ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 678 จิ้งจอก
ตอนที่ 678 จิ้งจอก
เจิ้งจื้อซิ่งกล่าวต่ออีกว่า “ท่านพ่อตาคิดดูข้าแต่งกับเป่าจูมาหกปี ตอนนี้นางมีบุตรสาวให้ข้าเพียงคนเดียว หากข้ารังเกียจนางจริง เหตุใดจึงไม่ทอดทิ้งนางก่อนหน้า หลายปีมานี้ ข้าเคยไม่ดีต่อนางหรือไม่ หากท่านพ่อตาไม่เชื่อก็ไปสืบข่าวที่อำเภอชิงเหอ หลายปีมานี้ ข้าดีกับนางมาก”
เพื่อนบ้านรอบๆ ได้ฟัง คนไม่น้อยก็เริ่มเห็นใจเจิ้งจื้อซิ่ง หันมาคิดถึงการสืบทอดวงศ์ตระกูล จู้เป่าจูแต่งมาตระกูลเจิ้งได้หกปี กลับไม่มีบุตรชายให้ใต้เท้าเจิ้ง หญิงเช่นนี้ถูกหย่าก็สมน้ำหน้า ถูกลดสถานะเป็นอนุก็เป็นเรื่องปกติ
ลู่เจียวมองการแสดงของเจิ้งจื้อซิ่ง ก็รู้สึกเพียงแค่สะอิดสะเอียนยิ่ง เดิมนางไม่คิดไปศาล ตอนนี้เพราะการปรากฏตัวของชายเคราแพะ นางได้แต่ตามบิดาและพี่ชายจู้เป่าจูไปที่ทำการสักครั้ง
ลู่เจียวครุ่นคิดมองไปยังบิดาและพี่ชายจู้เป่าจูกล่าวว่า “พวกเราพาเป่าจูไปที่ทำการ ขอให้ใต้เท้าหูตัดสินผิดถูกอย่างยุติธรรม ไม่ต้องมาถกเถียงกับคนจอมปลอม”
บิดาและพี่ชายแบกจู้เป่าจูขอบตาแดง ตามลู่เจียวไปขึ้นรถม้า
เจิ้งจื้อซิ่งรีบก้าวเข้ามากล่าวกับจู้เป่าจูว่า “เป่าจู เจ้าเป็นคนตระกูลเจิ้ง เหตุใดจึงไม่สนใจเกียรติยศของตระกูลเจิ้งข้า”
แววตาเต็มไปด้วยการตักเตือนข่มขู่
จู้เป่าจูกลัวเขาขึ้นมาทันทีด้วยสัญชาตญาณ แต่เห็นบิดาและพี่ชายตนแล้วก็ยืนยันความต้องการของตนต่อ นางเงยหน้ามองเจิ้งจื้อซิ่งกล่าวว่า “เจิ้งจื้อซิ่ง เจ้าหมาป่าหุ้มหนังแกะ ถึงกับบอกว่าข้าป่วย ข้าโมโหก็เพราะเจ้าไม่เพียงแต่ทุบตีข้า ยังลดสถานะภรรยาข้าไปเป็นอนุ แม้ว่าตระกูลเจิ้งไม่ใช่ตระกูลร่ำรวย แต่ก็ไม่ควรต้องมากลายเป็นอนุ หากเจ้าใจกว้างจริง ก็ควรหย่าข้า แต่เจ้ากลับเป็นคนชั่วช้าต่ำทราม เจ้าไม่หย่าข้า เจ้ายังคิดเอาชีวิตข้า คิดให้ข้าตายที่ตระกูลเจิ้งเจ้า”
คำพูดจู้เป่าจูก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ต่างคนต่างพูดจากันไปหลากหลาย ในนี้มีคนไม่น้อยแอบกระซิบกันว่า
“ที่เหนียงจื่อผู้นี้พูดมาก็มีเหตุผล เจ้าหย่านางให้กลับบ้านไปก็ได้ เหตุใดต้องลดนางเป็นอนุด้วย ยังคิดทรมานนางให้ตายอีก”
“เห็นชัดว่าคนผู้นี้ไร้คุณธรรม ข้าสงสัยว่าอนุเขาไม่ได้ป่วยอันใด เขาแต่งเรื่องเท็จ”
คำพูดใดๆ ล้วนหยิบมากล่าวกันหมด สีหน้าเจิ้งจื้อซิ่งเคร่งเครียดเย็นเยียบอย่างที่สุด เขาคิดไม่ถึงว่าจู้เป่าจูถูกเขาทุบตีเช่นนี้ ยังจะกล้าว่าเขา นางคิดว่าหนีรอดจากตระกูลเจิ้งหรือ แน่ใจแล้วหรือ นางฝันไปเถอะ
เจิ้งจื้อซิ่งจ้องมองจู้เป่าจูแววตาเย็นเยียบ จู้เป่าจูไม่กล้าสบตาเขา หันไปมองทางอื่นแทน
