ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 477 ท่าทางปิดบังซ่อนเร้น
ตอนที่ 477 ท่าทางปิดบังซ่อนเร้น
ลู่เจียวยื่นมือไปจับชีพจรให้นาง พบว่าเหล่าไท่ไท่ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอมาเป็นระยะเวลายาวนาน ทำให้อวัยวะภายในอ่อนแออย่างมาก
ส่วนรถม้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นชนนางนั้น ก็โดนแค่ศีรษะนาง โจวเส้ากงมีวิทยายุทธ์ บังคับม้าได้ดีมาก ดังนั้นจึงชนโดนแค่ศีรษะของนางจนโนเท่านั้น
ลู่เจียวอมยิ้มมองนางกล่าวว่า “เหล่าไท่ไท่ แม้ว่ารถม้าบ้านข้าชนโดนท่าน แต่ก็ทำให้ศีรษะของท่านมีรอยโนปูดขึ้นมาลูกหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้ร้ายแรงอันใด ข้าจะสั่งยาให้ทานกลับไปต้มกินก็พอ แต่การได้รับสารอาหารไม่เพียงพอมาเป็นระยะเวลายาวนาน ตอนนี้ร่างกายจึงอ่อนแออย่างมาก ดังนั้นข้าจะมอบเงินให้ท่านไว้ซื้ออาหารบำรุงสุขภาพให้ดีอีกสักหน่อย”
ลู่เจียวกล่าวจบ เซี่ยเหล่าไท่ไท่ก็พลันร้องไห้ขึ้นมา “ข้าไม่มีบ้าน ไม่มีที่ไป บุตรชายข้าทำความผิดถูกส่งไปชายแดน ข้า……”
เหล่าไท่ไท่กล่าวจบส่งเสียงร้องไห้คร่ำครวญ คนไม่น้อยในหอยาเป่าเหอต่างพากันเห็นใจ
“น่าสงสารจริง”
“น่าสงสารมาก”
กล่าวจบ ในหอยาเป่าเหอพลันมีคนเอ่ยขึ้น
“นี่ไม่ใช่มารดาซิ่วไฉหลี่เหวินปินหรือ”
“หลี่เหวินปิน? ผู้ใดกัน”
“หลี่เหวินปินผู้นั้นอย่างไรเล่า สามีจางปี้เยียนคุณหนูใหญ่ตระกูลจาง สี่ตระกูลใหญ่อำเภอชิงเหอ ผู้นี้ก็คือมารดาหม้ายของเขา”
“จริงหรือเท็จกันนี่ ท่านนี้ก็คือมารดาหลี่ซิ่วไฉ”
“เขาไม่ได้เป็นซิ่วไฉนานแล้ว”
ทุกคนในหอยาต่างหันไปมองลู่เจียวที่กำลังก้มหน้าลงมองเซี่ยเหล่าไท่ไท่ พบว่านางกลับมีสีหน้านิ่งสงบ ไม่ได้มีอาการตื่นตกใจแม้แต่น้อย
คนนอกเห็นนางเช่นนี้ก็คิดว่านางยอมรับสภาพได้แล้ว
แต่ลู่เจียวกลับไม่คิดเหมือนผู้อื่น มารดาหม้ายทุ่มเทแรงกายแรงใจเลี้ยงดูบุตรเติบใหญ่ ยังส่งเสียให้เขาเรียนจนสอบซิ่วไฉได้ แค่คิดก็รู้ว่านางทุ่มเมให้หลี่เหวินปินไปมากเพียงใด
ตอนนี้หลี่เหวินปินเป็นเช่นนี้ ไม่มีทางที่นางจะไม่โกรธแค้น ท่าทีสงบนิ่งของนางกลับแสดงให้เห็นว่าในใจนางมีแผนการ
หญิงชราปรากฏต่อหน้าพวกนางในตอนนี้ ลู่เจียวต้องระวังตัวให้มาก
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้สึกถึงเรื่องนี้ได้ทันที เขาหันขวับไปกับสบตากับลู่เจียว
