ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 591 ชาติกำเนิดซื่อเป่า
ตอนที่ 591 ชาติกำเนิดซื่อเป่า
ลู่เจียวพยักหน้าอย่างพอใจ มองเขากล่าวว่า “วันหน้าข้าพบเจอเรื่องใดก็จะไม่ปิดบังเจ้า”
ลู่เจียวกล่าวจบก็ไม่รอให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นเอ่ยอันใด ถามขึ้นว่า “ตอนนี้ข้าถามเจ้า เจ้ามีเรื่องอันใดปิดบังข้าอีกไหม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นนึกกินปูนร้อนท้องขึ้นมาทันที มองลู่เจียวทีหนึ่ง แต่ก็ไม่คิดปิดบังลู่เจียวอีก พวกเขาเป็นสามีภรรยากันแล้ว สามีภรรยาเป็นหนึ่งเดียว เจียวเจียวก็เหมือนตัวเขาเอง ดังนั้นจะปิดบังอันใดกัน
“เจียวเจียว ข้าแอบเปลี่ยนหนังสือหย่าเจ้า”
ลู่เจียวมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นด้วยสีหน้าตกใจ “เจ้าว่าเจ้าแอบเปลี่ยนหนังสือหย่า เช่นนั้นในมือข้าคืออันใด”
ลู่เจียวยื่นมือเข้าไปแขนเสื้อควักหนังสือหย่าออกมา เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นแล้วก็แปลกใจ เจียวเจียวเก็บหนังสือหย่าไว้กับตัวตลอดเวลาหรือ
ลู่เจียวเปิดหนังสือหย่าออกอ่าน พบว่าหนังสือหย่ายังคงเป็นหนังสือหย่า แต่ข้อความในนั้นเปลี่ยนไปแล้ว ในหนังสือหย่าเขียนไว้ว่า เซี่ยอวิ๋นจิ่นชาตินี้ไม่รับอนุ หากรับอนุ หนังสือหย่านี้ก็จะเป็นผล บุตรชายและสมบัติก็จะตกเป็นของลู่เจียวทั้งหมด
ลู่เจียวอ่านหนังสือหย่าแบบใหม่แล้วก็อดยิ้มไม่ได้ นางยกมือขึ้นโบกหนังสือหย่าแผนบางไปมา กล่าวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นว่า “นี่เจ้าพูดเองนะ ชีวิตนี้ไม่รับอนุ หากรับอนุ ลูกๆ กับสมบัติก็จะตกเป็นของข้าทั้งหมด”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเดิมเป็นห่วงลู่เจียวโมโห ปรากฏเห็นนางไม่ได้โมโห ก็ดีใจยิ้มกล่าวว่า “ได้ ชีวิตนี้ข้าจะไม่รับอนุ หากรับอนุ ลูกๆ กับสมบัติก็จะตกเป็นของเจ้าทั้งหมด แต่เจ้าคงไม่มีโอกาสนั้น ข้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นชีวิตนี้มีภรรยาเพียงคนเดียว ก็คือเจ้า!”
ลู่เจียวได้ฟังเขาก็ยิ้มสดใส นางรู้สึกว่าในเมื่อเซี่ยอวิ๋นจิ่นพูดออกมาแล้วว่าชีวิตนี้น่าจะไม่คิดรับอนุแล้วจริงๆ
ลู่เจียวยิ่งคิดก็ยิ่งดีใจ
สีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นพลันเคร่งขรึมลง เขามองลู่เจียวทำเสียงเข้มเอ่ยว่า “ยังมีเรื่องหนึ่ง ข้าอยากบอกเจ้า แต่เจ้าได้ฟังแล้วอย่าโมโหนะ และห้ามเสียใจ ข้าไม่ได้ตั้งใจปิดบังเจ้าเรื่องนี้”
ลู่เจียวเห็นสีหน้าเขาเคร่งขรึม รู้ว่าเรื่องที่เขาจะพูดต้องเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก ก็รีบทำสีหน้านิ่งมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นรอฟังอย่างตั้งใจ
น้ำเสียงเซี่ยอวิ๋นจิ่นเคร่งเครียดเล็กน้อย เล่าขึ้นว่า “เจียวเจียว ซื่อเป่าไม่ใช่บุตรชายของพวกเรา เขาเป็นบุตรชายของเฉินอิง”
ลู่เจียวเงยหน้ามองเขาอย่างตกใจ คิดว่าตนเองฟังผิด “เจ้าว่าซื่อเป่าเป็นบุตรชายเฉินอิง แต่เขาหน้าตาคล้ายเจ้ามาก?”
