ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 630 ปฏิเสธแล้ว
ตอนที่ 630 ปฏิเสธแล้ว
ลู่เจียวรับคำด้วยสีหน้านิ่งเฉย กล่าวว่า “พวกเขากำลังอยู่ที่เรือนด้านหน้าเป็นเพื่อนท่านพ่อพวกเขา ท่านพ่อพวกเขาได้รับบาดเจ็บ พวกเขาเสียใจมาก ดังนั้นเอาแต่อยู่เป็นเพื่อนท่านพ่อพวกเขาทั้งวัน”
ฮูหยินหลินยิ้มกล่าวว่า “ช่างเป็นเด็กกตัญญูรู้ความจริง”
ฮูหยินหลินกล่าวจบมองไปยังหลานสาวในอ้อมกอดตนเอง กล่าวว่า “ได้ยินไหม คุณชายน้อยตระกูลเซี่ยกตัญญูมาก”
หลินซิ่วหย่าอิงแอบอยู่ในอ้อมกอดฮูหยินหลินไม่ยอมแพ้ “ท่านย่า ข้าเองก็กตัญญูมาก หากท่านย่าได้รับบาดเจ็บ ข้าก็จะเสียใจอย่างมาก”
ฮูหยินหลินได้ฟังก็ราวกับคำปลอบประโลมใจให้เบิกบาน ยิ้มแก้มบานไม่หุบ
ฮูหยินทงพั่นข้างกายฮูหยินหลินพลันโบกมือ กล่าวว่า “เด็กๆ ล้วนเป็นเด็กดี อายุก็ใกล้เคียงกัน ข้าว่าน่าจะจัดเป็นคู่หมายแต่เล็ก”
พอฮูหยินทงพั่นเอ่ย บรรดาฮูหยินในห้องโถงก็หันขวับมองไปยังฮูหยินหลินกับลู่เจียว
ฮูหยินหลินไม่เอ่ยอันใด เพียงหันหน้าอมยิ้มมองลู่เจียว
ลู่เจียวไม่มองฮูหยินหลิน เงยหน้ามองไปยังฮูหยินทงพั่นกล่าวว่า “เด็กๆ ยังเล็ก หากโตขึ้นมาไม่ยินดี จะเป็นการทำร้ายพวกเขา นี่เป็นเรื่องทั้งชีวิตของพวกเขา ควรให้เด็กๆ โตอีกหน่อยค่อยพูดเรื่องนี้ดีกว่า”
“ตอนนี้เด็กๆ ยังเล็กขนาดนี้จะไปรู้เรื่องอันใด พวกเราไม่ควรจัดการแทนเด็กๆ ในตอนนี้”
พอลู่เจียวกล่าว ฮูหยินหลินก็หน้าบึ้ง หลินซิ่วหย่าในอ้อมกอดฮูหยินหลินก็โมโหเอ่ยว่า “ท่านไม่เห็นด้วยที่จะรับข้าเป็นสะใภ้บ้านท่านหรือ”
นางกล่าวจบก็ไม่รอให้ลู่เจียวเอ่ย ก็โมโหกล่าวว่า “ท่านไม่อยากรับข้าเป็นสะใภ้บ้านท่าน ข้าก็ไม่คิดเป็นสะใภ้บ้านท่าน ข้าเป็นถึงคุณหนูตระกูลหลิน ท่านแค่คนบ้านนามาจากบ้านนอก ยังคิดมาเป็นแม่สามีข้า ฝันไปเถอะ”
ฮูหยินหลินคิดไม่ถึงว่าหลานสาวตนเองถึงกับกล่าววาจาเช่นนี้ออกมา สีหน้าเปลี่ยนไปมา บัดเดี๋ยวแดงบัดเดี๋ยวขาว บัดเดี๋ยวดำ
นางถลึงตาใส่หลานสาวอย่างไม่พอใจ ตวาดว่า “หลินซิ่วหย่า เหตุใดเจ้ากล่าวกับผู้ใหญ่เช่นนี้”
หลินซิ่วหย่าเห็นท่านย่าตนโมโหก็ตกใจ ขอบตาแดงก่ำ กล่าวด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจว่า “ท่านย่า ไม่ใช่ข้าเอาแต่ใจ แต่นางไม่อยากให้ข้าเป็นสะใภ้บ้านนาง ข้าจึงได้โมโหกล่าวเช่นนั้นออกไป”
ฮูหยินหลินเห็นหลินซิ่วหย่าเช่นนี้ ในใจก็สงสารไม่ได้ นางหันไปมองลู่เจียวกล่าวว่า “ความจริงตระกูลเราไม่ได้คิดเช่นนี้ ฮูหยินทงพั่นเอ่ยออกไปเอง ฮูหยินเซี่ยอย่าได้คิดมาก”
ลู่เจียวยิ้มตอบว่า “ฮูหยินหลินวางใจ พวกเราไม่ได้คิดมาก และก็ไม่มีทางคิด เด็กๆ ยังเล็ก จะไปรู้ความอันใด รอให้พวกเขาโตแล้ว ค่อยหมั้นหมายก็ยังไม่สาย”
