักหน้าหงึกๆ “ดีๆ”
ลู่เจียวคิดถึงหูหลิงเสวี่ยขึ้นมา ก็ถามอย่างห่วงใยกล่าวว่า “อีกสองสามเดือนหลิงเสวี่ยก็จบการศึกษาแล้วกระมัง”
“อืม พอเดือนแปดก็จบแล้ว”
ต้าเป่าปีนี้สิบหก หูหลิงเสวี่ยปีนี้สิบเจ็ด ลูกๆ โตกันแล้ว
เนี่ยอวี้เหยากับลู่เจียวนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนลู่เจียวเสนอว่า “รอปีหน้าต้าเป่าสอบได้แล้ว ก็ให้พวกเขาสองคนแต่งงานกันดีไหม”
เนี่ยอวี้เหยาย่อมไม่ปฏิเสธ ต้าเป่าเป็นพี่ใหญ่ หลังแต่งงานแล้วก็ยังมีเอ้อร์เป่า ซานเป่าที่ต้องแต่งอีก
คิดถึงว่าเอ้อร์เป่า ซานเป่า เนี่ยอวี้เหยาถามอย่างห่วงใยลู่เจียว “ต้าเป่า เอ้อร์เป่า ซื่อเป่าหมั้นหมายแล้ว แล้วซานเป่าหมั้นหมายหรือยัง”
ลู่เจียวถอนหายใจ กล่าวว่า “ตอนกลับมาฉลองปีใหม่ ข้าถามเขาแล้วว่าจะให้เขาหมั้นหมายดีหรือไม่ เขาบอกว่าไม่รีบร้อน ตอนนี้เขาคิดแต่ดูแลสำนักยาหลวงให้ดี ไม่รีบหมั้นหมายในตอนนี้ หมั้นหมายแล้วก็ต้องแต่ง แต่งแล้วภรรยาก็ไม่แน่ว่าอาจไม่อยากตามเขาไปเมืองหนิงโจว ความหมายของเขาก็คือวันหน้าเขาจะเป็นหมอ ไม่อยากแต่งสตรีสูงศักดิ์ สตรีตระกูลสูงศักดิ์ไม่แน่ว่าอาจต้องตาต้องใจเขา แม้ต้องตา แต่ก็คงไม่อาจทนลำบากเช่นนั้นได้ ดังนั้นเขาไม่อยากหาจากเมืองหลวง”
เนี่ยอวี้เหยาได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็ถอนหายใจกล่าวว่า “ลูกๆ พวกเจ้าล้วนเป็นผู้ใหญ่เกินวัย อายุยังน้อยๆ แต่ฟังคำพูดเขาวิเคราะห์ ผู้ใหญ่ยังพูดไม่ได้เช่นเขา”
ลู่เจียวยิ้มเงียบไม่กล่าวอันใด แต่อารมณ์กลับดีมาก
ลู่เจียวใช้ชีวิตไปอย่างมีความสุข ชีวิตเซี่ยอวิ๋นจิ่นเองกลับไม่สงบสุขนัก เพราะชาวเผ่าเร่ร่อนสิบสองเผ่าชายแดนซีเป่ยยกกำลังเข้าตีซีเป่ย ครั้งนี้มากันอย่างเต็มกำลังฮึกเหิมเต็มที่ ต้องการบุกเข้าปล้นชิงด่านชายแดนซีเป่ย
ขุนพลหวังส่งคนนำข่าวด่วนเข้าเมืองหลวงมาอย่างไม่หยุดพักแรม ขอให้ฝ่าบาทส่งทหารไปช่วย
ชายแดนซีเป่ยมีสิบสองชนเผ่า เมื่อก่อนไม่ได้สามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกันเพียงนี้ แต่ครั้งนี้ที่รวมตัวกันได้ เพราะหน้าหนาวปีนี้หิมะปิดเส้นทางภูเขา ยังถล่มลงมาหลายแหล่ง ทำให้เสบียงอาหารสิบสองชนเผ่ากำลังวิกฤต ดังนั้นพวกเขาจำต้องรวมตัวกันเพื่อเข้าตีด่านเยว่หล่งกวนทางซีเป่ย หากด่านด่านเยว่หล่งกวนถูกพวกเขาบุกเข้ามาได้ ราษฎรในด่านก็จะถูกกวาดล้างสังหารสิ้น
เพราะอีกฝ่ายบุกมาอย่างดุดัน กอปรกับกองกำลังซีเป่ยหลายด่านไม่กล้าเคลื่อนกำลังพลการ ดังนั้นขุนพลหวังได้แต่ทูลรายงานเร่งด่วนมายังฝ่าบาท