เพราะรูปหน้าคล้ายเซี่ยอวิ๋นจิ่น นี่เป็นเรื่องที่ทำให้นางไม่เคยรู้สึกสงสัย
ลู่เจียวไม่เคยสงสัยซื่อเป่าว่าจะเป็นบุตรชายของเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับเฉินอิง เขาน่าจะไม่ทำอันใดกับเฉินอิงทั้งที่ยังไม่ได้หมั้นหมายแต่งงานกระมัง แต่รูปหน้าซื่อเป่าเหมือนเซี่ยอวิ๋นจิ่นมาก นี่มันอันใดกัน
ลู่เจียวมีสีหน้าไม่เข้าใจ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลัวว่าลู่เจียวจะสงสัยซื่อเป่าเป็นบุตรชายของเขากับเฉินอิงก็รีบกล่าวว่า “นอกจากเขาเป็นบุตรชายเฉินอิง ยังเป็นบุตรชายอ๋องเยียนด้วย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบ ไม่รอให้ลู่เจียวเอ่ยอันใด ก็เล่าต่ออีกว่า “ครั้งก่อนเจ้าช่วยอ๋องเยียนถอนลูกธนู ข้าไปที่ตำบลเป็นเพื่อนเจ้า เห็นเขาก็มีเรื่องชกต่อยกับเขาขึ้นมา เจ้าจำได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าจำได้ว่าเขาก็คือคนที่เฉินอิงเคยช่วยเอาไว้ ในมือเฉินอิงยังมีรูปวาดของเขาภาพหนึ่ง ข้าเคยเห็นรูปวาดใบนั้น ดังนั้นจึงจำเขาได้ รู้ว่าเขาก็คือบิดาของซื่อเป่า”
“ในปีนั้นเฉินอิงไปพำนักอยู่ที่อาราม จึงได้ช่วยอ๋องเยียนไว้อย่างไม่ได้ตั้งใจ ตอนนั้นอ๋องเยียนสูญเสียความทรงจำ เฉินอิงช่วยเขาไว้และตั้งใจดูแลเขาอย่างดี ปรากฏทั้งสองคนมีใจให้กัน จึงได้อยู่ร่วมกัน ต่อมาอ๋องเยียนความจำฟื้นคืน แต่กลับลืมเรื่องเฉินอิง เขาตามลูกน้องที่มาตามหาเขากลับไป”
“ปรากฏทิ้งเฉินอิงไว้ที่อารามคนเดียว พอเขาจากไปไม่นาน เฉินอิงก็พบว่าตนเองตั้งครรภ์ นางตัดใจทำลายลูกในครรภ์ไม่ลง จึงแอบเก็บเอาไว้ แต่เพราะคิดถึงอ๋องเยียน ดังนั้นตอนคลอดจึงได้อยู่ในสภาวะไม่ค่อยดีนัก”
“ตอนนั้นนางไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับบิดามารดานาง ได้แต่แอบมาพบข้า หวังว่าข้าจะช่วยนาง พอดีว่าตอนนั้นลู่เจียวคนเดิมตั้งครรภ์ ข้าจึงรับปากเฉินอิงจะรับบุตรนางมาเลี้ยงดูชั่วคราวที่บ้านข้า รอให้นางหาคนผู้นั้นพบ ค่อยมารับบุตรกลับไป”
“แต่ผู้ใดจะรู้ว่า ต่อมานางกลับคลอดยากตายจากไป ก่อนนางตาย ดึงมือข้าให้รับปากนาง อย่าบอกเรื่องนี้กับบิดามารดาของนาง นางไม่อยากให้บิดามารดาอับอายเพราะเรื่องนี้”
“ข้ารับปากนาง จึงได้ให้เงินหมอไป ให้หมอบอกว่านางป่วยตาย จากนั้นก็ข้าอุ้มบุตรชายนางเอาไปแอบเลี้ยงไว้ก่อน สองสามวันต่อมา ลู่เจียวผู้นั้นก็คลอดบุตรชายข้า ข้าวางยาซื่อเป่าให้สลบเล็กน้อย ใส่ไว้ในกล่องอาหารยกเข้าไปในห้อง จากนั้นก็รอนางคลอด บอกนางว่าคลอดแฝดสี่ ความจริงพวกเราคลอดแฝดสาม”
