ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 697 ความจริง
ตอนที่ 697 ความจริง
มือปราบซย่าสีหน้าย่ำแย่อย่างยิ่ง เขาเป็นมือปราบเมืองหนิงโจว แต่ไรมาไม่มีคนกล้ามาหาเรื่อง ชาวบ้านปลูกชาน่ารังเกียจพวกนี้ถึงกับกล้าต่อต้านเขา รนหาที่ตายเสียจริง
มือปราบซย่าครุ่นคิดแล้วก็โมโหเดือดดาล พุ่งเข้าไปยกเท้าถีบใส่หน้าชาวบ้านปลูกชาคนหนึ่ง
ชาวบ้านปลูกชาเดิมสุขภาพก็ไม่ดี ถูกถีบเช่นนี้ก็ถึงกับกระอักโลหิตออกมาทันที
ชาวบ้านปลูกชาถูกยั่วยุ ก็โมโหถลึงตาใส่มือปราบซย่า มือปราบซย่าโมโหตวาดว่า “รีบไสหัวไป หากไม่ไสหัวไป พวกเจ้าก็จะโดนไปด้วย”
ชาวบ้านปลูกชายี่สิบกว่าคนหวาดกลัวกันขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณทันที แต่พอพวกเขาคิดถึงคนเบื้องหลัง ที่ให้เงินพวกเขา พวกเขาก็ไม่ถอย ควรรู้หากพวกเขาประท้วงสำเร็จ คนเบื้องหลังบอกว่าจะให้พวกเขาครอบครัวละยี่สิบตำลึง
ยี่สิบตำลึงสำหรับชาวบ้านปลูกชาแล้วนับว่าเป็นจำนวนมหาศาล ใบชาที่พวกเขาปลูกชั่งละสิบห้าเหวิน หากเป็นใบชาดีก็ต้องสามสิบเหวิน เงินเล่านี้พอจะเลี้ยงให้ครอบครัวอิ่มท้องได้
ยี่สิบตำลึงเป็นจำนวนมหาศาล คนเรายอมตายเพื่อเงินทอง ดังนั้นพวกเขาสู้ตายแล้ว
ชาวบ้านปลูกชาไม่ได้ถอยกลับ ต่างพากันจ้องมองอย่างโมโห
ทำให้มือปราบซย่ายิ่งโมโหเดือดจัด และเขารู้ว่าไม่อาจปล่อยให้คนเหล่านี้อยู่ตรงนี้ต่อไปได้ หากปล่อยไว้ถูกพวกเซี่ยถงจือสืบพบผู้อยู่เบื้องหลังพื้นที่เพาะปลูกชา พวกเขาก็คงโชคร้ายแล้ว
มือปราบซย่าครุ่นคิดแล้วก็ก้าวเข้าไปรวดเร็ว ออกคำสั่งว่า “ไสหัวไปซะ หากยังไม่ไปอีก ก็จะจับพวกเจ้าเข้าคุกให้หมด จับไปขังเสียเลย”
เขากล่าวจบก็เห็นทุกคนนิ่ง จึงได้ออกคำสั่งให้มือปราบด้านหลังว่า “พวกเจ้า นำตัวชาวบ้านก่อการประท้วงไปขังคุกให้หมด”
มือปราบซย่าสั่งการลงไป มือปราบด้านหลังก็ก้าวเข้ามาด้วยท่าทีดุดัน เตรียมจับตัวชาวบ้านปลูกชา
ชาวบ้านปลูกชารีบส่งเสียงร้องไห้ดัง “ไม่ได้การแล้ว เจ้าหน้าที่จะจับกุมคนแล้ว พวกเขาจะฆ่าพวกเราแล้ว พวกเขาจะฆ่าคนแล้ว”
ชาวบ้านปลูกชาส่งเสียงตะโกนดัง ทำเอาคนโดยรอบต่างตกใจ
ยามนี้รถม้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นแล่นกลับมาพอดี เขาลงจากรถม้า เห็นคนมุงดูเรื่องวุ่นวายหน้าประตูที่ทำการ มือปราบซย่ากำลังสั่งการให้จับกุมตัวด้วยท่าทีดุดัน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ก้าวเข้ามาตวาดด้วยสีหน้าเยียบเย็นว่า “หยุดนะ”
มือปราบซย่าหันหน้าไปเห็นว่าเป็นเซี่ยอวิ๋นจิ่น สีหน้าก็พลันแปรเปลี่ยน เขารีบอธิบายว่า “ใต้เท้า ข้าน้อยกำลังจะจับกุมตัวชาวบ้านเหิมเกริมพวกนี้ไปเข้าคุก เอาไปขังไว้”
เขากล่าวจบยิ้มเอ่ยว่า “ใต้เท้าคงเหนื่อยแล้ว รีบเข้าไปพักผ่อนเถิด”
มือปราบซย่ากล่าวจบก็คิดจะเชิญเซี่ยอวิ๋นจิ่นเข้าไปพักผ่อน
