ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 82 เจ้าเด็กนี่
ตอนที่ 82 เจ้าเด็กนี่
ลู่เจียวยกเก้าอี้จากห้องโถงเข้าไปในห้องนอน แล้วเชิญอาจารย์เฉินและอาจารย์แม่นั่งลง
นางเดินออกไปรินน้ำหวานมาสองถ้วย เห็นถ้วยเก่าชำรุดใบนั้น นางก็ถอนหายใจอีกครั้ง พรุ่งนี้ต้องไปซื้อชุดใหม่จริงๆ แล้ว ทางที่ดีที่สุดก็คือซื้อถ้วยชามาชุดหนึ่ง ใบชายงไม่ต้องซื้อ ก่อนหน้านี้ชาที่สหายร่วมชั้นเรียนของเซี่ยอวิ๋นจิ่นให้มาก็นับว่าไม่เลว
ลู่เจียวคิดพลางยกน้ำหวานเข้าไปสองถ้วย เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองอาจารย์เฉินด้วยความตื่นเต้นดีใจ “ท่านอาจารย์ ข้านึกไม่ถึงเลยว่าท่านจะมาเยี่ยมข้าเช่นนี้”
คำพูดนี้ออกจากปาก ลู่เจียวก็รู้ว่าอาจารย์เฉินท่านนี้มีความหมายสำหรับเขามาก
อาจารย์เฉินที่อยู่ข้างเตียงยื่นมือไปตบมือของเซี่ยอวิ๋นจิ่น พร้อมเปรยว่า “ข้าพอได้ยินเรื่องที่เกิดกับเจ้าแล้ว เหตุใดเจ้าถึงอับโชคเช่นนี้หนอ ไปโดนคนอื่นชนได้อย่างไร”
ลู่เจียวนำน้ำหวานไปให้ทั้งสองท่าน พวกเขารับไว้โดยไม่รังเกียจแม้แต่น้อย
อาจารย์แม่ยังให้ลู่เจียวนั่งลงอย่างเกรงอกเกรงใจ ลู่เจียวไม่นั่ง เพราะเหมือนพวกเขามีเรื่องส่วนตัวจะคุยกัน นางไม่อยากรบกวน
ลู่เจียวกล่าวทักอาจารย์เฉินและอาจารย์แม่เสร็จก็เดินออกไป
เซี่ยอวิ๋นจิ่นที่อยู่ในเรือนพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “อาจารย์อย่ากังวลใจไป ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว ก่อนหน้านี้ลู่เจียวเชิญหมอมา หมอบอกว่าขาของข้ารักษาได้”
อาจารย์เฉินทวนถามอย่างดีใจ “จริงหรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้ารับ “จริง หมอฉีที่เพิ่งมาทำงานในหอยาเป่าเหอเป็นหมอเฉพาะทางด้านผ่าตัด เขาบอกว่าขาของข้าจะหายหลังผ่าตัด อาจารย์ไม่ต้องห่วง”
อาจาย์เฉินได้ยิน สีหน้าก็ยิ้มแย้มแจ่มใสทันที เซี่ยอวิ๋นจิ่นเป็นศิษย์ที่ฉลาดที่สุดของเขา ไม่เช่นนั้นตอนนั้นเขาก็คงไม่มาตามเขาให้กลับไปเรียนถึงที่บ้าน ตนวางแผนไว้ว่าจะให้บุตรีคนเล็กแต่งงานกับเขา ใครจะไปรู้ว่าจะเกิดเรื่องขึ้นก่อน
อาจารย์เฉินนึกถึงบุตรีตัวเองก็รู้สึกเจ็บปวดใจเล็กน้อย แววตาแดงระเรื่อขึ้นมาเทันที
เซี่ยอวิ๋นจิ่นที่อยู่บนเตียงเห็นท่าทางของอาจารย์เฉินก็รู้ว่าเขานึกถึงอะไร จึงพูดอย่างเศร้าใจ “ขอโทษอาจารย์จริงๆ เป็นความผิดของข้าเอง”
อาจารย์เฉินส่ายศีรษะ “ไม่โทษเจ้า โทษพวกเราที่ตาไม่ดีเอง ต่อไปก็อย่าเก็บเรื่องนี้ไปคิดอีก”
อาจารย์แม่ก็เอ่ยขึ้น “เป็นเช่นนั้น เรื่องของอิงเอ๋อร์ก็ไม่โทษเจ้า ท่านอย่าโทษตัวเองเลย เรื่องมันผ่านไปแล้ว เจ้าไม่โทษอาจารย์กับข้าก็พอแล้ว หลายปีมานี้ เพราะเรื่องของอิงเอ๋อร์ พวกเราเลยไม่ไปมาหาสู่กับเขา”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ยินคำพูดของอาจารย์แม่ก็พยายามลุกขึ้นมานั่ง แต่อาจารย์เฉินรีบรั้งเขาไว้