ลู่เจียวมีสีหน้าราวกับถูกสายฟ้าฟาด เรื่องนี้วกวนรันทดยิ่งกว่านิยายเสียอีก แต่พอคิดถึงว่าซื่อเป่าไม่ใช่บุตรชายนาง คิ้วลู่เจียวก็ขมวดขึ้นมาทันที สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่พึงใจ เป็นนานจึงค่อยผ่อนคลายลง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นนางเช่นนี้ก็รู้ว่าในใจนางเสียใจมาก นางรักซื่อเป่ามาก คิดมาตลอดว่าเป็นบุตรชายพวกเขา ปรากฏว่าซื่อเป่าไม่ใช่
“ซื่อเป่าหน้าตาเหมือนข้าอยู่บ้าง เพราะข้ากับอ๋องเยียนเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ข้ากับเขารูปหน้าคล้ายกัน ดังนั้นคนนอกล้วนคิดว่ารูปหน้าซื่อเป่าเหมือนข้า ความจริงเขารูปหน้าเหมือนอ๋องเยียน องคาพยพทั้งห้าบนใบหน้าเหมือนเฉินอิง”
ลู่เจียวทั้งปวดหัวทั้งปวดใจ เซี่ยอวิ๋นจิ่นยื่นมือไปกอดนางไว้ “เอาละ อย่าได้เสียใจไป แม้เขาไม่ใช่บุตรชายที่พวกเราให้กำเนิด แต่เขาก็เป็นบุตรชายพวกเรา ไม่ใช่กล่าวว่าบุญคุณให้กำเนิดมิสู้บุญคุณเลี้ยงดูหรือ พวกเราเลี้ยงดูเขาเติบโตมา เขาก็คือบุตรชายของพวกเรา นับประสาอันใดกับเจ้าเห็นเขาแล้วรู้สึกสนิทสนมเพียงใด ไม่ใช่พวกเราให้กำเนิดแล้วอย่างไร”
ลู่เจียวถอนหายใจยาว พยายามสงบจิตใจลง
อย่าว่าแต่ซื่อเป่าไม่ใช่นางคลอด แม้แต่สามคนแรกก็ไม่ใช่นางคลอด ดังนั้นในบางมุมมอง ซื่อเป่ากับสามคนแรกก็เหมือนกัน
ลู่เจียวคิดเช่นนี้แล้วก็อารมณ์ดี ในที่สุดก็รู้สึกดีขึ้นไม่น้อย
นางเงยหน้ามองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่นถามว่า “เจ้าคิดบอกซื่อเป่าเรื่องนี้ไหม อีกอย่างอ๋องเยียนไม่รู้เรื่องนี้กระมัง”
หากอ๋องเยียนรู้ว่าซื่อเป่าเป็นบุตรชายเขา ไม่น่าจะนิ่งสงบไร้การเคลื่อนไหวเช่นนี้
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ยินลู่เจียวก็รู้ว่าอารมณ์นิ่งลงแล้ว จึงปล่อยลู่เจียว มองนางพลางกล่าวว่า “ข้ากำลังลำบากใจอยู่ ตามหลักการแล้วควรบอกอ๋องเยียนเรื่องนี้ และควรให้ซื่อเป่ากลับไป”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวไม่ทันจบ ลู่เจียวก็ร้อนใจเอ่ยขึ้นว่า “ไม่ต้องบอกอ๋องเยียนตอนนี้ และก็ไม่ต้องให้ซื่อเป่ารู้ ตอนนี้กำลังแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาทกันรุนแรง เขากลับไปดินแดนเหี้ยมโหดเช่นนั้น ไม่มีมารดาค่อยปกป้อง จะถูกคนวางอุบายทำร้ายได้ง่าย หากเขาถูกคนวางอุบายทำร้าย พวกเราก็จะเสียใจเจียนตาย อย่างไรพวกเราก็เลี้ยงดูเขามาจนโต”
วาจานี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นเองก็เห็นด้วย “เจ้าพูดมาก็ถูก เช่นนั้นก็อย่าเพิ่งบอกอ๋องเยียนตอนนี้ และก็ไม่ให้ซื่อเป่ารู้เรื่องนี้ ไว้วันหน้าค่อยว่ากัน”
สองสามีภรรยาคุยเรื่องนี้เสร็จ ก็สลัดเรื่องนี้ทิ้ง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองลู่เจียวด้วยสีหน้าจริงจังกล่าวว่า “เจียวเจียว นอกจากเรื่องหนังสือหย่ากับซื่อเป่า ข้าไม่มีอันใดปิดบังเจ้าแล้ว วันหน้าก็จะไม่ปิดบังเรื่องใดต่อเจ้าอีก”