เซียวอวี้ได้รับรายงานก็รีบเรียกหารือสำนักมนตรีเป็นการด่วน พร้อมกับให้ขุนนางคนสำคัญสองสามคนเข้าวังมาหารือเรื่องนี้ จะส่งผู้ใดไปช่วยชายแดนซีเป่ย
สุดท้ายอ๋องจิ่นก้าวออกมาเสนอตัวขอนำทัพไปซีเป่ยไป เซียวอวี้ได้ฟังอ๋องจิ่นก็เห็นชอบ
ตอนนี้ซีเป่ยกำลังวิกฤตเร่งด่วน หากองค์ชายนำทัพไปด้วยตนเอง ย่อมต้องเสริมขวัญกำลังใจให้เหล่าทหารฮึกเหิม ดังนั้นเซียวอวี้จึงอนุญาตตามคำขอของอ๋องจิ่น
ฮองเฮาไม่เห็นด้วย เพียงแต่เซียวอวี้เห็นด้วยแล้ว ฮองเฮาไม่รู้ว่าจะทำเช่นไร ตอนรู้เรื่องนี้ก็วิ่งออกจากตำหนักคุนหนิงกงอย่างเสียสติเพื่อไปยับยั้งเรื่องนี้
“ฝ่าบาท ไม่ได้นะเพคะ อย่าให้อ๋องจิ่นไปซีเป่ย เขาเป็นองค์ชาย ไม่รู้เรื่องการศึกสงคราม เขาไปทำอันใด ฝ่าบาท ขอได้โปรดเรียกคืนรับสั่งด้วยเพคะ”
สีหน้าเซียวอวี้ย่ำแย่อย่างยิ่ง มองไปยังฮองเฮาที่ปล่อยผมเผ้ายุ่งเหยิง
“หลี่อวิ๋นซาน ดูสภาพเจ้าตอนนี้ ยังดำรงเกียรติธรรมเนียมแห่งฮองเฮาสักนิดหรือไม่”
หลี่อวิ๋นซานร้องไห้ส่ายหน้า “หม่อมฉันไม่สนใจธรรมเนียมอันใดแล้ว หม่อมฉันไม่อยากให้บุตรชายไปตาย หม่อมฉันมีบุตรชายเพียงคนเดียว ขอฝ่าบาทเห็นแก่ที่หม่อมฉันปรนนิบัติฝ่าบาทมาหลายปี อย่าให้เจินเอ๋อร์ไปซีเป่ยเลยนะเพคะ”
หลี่อวิ๋นซานรู้สึกว่าอ๋องจิ่นไปครั้งนี้ต้องตายอย่างแน่นอน นางถึงกับสงสัยว่าที่เซียวอวี้ให้เซียวเจินไปซีเป่ย ก็เพราะคิดทำร้ายบุตรชายนางให้ตาย
นางไม่อาจให้เขาทำร้ายบุตรชายนางตายได้
ความคิดหลี่อวิ๋นซานเขียนชัดเจนอยู่บนใบหน้า เซียวอวี้จะมองไม่ออกได้อย่างไร เขาแค่นยิ้มมองไปยังหลี่อวิ๋นซาน
หญิงผู้นี้ไม่เหมาะกับเป็นฮองเฮา ถึงกับสงสัยเขาว่าจะทำร้ายบุตรชายของนาง หรือว่าบุตรชายของนางไม่ใช่บุตรชายเขา?
ครั้งนี้เซียวอวี้เห็นด้วยที่จะให้อ๋องจิ่นนำทัพไปซีเป่ย ก็เพราะเซียวเจินไม่ค่อยได้ไขว่คว้าโอกาส ในฐานะบิดา เขาก็อยากให้โอกาสเซียวเจินได้พิสูจน์ตนเอง
เพียงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าฮองเฮาถึงกับคาดเดาตัวเขาอย่างชั่วร้ายเช่นนี้
เซียวอวี้มองฮองเฮาด้วยสีหน้านิ่งเฉย “อ๋องจิ่นรู้ว่าเจ้าห้ามไม่ให้เขาไปซีเป่ยไหม”
ฮองเฮารีบกล่าวทันทีว่า “หม่อมฉันจะบอกเรื่องนี้กับเขาเอง ขอฝ่าบาทได้โปรดอย่าให้เขานำทัพไปซีเป่ยเพคะ”
เซียวอวี้ไม่ได้สนใจฮองเฮา แต่สั่งการขันทีตงหลิน “รีบเรียกตัวอ๋องจิ่นเข้าวัง”
เซียวเจินเข้าวังมาอย่างรวดเร็ว และรู้ว่าเสด็จแม่ห้ามไม่ให้ตนเองนำทัพไปซีเป่ย
เซียวเจินเดิมก็ไม่อยากไปซีเป่ย แต่หลินจิงบอกกับเขาว่านี่คือโอกาสสร้างชื่อ ไม่อาจปล่อยให้ผ่านไปได้ นับประสาอันใดกับนำทัพไปซีเป่ยก็แค่ทำทีเท่านั้น ไม่ได้ให้เขาออกรบจริงๆ