ฮูหยินหลินถูกวาจาลู่เจียวโต้จนสะอึก ในใจอัดอั้นจนแทบทนไม่ไหว
ฮูหยินหลินทนอยู่ต่อไปไม่ไหว นางรู้สึกเสียหน้ามาก ลุกขึ้นยืนกล่าวว่า “เอาละ วันนี้พวกเรากลับก่อน ฝากบอกเซี่ยถงจือสักคำว่าข้ามา ให้เขาพักผ่อนรักษาตัวให้ดีๆ”
“ขอบคุณฮูหยินหลินแล้ว”
ลู่เจียวลุกขึ้นออกไปส่งฮูหยินหลินกับฮูหยินทงพั่น
ฮูหยินหลินกับฮูหยินหวางเดินออกจากประตูตระกูลเซี่ยมาก็โมโหเดือดดาลเอ่ยว่า “เจ้าตัวอันใด คิดว่าตนเองมันตัวอันใด ก็แค่คนบ้านนาจากบ้านนอก ช่างกล้าตีฝีปากวางท่าวางทาง เพ้ย”
นางกล่าวจบก็ดึงหลินซิ่วหย่าขึ้นรถม้าตระกูลหลิน ฮูหยินหวางกล่าวว่า “พี่หลิน อย่าไปสนใจ นางก็แค่โมโหจนสมองเลอะเลือน สมกับที่เป็นหญิงบ้านนา ยังกล่าวอันใดนะ รอให้เด็กๆ โตก่อน เรื่องของลูกหลาน แต่ไรมาก็คำสั่งบิดามารดาวาจาแม่สื่อจัดหาคู่ครอง นางน่ะไม่เข้าใจธรรมเนียม ก็แค่หญิงบ้านนอก พี่อย่าได้โมโหคนเช่นนางจนทำเสียสุขภาพไป”
ฮูหยินหลินสงบอารมณ์ลงแล้วก็พยักหน้ากล่าวว่า “ข้ารู้แล้ว ในเมื่อพวกเขาไม่รู้ดีชั่ว ตระกูลเราก็ไม่เสียดายคนเช่นพวกเขา”
กล่าวจบก็สั่งการรถม้า “กลับ”
ฮูหยินหวางหันไปมองประตูใหญ่ตระกูลเซี่ย เบ้ปากไร้วาจาจะกล่าว หันหลังขึ้นรถม้าตนเอง
แต่ละคนก็ออกมาขึ้นรถม้าจากไป
คนหน้าประตูตระกูลเซี่ยต่างไปกันหมด
ลู่เจียวส่งพวกฮูหยินหลินกับฮูหยินหวางกลับไปแล้ว ก็ไปห้องเซี่ยอวิ๋นจิ่นที่เรือนด้านหน้า
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นสีหน้านางก็รู้ว่านางอารมณ์ไม่ค่อยดี แต่เพราะเจ้าหนูน้อยทั้งสี่อยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ถาม รอให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปนอนกลางวัน เขาค่อยถามลู่เจียว “เกิดเรื่องอะไรขึ้น สีหน้าเจ้าไม่ค่อยพอใจ”
ลู่เจียวมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “เจ้ารู้ไหม เหตุใดวันนี้ฮูหยินหลินมา ที่แท้คิดวางแผนเป็นทองแผ่นเดียวกับตระกูลเรา เจ้ารู้ไหม หลานสาวนางไร้การอบรมเพียงใด อ้าปากก็ด่าข้าว่าบ้านนาบ้านนอก สะใภ้เช่นนี้ตระกูลเซี่ยข้าไม่อาจรับไหว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นแววตาเย็นเยียบ ริมฝีปากบางเม้มแน่น
ที่แท้เขาคิดว่าไม่ข้ามเขตกัน ตอนนี้ดูท่าจะเก็บตระกูลหลินไว้ไม่ได้แล้ว หากพวกเขายังอยู่ ก็จะวางอุบายปองร้ายพวกเขาไม่หยุดไม่หย่อน
ในห้องลู่เจียวเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นสีหน้าไม่ดีนัก ก็รีบยื่นมือไปกุมมือเขาไว้ “เอาละ เจ้าเองก็อย่าได้หงุดหงิดไป ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปก็แล้วกัน”