ชาวบ้านหน้าประตูที่ทำการแอบกระซิบบอกชาวบ้านปลูกชา “ท่านนี้ก็คือใต้เท้าทรงธรรมแห่งเมืองหนิงโจว ใต้เท้าเซี่ย หากพวกเจ้ามีความคับแค้นใจก็ร้องเรียนกับเขาได้ เขาจะออกหน้าช่วยชาวบ้านเอง”
ชาวบ้านปลูกชาพอได้ฟังวาจานี้ รีบพุ่งไปคุกเข่าตรงหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่น “ใต้เท้าเซี่ย ขอท่านได้โปรดออกหน้าช่วยพวกเราด้วย”
“ขอใต้เท้าเซี่ยได้โปรดออกหน้าช่วยพวกเราด้วย หากใต้เท้าไม่ยอมออกหน้าช่วยพวกเรา พวกเราก็คงไม่รอดแล้ว”
“ใช่ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเราก็ไร้ทางดำรงชีวิตแล้ว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นชะงักฝีเท้าหันไปมองชาวบ้านปลูกชา
ยามนี้รถม้าหลินจือฝู่เร่งกลับมาพอดี พอเห็นชาวบ้านปลูกชาคุกเข่าอยู่หน้าประตูที่ทำการ รอบๆ ยังมีชาวบ้านมุงดูกันอีกไม่น้อย
หลินจือฝู่รู้สึกเพียงแค่ใจเต้นระส่ำหวาดกลัว เขาก้าวเข้าไปโมโหตวาดว่า “ก่อเรื่องอันใดกัน”
มือปราบซย่ารีบเข้ามารายงานว่า “ใต้เท้า ชาวบ้านเหิมเกริมพวกนี้ก่อเรื่องประท้วง”
“ในเมื่อชาวบ้านเหิมเกริมพวกนี้ก่อเรื่องประท้วง ก็รีบจับพวกเขาไปขังคุกสิ”
มือปราบซย่ารับคำสั่งจะไปจับกุม
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเอ่ยขึ้นว่า “ใต้เท้า อย่างไรก็ควรถามรายละเอียดก่อนดีกว่า”
หลินจือฝู่เลิกคิ้ว กล่าวว่า “เซี่ยถงจือ ข้าเป็นจือฝู่เมืองหนิงโจว เจ้าเป็นแค่ถงจือ การตัดสินใจของข้าไม่ต้องให้เจ้ามาคอยคัดค้าน”
เซี่ยถงจือพยักหน้าเล็กน้อย “ควรเป็นตามนี้ แต่ข้ารับเบี้ยหวัดจากราชสำนัก ไม่ใช่เบี้ยหวัดใต้เท้าหลินหากใต้เท้าหลินปฏิบัติงานดำรงความเป็นธรรม ข้าก็ไม่มีสิทธิ์ซักถาม แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าใต้เท้าหลินปฏิบัติงานไม่ดำรงความเป็นธรรม ข้าก็จำต้องขอซักถามมากสักสองสามคำ”
เขากล่าวจบหันไปมองชาวบ้านปลูกชา กล่าวน้ำเสียงหนักแน่นว่า “พวกเจ้าเล่ามาว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น”
ใต้เท้าหลินเห็นชาวบ้านปลูกชาจะพูด ก็ตวาดดังว่า “พวกเจ้าชาวบ้านเหิมเกริมพวกนี้ กล้าพูดจาเหลวไหล ดูว่าข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร”
ชาวบ้านปลูกชาตกใจสะดุ้ง พวกเขาไม่ลืมว่าที่พวกเขายากจนเช่นนี้ เพราะจือฝู่เมืองหนิงโจวผู้นี้กดราคา
ตอนนี้หากพวกเขาพูด เกรงว่าจือฝู่เมืองหนิงโจวผู้นี้จะตามคิดบัญชีหลังฤดูใบไม้ร่วง ถึงตอนนั้นพวกเขาทั้งครอบครัวก็อาจจะโชคร้ายกันหมด
ชาวบ้านปลูกชาพลันลังเล ไม่กล้าเอ่ย
หลินจือฝู่ผ่อนคลายความกังวลลงได้ทันที แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับเอ่ยว่า “อย่าได้กลัว หากพวกเจ้ามีเรื่องคับแค้นทุกข์ใจอันใดก็มาฟ้องร้องกับข้าได้ แม้ว่าข้าไม่ได้ตำแหน่งใหญ่เท่าหลินจือฝู่ แต่ก็พอจะออกหน้าให้ความเป็นธรรมได้ ตามหลักการแล้วจือฝู่ควรออกหน้าให้ความเป็นธรรมแก่ราษฎร หากไม่อาจทำได้ ราชสำนักรู้ก็คงเอาผิดลงโทษ”