เซียวเจินคิดตามเหตุผลเช่นนี้ ดังนั้นจึงทูลเสนอตนเอง และเสด็จพ่อก็ทรงเห็นชอบแล้ว
เดิมเขากำลังดีใจ คิดไม่ถึงว่าเสด็จแม่ห้ามไม่ให้เขาไปซีเป่ย
“เสด็จแม่ หม่อมฉันนำทัพไปซีเป่ยช่วยพวกขุนพลหวัง”
ฮองเฮาได้ฟังเซียวเจินก็โมโหถลึงตาใส่เขาคำรามว่า “หุบปาก เจ้ารู้ไหมว่าพวกชนเผ่าเร่รอนพวกนั้นน่ากลัวเพียงใด พวกเขาล้วนสังหารคนไม่กะพริบตา หากเจ้าไปแล้วเกิดเรื่องไม่คาดฝันอันใด จะให้เสด็จแม่ทำเช่นไร”
เซียวเจินได้ฟังฮองเฮาก็เริ่มลังเล “เสด็จแม่ ไม่หรอกพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันไม่จำเป็นต้องออกรบ การออกรบเป็นเรื่องของบรรดาขุนพลทหาร”
ฮองเฮาได้ฟังยังคงไม่เห็นด้วย ร้องไห้กล่าวว่า “เจินเอ๋อร์ เสด็จแม่มีเจ้าเป็นบุตรชายคนเดียว หากเจ้าเกิดเรื่องอันใด จะให้เสด็จแม่มีชีวิตต่อไปอย่างไร สนามรบมีแต่ดาบไร้ตา หากไม่ทันระวังก็ย่อมจบชีวิตลงอย่างง่ายดาย อีกอย่างหากมีคนชั่ววางอุบายเจ้าล่ะ เจ้าก็จะอันตรายมาก”
พอฮองเฮาเอ่ย เซียวเจินก็คิดถึงอ๋องหมิงเซียวเหวินอวี๋ ก่อนหน้านี้เซียวเหวินอวี๋ไปหลิงหยาง เขากับเสด็จแม่ก็ส่งคนไปจัดการเขาไม่ใช่หรือ ครั้งนี้หากเขาไปซีเป่ย เซียวเหวินอวี๋ย่อมต้องส่งคนไปสังหารเขาที่ซีเป่ยเป็นแน่
อันตรายมากจริงๆ
เซียวเจินเริ่มลังเล แต่พอคิดถึงเซียวอวี้อนุญาตแล้ว เขาก็มีท่าทีลำบากใจขึ้นมา
“เสด็จแม่ เสด็จพ่อทรงอนุญาตแล้ว”
ฮองเฮาได้ฟังเซียวเจิน ก็รีบหันไปมองเซียวอวี้ “ฝ่าบาท ขอทรงเก็บรับสั่งคืนเพคะ”
เซียวอวี้มองไปยังฮองเฮา แล้วก็มองไปยังอ๋องจิ่นเซียวเจิน ครั้งนี้ทำให้เขาผิดหวังจริงๆ
เป็นถึงองค์ชายราชสกุลเซียวถึงกับถูกฮองเฮาเลี้ยงจนมีนิสัยเช่นนี้ เห็นอยู่ว่าตนเองตัดสินใจจะทำเอง แต่เพราะฮองเฮาที่มีจิตใจอ่อนแอดังอิสตรีเอ่ยก็เริ่มลังเล คนเช่นนี้คู่ควรเป็นฮ่องเต้แคว้นต้าโจวหรือ
เซียวอวี้ไม่พอใจมาก แต่ก็ขี้เกียจจะดึงดันให้เซียวเจินนำทัพไปซีเป่ย
“ในเมื่อไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป”
เซียวเจินเห็นเสด็จพ่อมีสีหน้าเย็นเยียบ ในใจก็สะอึกกึก คิดทันทีด้วยสัญชาตญาณว่าจะแสดงท่าทีว่าตนเองยินดีไปซีเป่ย แต่ฮองเฮาก็ดึงเขาให้เขาถวายบังคมลาออกไป
เซียวอวี้นวดหว่างคิ้วตนเองอย่างปวดหัว ก่อนหน้านี้เขาได้อนุญาตตามคำขอของอ๋องจิ่น ราชสำนักต่างรู้ว่าครั้งนี้อ๋องจิ่นนำทัพไปซีเป่ยด้วยตนเอง ปรากฏอ๋องจิ่นเปลี่ยนใจหัวหดกระทันหัน ที่นี่จะทำอย่างไรดี
เซียวอวี้ครุ่นคิด พลันเลิกคิ้วให้ตงหลินเข้ามา ตงหลินรับคำรีบออกไปนำเรื่องนี้รายงานต่อเซียวเหวินอวี๋
ตกค่ำ เซียวเหวินอวี๋มาขอราชโองการ ยินดีนำทัพไปซีเป่ย
เซียวอวี้อนุญาต!