เจิ้งจื้อซิ่งยังคิดสร้างความชอบธรรมให้ตนเอง ลู่เจียวกลับไม่เปิดโอกาสให้เขา กล่าวกับจ้าวเหิงว่า “รีบพาพ่อลูกตระกูลจู้กับเป่าจูไปที่ทำการ”
เจิ้งจื้อซิ่งได้ยินว่าจะไปที่ทำการ รีบส่งเสียงห้าม “ไม่ได้ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวตระกูลเจิ้งข้า มีเรื่องไปถึงที่ทำการ ตระกูลเจิ้งข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด”
บิดาจู้เป่าจูย่อมไม่เกรงใจ กล่าวว่า “เจ้าลดสถานะบุตรสาวข้าไปเป็นอนุก็ไม่มีที่ให้เจ้าไว้หน้าแล้ว คนอื่นที่ไหนไม่รู้ว่าเจ้าลดสถานะภรรยาเป็นอนุ ตอนนี้เจ้ากลับบอกเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
บิดาจู้เป่าจูกล่าวจบก็อุ้มเจิ้งเมี่ยวหันหลังเดินขึ้นรถม้า พี่ชายจู้เป่าจูเองก็แบกจู้เป่าจูตามขึ้นรถม้า
เจิ้งจื้อซิ่งขมวดคิ้วมองตามรถม้าไป นิ้วมือกำแน่น
ลู่เจียวหันไปบอกกับเฝิงจือ ให้นางบอกติงเซียงไปบอกเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ว่านางจะไปที่ทำการสักหน่อย
ลู่เจียวพาเฝิงจือกับหร่วนจู๋ขึ้นรถม้าตามรถม้าตระกูลจู้ไปที่ทำการ เจิ้งจื้อซิ่งได้แต่ขึ้นรถม้ารีบตามไปที่ทำการติดๆ
ที่ทำการ หลินจือฝู่ได้รับจดหมายจากคนที่เจิ้งจื้อซิ่งส่งมา จึงได้รู้ว่าใต้เท้าหูรับคดีฟ้องร้องของสองพ่อลูกตระกูลจู้ไว้แล้ว พวกเขาฟ้องร้องนายอำเภอชิงเหอเจิ้งจื้อซิ่ง
เดิมใต้เท้าหลินไม่คิดสนใจเรื่องนี้ เจิ้งจื้อซิ่งเป็นแค่นายอำเภอเล็กๆ ช่วยอันใดเขาไม่ได้ เกี่ยวอันใดกับเขา
แต่จดหมายของเจิ้งจื้อซิ่งเอ่ยถึงอ๋องจิ้น บอกว่าอ๋องจิ้นส่งเขามาอำเภอชิงเหอ อ๋องจิ้นบอกว่าหากเขาพบปัญหาก็ให้มาขอความช่วยเหลือจากใต้เท้าหลิน
ใต้เท้าหลินเห็นว่านายอำเภอเล็กๆ ถึงกับเป็นคนที่อ๋องจิ้นส่งมา ก็รีบนำคนมาพบใต้เท้าหู
“ใต้เท้าหู ได้ยินว่าเจ้ารับคำร้องที่พ่อลูกตระกูลจู้ฟ้องร้องนายอำเภอ”
ใต้เท้าหูพยักหน้า “ใช่แล้ว”
“เรื่องนี้เหตุใดเจ้าไม่รายงานข้า กลับรับคำร้องไว้เอง”
ใต้เท้าหูมองหลินจือฝู่ด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ กล่าวว่า “ใต้เท้าจือฝู่ ข้ามีหน้าที่ดูแลคดีความ เรื่องเล็กแค่นี้หรือว่ายังต้องรายงานใต้เท้าจือฝู่ ใต้เท้าจือฝู่การงานมากมาย จะไปรบกวนใต้เท้าจือฝู่ได้อย่างไรกัน”
หลินจือฝู่โมโหกล่าวว่า “จะเหมือนกันได้อย่างไร หากเป็นเป็นคดีวิวาทะธรรมดา ข้าก็จะไม่ข้องเกี่ยว แต่ผู้ที่บิดาและพี่ชายจู้เป่าจูฟ้องเป็นขุนนางราชสำนัก เจ้าจะไม่รายงานเรื่องนี้ต่อข้าได้อย่างไร”
“นายอำเภอเจิ้งเป็นขุนนางที่ราชสำนักส่งมา เขาเพิ่งจะมารับตำแหน่งก็มีชาวบ้านมาฟ้องร้อง เรื่องนี้หากมีเรื่องกันต่อไป ราชสำนักเราจะดูไม่ดี เจ้ารีบไปยกเลิกคำร้องนี้ทิ้งเสีย”
ใต้เท้าหูนิ่งอึ้งไปทันที ไม่รู้ว่าควรตอบเช่นไร