วาจานี้แทบจะกล่าวว่าหากหลินจือฝู่ไม่ออกหน้าให้ความเป็นธรรมแก่ราษฎร ราชสำนักจะลงโทษ
ชาวบ้านปลูกชาเดิมเห็นแก่ยี่สิบตำลึง ตอนนี้ได้ฟังคำเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็อดเอ่ยเสียงดังขึ้นไม่ได้ว่า “ใต้เท้า พวกเราไม่ปลูกชาแล้ว พวกเราอยากเลิกปลูกชา หันมาปลูกสมุนไพรแทน แต่เพราะปลูกชาเป็นคำสั่งทางการ หากพวกเราจะไม่ปลูกชา หันไปปลูกอย่างอื่น ก็ต้องขอเอกสารเป็นทางการจากทางราชสำนักก่อนจึงจะได้”
“ใต้เท้า พวกเราแต่ละครอบครัวปลูกชา ทุกครอบครัวยากจนมาก ขอใต้เท้าเรียกคืนคำสั่งทางการ ให้พวกเราเปลี่ยนไปปลูกสมุนไพรเถอะขอรับ”
“ขอใต้เท้าสงสารครอบครัวพวกเราด้วย ขอใต้เท้าเรียกคืนคำสั่งทางการด้วย”
หลินจือฝู่สีหน้าดำคล้ำ แย่งพูดก่อนเซี่ยอวิ๋นจิ่น ตวาดอย่างโมโหว่า “เหิมเกริม ปลูกใบชาเป็นคำสั่งทางการ พวกเจ้าถึงกับคิดจะเปลี่ยนคำสั่ง พวกเจ้าบังอาจเกินไปแล้ว”
กล่าวจบไม่รอให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นเอ่ย ก็ออกคำสั่งมือปราบซย่าว่า “จับกุมตัวชาวบ้านเหิมเกริมพวกนี้ไปเข้าคุกให้หมด”
มือปราบซย่าพุ่งเข้าไปจะจับกุม สีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นเย็นเยียบ สั่งจ้าวเหิงกับลูกน้องตนด้านหลังว่า “ขวางพวกมือปราบซย่าไว้”
จ้าวเหิงพุ่งเข้ามาขวางพวกมือปราบซย่า
เซี่ยอวิ๋นจิ่นก้าวเดินมาตรงหน้าชาวบ้านปลูกชา เอ่ยถามอย่างแปลกใจ “เหตุใดพวกเจ้าจึงคิดยกเลิกปลูกชา หันไปปลูกสมุนไพรแทนเล่า ใบชาเป็นของมีราคามากนะ”
ชาวบ้านปลูกชาส่งเสียงตะโกนดังว่า “ใต้เท้า ใบชาพวกเราปลูกชั่งละสิบห้าเหวิน คุณภาพดีก็สามสิบเหวิน เดิมใบชาก็เบา หนึ่งชั่งได้เงินแค่นี้ ดอยชาผืนกว้าง แต่หาเงินได้แค่เท่าไรกัน ปลูกสมุนไพรถูกหน่อยก็ยี่สิบสามสิบเหวิน แพงหน่อยก็สองสามร้อยเหวิน หากปลูกโสมคนเห็ดหลินจืออันใดได้ เช่นนั้นก็ยิ่งขายได้ราคาหลายเท่า”
“ใต้เท้า ท่านว่าพวกเราเหมือนคนมีเงินไหม ครอบครัวพวกเราทั้งคนแก่และเด็กล้วนปลูกชาบนดอย ปรากฏพอแค่มีกินเท่านั้น เสื้อผ้าก็ไม่กล้าซื้อ ป่วยก็ไม่มีเงินรักษา ใต้เท้า ขอท่านได้โปรดส่งฎีกาแจ้งทางการ อนุญาตให้พวกเราหันมาปลูกสมุนไพรเถอะนะ”
สีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นพลันเย็นเยียบ เขาหันไปมองหลินจือฝู่ที่มีสีหน้าซีดเผือด กล่าวน้ำเสียงหนักแน่นว่า “หลินจือฝู่ นี่ไม่ปกติแล้วกระมัง เหตุใดข้าจำได้ว่าในสมุดบัญชีเรื่องชา ใบชาแบ่งออกเป็นเก้าระดับ ระดับล่างที่สุดก็คือชั่งละสิบห้าเหวิน แต่หากเป็นใบชาชั้นหนึ่ง หนึ่งชั่งก็ต้องสี่ร้อยยี่สิบเหวินกระมัง”