“ตกลง”
ณ ตระกูลหลิน ฮูหยินหลินกำลังโมโหกับหลินจือฝู่ “ไม่เคยพบไม่เคยเห็นคนไม่รู้ดีชั่วเช่นนี้ ซิ่วซิ่วเราเป็นเด็กดีเพียงใด เอ่ยยกให้เป็นสะใภ้พวกเขา ถึงกับไม่เห็นด้วย ตระกูลพวกเขาก็แค่บ้านนอกคอกนา มีอันใดใหญ่โตกัน”
ฮูหยินหลินกล่าวจบก็โทษหลินจือฝู่ ที่คิดให้หลินซิ่วหย่าหมั้นหมายกับบุตรชายตระกูลเซี่ย ล้วนเป็นความคิดหลินจือฝู่ เพียงแต่หลินจือฝู่คิดไม่ถึงว่าตระกูลเซี่ยถึงกับปฏิเสธทันที
หลินจือฝู่คิดแล้วสีหน้าก็ไม่ดีอย่างที่สุด
“หลานสาวข้าเลี้ยงดูมาอย่างดี หลานสาวข้าไม่รังเกียจบ้านนอกคอกนาเช่นพวกเขา ตระกูลพวกเขากลับรังเกียจข้า ล้วนเป็นเพราะความคิดโง่เง่าของเจ้า หากไม่ใช่เจ้าออกความคิดโง่เง่านี้ ข้าก็คงไม่ตกลงให้ซิ่วไปหมั้นหมายกับตระกูลพวกเขา”
หลินจือฝู่ไม่พอใจ ถลึงตาใส่ฮูหยินหลินตวาดว่า “เอาละ ไม่เห็นด้วยก็ไม่เห็นด้วย มีอันใดหนักหนากัน”
ฮูหยินหลินโมโหจนปวดกระเพาะ “ข้ารู้สึกเสียหน้ามาก เจ้ารู้ไหมตอนนั้นมีคนอยู่มากมายเท่าไร ฮูหยินขุนนางทั้งเมืองหนิงโจวก็อยู่ คนพวกนั้นต่อหน้าไม่กล่าวอันใด ลับหลังต้องชี้หน้าหัวเราะเยาะตระกูลหลินเรา ไปขอหมั้นหมายกับเขา ปรากฏถูกฉีกหน้าเสียได้”
หลินจือฝู่โมโหจนหน้าดำ สะบัดแขนเสื้อหันหลังเดินออกไป ฮูหยินหลินตะโกนเรียกว่า “เจ้าอย่าคิดดึงพวกเขาเป็นพวกเลยดีกว่า พวกเขามันพวกไม่รับน้ำใจเงินทอง เจ้าควรคิดหาทางรับมือจะดีกว่า”
หลินจือฝู่โมโหเดือดดาลยังตัดสินใจไม่ได้ เซี่ยอวิ๋นจิ่นเป็นขุนนางราชสำนัก สังหารก็สังหารไม่ได้ ดึงเป็นพวกก็ไม่ได้ ทำเอาเขาปวดหัวจริงๆ เอาละๆ เขาเขียนจดหมายไปถามอ๋องจิ้นสักหน่อยดีกว่า ดูว่าอ๋องจิ้นมี ความคิดเช่นใด
หลินจือฝู่ครุ่นคิดแล้วก็ตรงไปยังห้องหนังสือ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นบาดเจ็บไม่มาก นอนพักในจวนแค่สามวัน ก็ไปทำงานที่ทำการได้
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เองก็ไปเรียนที่ซีเฟิงย่วน แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นยังคงให้หลี่หนานเทียนกับจ้าวเหิงตามไปอารักขาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่
แม้ว่าตระกูลนิ่งถูกเซี่ยอวิ๋นจิ่นสยบเอาไว้แล้ว แต่ตระกูลพวกเขากับตระกูลหลินนับได้ว่าผูกปมแค้นไว้แล้ว ไม่แน่ตระกูลหลินอาจเคลื่อนไหวอันใด ดังนั้นเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวจึงเป็นห่วงเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ ให้หลี่หนานเทียนกับจ้าวเหิงคอยอารักขาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่