นอกประตู เซี่ยอวิ๋นจิ่นเดินเข้ามากล่าวน้ำเสียงเนิบนาบว่า “ใต้เท้าหลินช่างคิดเพื่อราชสำนักเราเสียจริง แต่กฎแคว้นต้าโจวเรา องค์ชายทำผิด มีโทษเฉกเช่นสามัญชน นายอำเภอตัวเล็กๆ ทำผิด ไม่อาจไต่สวนหรือ”
“ข้ารู้สึกสงสัยคดีนี้มาก หรือว่าส่งคำร้องไปยังเบื้องพระพักตร์ฝ่าบาท ให้ฝ่าบาททรงทอดพระเนตรคำร้องว่าจะรับหรือไม่รับ”
พอเซี่ยอวิ๋นจิ่นเอ่ย ใต้เท้าหลินก็ชะงักงัน ส่งคำร้องไปยังเบื้องพระพักตร์ฝ่าบาทหรือ
คนผู้นี้คิดว่าตนเองมีความสามารถหรือ อยู่ๆ คิดอยากพบฮ่องเต้ก็พบได้ตามสบายอย่างนั้นหรือ
ใต้เท้าหลินเอ่ยเสียดสี “เจ้าคิดว่าเจ้าอยากเข้าเฝ้าก็ได้เข้าเฝ้าหรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นแสดงท่าทีไม่ยอมโอนอ่อนเพราะคำเสียดสีใต้เท้าหลิน เขายังคงยิ้มบาง หัวเราะเบาๆ อย่างสุภาพว่า “พอดีว่าก่อนหน้านี้ที่ฮูหยินข้าเข้าเมืองหลวงถอนพิษให้อ๋องเยียน พวกเราโชคดีได้เข้าเฝ้าฝ่าบาท ตอนนั้นฝ่าบาทยังคิดพระราชทานรางวัลให้ฮูหยินข้า เพียงแต่ฮูหยินข้าไม่ได้รับไว้ ท่านว่าหากพวกเราคิดส่งคำร้องนี้ไปถึงหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท จะส่งได้หรือไม่”
เรียวตาเซี่ยอวิ๋นจิ่นโค้งเผยรอยยิ้ม สีหน้าได้ใจคล้ายจิ้งจอกบรรลุเป็นเซียน
พอหลินจือฝู่ได้ฟังเขา รู้สึกเพียงแค่โลหิตพุ่งขึ้นศีรษะ ในที่สุดก็เข้าใจว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นแกล้งได้รับบาดเจ็บ ไปที่ใด ที่แท้ไปเมืองหลวงถอนพิษให้อ๋องเยียน
ใต้เท้าหลินยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหมาก สองสามีภรรยาเป็นปรปักษ์กับพวกเขาเสียทุกเรื่อง เรื่องใดก็ต้องแทรกตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง อยากสังหารพวกเขาทั้งสองคนทิ้งเสียจริง
ใต้เท้าหลินครุ่นคิดอย่างโกรธแค้น แต่กลับไม่กล้าห้ามหูทงพั่นรับคำร้องคดีนี้
ทั้งสามคนในเรือนด้านข้างกำลังมีเรื่องกันเคร่งเครียด เจ้าหน้าที่ก็เข้าประตูมารายงานว่า “ใต้เท้าหู มือปราบจ้าวนำตัวมาแล้ว”
ใต้เท้าหูมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้าเล็กน้อย ใต้เท้าหูยืดอกยืนขึ้น “ไป ไปดูหน่อย”
หลินจือฝู่กัดฟัน แต่กลับไม่กล้ารั้งไว้ ได้แต่เดินตามหลังพวกเขาไปโถงที่ว่าการศาล
บิดาและพี่ชายจู้เป่าจูพร้อมทั้งนางล้วนมากันพร้อมหน้า
แต่เจิ้งจื้อซิ่งเองก็มา
ลู่เจียวก็ตามพวกเขามาด้วย พอเซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นนางก็รู้สึกเคร่งเครียดขึ้นมา เดินเข้าไปดึงมือนางมาถามอย่างห่วงใยว่า “เจ้ามาได้อย่างไร”
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่เห็นด้วยกับการกระทำนี้ของลู่เจียว