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพูดอย่างจริงจัง “พระคุณของอาจารย์ดุจขุนเขา ชีวิตนี้ข้าไม่มีวันลืมพระคุณอันยิ่งใหญ่ของท่านเด็ดขาด”
อาจารย์เฉินโบกมือ “นี่ล้วนเป็นเพราะความขยันหมั่นเพียรของเจ้าต่างหาก ไม่ได้เป็นเพราะข้าเสียหน่อย”
อาจารย์แม่ถามด้วยความเป็นห่วง “ตอนนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว ผ่าตัดได้แล้วหรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้า “ร่างกายฟื้นฟูได้ไม่เลว ถ้าไม่เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น สองสามวันนี้น่าจะผ่าตัดได้แล้ว”
“ผ่าตัดวันไหน ถึงเวลาช่วยบอกพวกเราที”
ทั้งสามกำลังสนทนากัน แฝดสี่ก็โผล่หัวเข้ามาจากประตู
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเรียกพวกเขาเข้ามา “รีบมาทักทายอาจารย์พ่อและอาจาย์แม่”
สี่แฝดรีบวิ่งเข้ามา ขานเรียกอาจารย์พ่อและอาจารย์แม่อย่างเชื่อฟัง “อาจารย์ปู่ขอรับ อาจารย์ย่าขอรับ”
แฝดสี่ใส่แต่งตัวเหมือนกัน อาจารย์เฉินและอาจารย์แม่จึงแยกไม่ออกว่าใครคือใคร
แต่เห็นพวกเขารู้จักกาลเทศะเช่นนี้ ก็อดยื่นมือไปลูบศีรษะพวกเขาไม่ได้ “เด็กดีจริงๆ”
อาจารย์แม่เอาลูกกวาดออกจากถุงบุหงา แล้วยื่นให้พวกเขา
แฝดสี่รีบกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณอาจารย์ย่าแล้ว”
มารดาของพวกเขาเคยสอนว่าต้องมีมารยาท เด็กที่ไม่มีมารยาทเป็นเด็กไม่ดี ตอนนี้พวกเขาสี่คนจึงมีมารยาทมากๆ ไม่ต้องให้ลู่เจียวสอนอีก
อาจารย์แม่ก็ชื่นใจมาก จึงพยักหน้าไม่หยุด สายตากวาดมองจากต้าเป่าไปด้านหลัง ตอนที่นางเห็นซื่อเป่าก็ตะลึงงันไปทันที เจ้าเด็กนี่?
อาจารย์แม่ยังไม่ทันได้ครุ่นคิดอย่างละเอียด ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากข้างนอกเสียก่อน “ได้ยินว่าอาจารย์เฉินมาหรือ”
ผู้ที่มาเยือนคือผู้ใหญ่บ้านเซี่ยฟู่กุ้ย ในหมู่บ้านนอกจากเซี่ยอวิ๋นจิ่นแล้ว ยังมีเด็กบ้านอื่นที่เคยไปเรียนหนังสือกับอาจารย์เฉิน
เซี่ยฟู่กุ้ยกำลังหาเงินให้ต้าโถวไปร่ำเรียนกับอาจารย์เฉิน ตอนนี้ได้ยินว่าอาจารย์เฉินมาเยือนถึงหมู่บ้านจึงรีบตามมา
อาจารย์เฉินลุกขึ้น เขารู้จักเซี่ยฟู่กุ้ย จึงสนทนาด้วยอย่างเกรงอกเกรงใจ
ลู่เจียวขนเก้าอี้เข้าไปด้านในอีกหนึ่งตัว แล้วถือโอกาสเอาถ้วยเปล่าของอาจารย์เฉินและอาจารย์แม่ออกมาเก็บ
อาจารย์แม่เห็นท่าทีของลู่เจียว ก็อดมองนางไม่ได้ แม่นางผู้นี้ค่อนข้างประณีตใส่ใจ วาจาและท่าทีไม่อ่อนน้อมและถือตัวเกินไป ไม่เหมือนเป็นสาวชนบทเลย
แต่เหมือนชื่อเสียงของนางไม่ค่อยดีไม่ใช่หรือ นี่เพราะอะไรกันแน่