ขณะทั้งสองสบตากันอยู่นั้น ก็มีคนในหอยาเป่าเหอกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้หลี่เหวินปินวางแผนสังหารเซี่ยซิ่วไฉ”
“ได้ยินว่าตระกูลจางบงการเขาทำเช่นนั้น ไม่เกี่ยวกับเขา”
“ที่ไหนกัน เมื่อสี่ปีก่อนเขาก็วางแผนต่างๆ นานาทำร้ายเซี่ยซิ่วไฉ ได้ยินว่าอิจฉาที่เซี่ยซิ่วไฉเก่งกว่า”
ในหอยาเป่าเหอ ทุกคนพูดถึงหลี่เหวินปินอย่างไม่พอใจมาก แต่เห็นสภาพเซี่ยเหล่าไท่ไท่แล้วก็รู้สึกเห็นใจมากเช่นกัน
มีคนมองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “เซี่ยซิ่วไฉ หากพูดถึงเรื่องที่หลี่เหวินปินถูกถอดจากตำแหน่งซิ่วไฉ และยังถูกส่งไปใช้แรงงานชายแดน ก็เป็นเพราะเจ้า ตอนนี้ท่านแม่เขาถูกรถม้าเจ้าชน เจ้าพานางกลับไปดูแลหน่อยดีไหม”
คนหนึ่งกล่าวจบ ที่เหลือก็ว่าตามกัน “หลี่เหวินปินน่ารังเกียจจริง แต่มารดาเขาไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย”
“ใช่ มารดาเขาไม่เกี่ยวข้อง ดูสภาพนางแล้วช่างน่าสงสารจริง”
ลู่เจียวมองด้วยแววตาเยียบเย็น ไม่ว่ายุคสมัยไหนก็ต้องมีพวกพ่อพระแม่พระ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกำลังคิดจะปฏิเสธ ซย่าซื่อผู้นี้มีจิตคิดแค้น หากพวกเขาพานางกลับไป นางมีจิตคิดอาฆาตแค้นลงมือกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ที่บ้านจะทำเช่นไร
ลู่เจียวรีบกล่าวว่า “ก็ใช่ว่าพากลับไปไม่ได้ แต่เดือนแปดปีนี้ท่านพี่ข้าจะต้องเข้าสอบเซียงซื่อ ระยะนี้ที่บ้านเราทำอันใดกันก็ต้องเคลื่อนไหวให้เบาที่สุด ดังนั้นจึงไม่อาจพาเซี่ยเหล่าไท่ไท่กลับไปได้ แต่รถม้าท่านพี่ข้าชนนางก็ไม่อาจไม่ใส่ใจดูแล เอาอย่างนี้ พวกเราจะหาเช่าห้องละแวกหอยาเป่าเหอไว้ดูแลเซี่ยเหล่าไท่ไท่จนกระทั่งนางหายดี”
ลู่เจียวกล่าวจบก็ไม่รอให้คนในหอยาเป่าเหอกล่าวอันใดต่อ หันหน้าไปถามคนงานหอยาเป่าเหอ “ละแวกร้านพวกเจ้ามีห้องเช่าไหม”
คนงานรีบตอบว่า “มีขอรับ”
ลู่เจียวสั่งการเฝิงจือกล่าวว่า “เจ้าไปเช่าห้องกับคนงานผู้นี้ จากนั้นก็ไปกับหร่วนจู๋ พาเซี่ยเหล่าไท่ไท่ไปพัก”
“เจ้าค่ะ เหนียงจื่อ”
เฝิงจือรับคำไปจัดการเรื่องนี้
เซี่ยเหล่าไท่ไท่คิดเอ่ยค้านก็ไม่ทันแล้ว
คนในหอยาเป่าเหอพากันชมเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว “เซี่ยซิ่วไฉกับลู่เหนียงจื่อเป็นคนมีเมตตาจริง แม้แต่คนที่ทำร้ายพวกเขาก็ให้อภัยได้ ช่างเป็นคนมีเมตตาแท้”