แฝดสี่เดินตามหลังลู่เจียวไปด้านนอก คนในเรือนตะวันออกเริ่มพูดคุยกัน
อาจารย์เฉินและอาจารย์แม่นั่งคุยสักพักก็กลับ
เซี่ยฟู่กุ้ยเดินมาส่งเป็นเพื่อนพวกเขาตลอดทาง ลู่เจียวเองก็ลุกขึ้นมาส่งพวกเขาเช่นกัน จนกระทั่งผู้ชราทั้งสองขึ้นเกวียนวัว ลู่เจียวจึงพูดอย่างเกรงใจ “ถ้าขาของอวิ๋นจิ่นหายเมื่อไร จะให้เขาไปเยี่ยมเยียนพวกท่านที่บ้านนะเจ้าคะ”
อาจารย์แม่มองลู่เจียวแล้วพูดอย่างอ่อนโยน “ถึงเวลาเจ้าก็มาด้วยล่ะ พาเด็กๆ มาด้วย”
ลู่เจียวโบกมืออำลาพวกเขาด้วยรอยยิ้ม
พอพวกเขาจากไป ลู่เจียวก็หันไปคุยกับเซี่ยฟู่กุ้ย “ผู้ใหญ่บ้าน พรุ่งนี้ท่านจะเข้าเมืองหรือไม่ ข้าอยากเข้าเมือง อวิ๋นจิ่นบอกว่าเขาดีขึ้นเยอะแล้ว จะให้ข้าไปหารือกับหมอฉีให้เริ่มผ่าตัดโดยเร็วที่สุด”
เซี่ยฟู่กุ้ยได้ยินเรื่องนี้ก็รีบพูดอย่างดีใจ “พรุ่งนี้ให้เกวียนวัวข้าไปส่งเจ้าเถอะ”
เขาพูดจบก็ถามด้วยความเป็นห่วง “ให้ข้าไปเป็นเพื่อนเจ้าหรือไม่”
กล่าวจบก็รู้สึกว่าคำพูดนี้ไม่เหมาะสม เขาไปเป็นเพื่อนภรรยาของอวิ๋นจิ่นจะเหมาะสมได้อย่างไร เซี่ยฟู่กุ้ยจึงหัวเราะเก้อเขิน “ข้าให้พี่สะใภ้เจ้าไปเป็นเพื่อนเจ้าเถอะ”
ลู่เจียวส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องหรอก ข้ากับหมอฉีสนิทกันแล้ว แค่ไปถามเขาว่าผ่าตัดได้หรือยัง ถ้าผ่าตัดวันมะรืนเลยจะได้หรือไม่ อวิ๋นจิ่นค่อนข้างใจร้อน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นใจร้อนจริงๆ เขาอยากรีบผ่าตัดให้เสร็จ จะได้รู้ว่าตัวเองเดินได้หรือไม่
แม้หมอฉีบอกว่าผ่าตัดแล้วจะเดินได้ แต่เขาก็ยังไม่ค่อยอยากเชื่อ
เซี่ยฟู่กุ้ยได้ยินคำพูดของลู่เจียวก็พลอยตื่นเต้นดีใจ “ถ้าผ่าตัดมะรืน พวกเราจะไปส่งเขา นี่เป็นเรื่องใหญ่ของหมู่บ้านเชียวนะ”
เซี่ยฟู่กุ้ยพูดจบก็หันหลังเดินออกไป “เรื่องนี้ข้าจะไปปรึกษากับจู๋จ่างสักหน่อยก่อน ดูว่าจะให้ใครไปส่งอวิ๋นจิ่นผ่าตัด นี่เป็นเรื่องสำคัญของหมู่บ้านเซี่ยเชียวนะ”
ลู่เจียวมองเซี่ยฟู่กุ้ยที่เดินกระโดดโลดเต้นไปไกลอย่างไร้คำบรรยาย นี่ข้ายังไม่แน่ใจเวลาเลย
ทว่าเซี่ยฟู่กุ้ยเดินไปไกลแล้ว ลู่เจียวทำได้เพียงหันหลังกลับไปในลานบ้าน ซื่อเป่าเดินมาจูงมือนางแล้วถาม “ท่านแม่ เมื่อกี้อาจารย์ปู่และอาจารย์ย่าที่ให้ลูกกวาดพวกเราคือใครหรือ”
“พวกเขาคืออาจารย์พ่อและอาจารย์แม่ที่คอยสอนบิดาเจ้า”
ซื่อเป่าแค่ร้องอ้ออย่างไม่ค่อยใจ
“ท่านแม่ คืนนี้พวกเราจะได้ใส่ชุดนอนนอนใช่ไหม”
ลู่เจียวพยักหน้า “ใช่”
ยังดีที่ห้วงอากาศของนางมียากันยุง สมัยนี้ถ้าใส่กางเกงขาสั้นนอน คงจะโดนยุงกัดตาย
ซื่อเป่านึกถึงกางเกงขาสั้นนั่น ก็ใช้มือชี้ขนาดความยาวกางเกงด้วยใบหน้าเขินอาย “กางเกงตัวนั้นสั้นเกินไปแล้ว ท่านแม่ น่าอายจัง”