เซี่ยเหล่าไท่ไท่ได้ยินคำพูดคนโดยรอบก็พยายามระงับสีหน้าให้นิ่งที่สุด แต่ในที่สุดแววตาส่วนลึกก็เผยความอาฆาตแค้นออกมา
ลู่เจียวสังเกตดูนางอยู่ตลอด พอเห็นแววตานางเช่นนี้ก็คาดเดาได้ว่าวันนี้ที่เซี่ยเหล่าไท่ไท่มานั้น นางได้เตรียมตัวมาล่วงหน้าอย่างเห็นได้ชัด
นางน่าจะคิดหาโอกาสอ้างเรื่องถูกรถม้าชนแล้วเข้าไปอยู่ตระกูลเซี่ย จากนั้นวางแผนทำร้ายเซี่ยอวิ๋นจิ่นหรือไม่ก็คนในครอบครัวเขา
ดูท่าพวกนางต้องระวังตัวแล้ว
ในใจลู่เจียวครุ่นคิด แต่สีหน้ายังคงนิ่งเรียบ เขียนเทียบยาเสร็จก็จัดการต่อว่า “ไปจัดยาตามนี้ จากนั้นก็ต้มชุดหนึ่งให้เซี่ยเหล่าไท่ไท่ดื่ม”
ลู่เจียวกล่าวจบก็เงยหน้าราวกับไม่มีอันใด เพียงแค่นยิ้มมองเซี่ยเหล่าไท่ไท่ ใบหน้านี้เห็นชัดว่า นางกำลังบอกเซี่ยเหล่าไท่ไท่ชัดเจนว่า นางล่วงรู้แผนการของนางแล้ว
เซี่ยเหล่าไท่ไท่พลันนั่งไม่ติด มือกำแน่น หญิงผู้นี้ล่วงรู้แผนการของนางแล้ว รู้แผนการนาง แต่ยังเขียนเทียบยาให้นาง นางคิดจะทำอันใด
นางคงไม่ถือโอกาสนี้แอบจัดการตนกระมัง
ได้ยินว่าภรรยาเซี่ยอวิ๋นจิ่นร้ายกาจมาก นางยังเป็นหมอเทวดาเก่งกาจ หากนางเขียนเทียบยาให้นาง ในยาต้องมีอะไรสักอย่าง ดังนั้นนางไม่มีทางดื่มยานี้อย่างแน่นอน
ในใจเซี่ยเหล่าไท่ไท่แอบคิดเอาเอง แต่สีหน้าก็ยังคงไม่แสดงออก กล่าวขอบคุณลู่เจียวด้วยท่าทางตื่นตกใจ
“ขอบคุณลู่เหนียงจื่อ ขอบคุณเจ้าแล้ว บุตรชายข้าทำกับพวกเจ้าเช่นนั้น พวกเจ้ายังดีกับข้าเช่นนี้ พวกเจ้าช่างเป็นคนมีเมตตาจริง คนดีย่อมได้รับผลดีตอบแทน”
ลู่เจียวกล่าวนิ่งเรียบว่า “ใช่ คนดีย่อมได้รับผลดีตอบแทน รอให้ร่างกายเหล่าไท่ไท่หายดี อย่าลืมเขียนจดหมายไปหาหลี่เหวินปิน ให้เขาทำงานที่ชายแดนให้ดี วันหน้าไม่แน่อาจจะได้กลับมา ถึงตอนนั้นพวกท่านแม่ลูกก็จะได้อยู่ร่วมกันอีกครั้ง”
ลู่เจียวแทบอยากจะกระชากหน้าเซี่ยเหล่าไท่ไท่ออก ดังนั้นจึงจงใจกล่าวแทงใจนาง
แต่เห็นได้ชัดเซี่ยเหล่าไท่ไท่อดกลั้นเก่งมาก นางไม่ตอบโต้แม้สักคำ เพียงพยักหน้ายอมรับ
ไม่มีคนในหอยาเป่าเหอบอกว่านางไม่ดี ทุกคนต่างเห็นใจนางที่อายุมาก ยังต้องมารับทุกข์เช่นนี้ คนไม่น้อยต่างว่าหลี่เหวินปินไร้ความกตัญญู ทำให้มารดาหม้ายต้องรับทุกข์ในวัยชราเพียงนี้
คนงานในหอยาเป่าเหอจัดยารวดเร็ว ต้มแล้วก็ยกมา
ลู่เจียวรับมาด้วยตนเอง ยกมาตรงหน้าเหล่าไท่ไท่คิดจะป้อนยานาง
นางยิ่งทำเช่นนี้ เซี่ยเหล่าไท่ไท่ก็ยิ่งไม่กล้าดื่มยาในมือนาง
“ร้อนมาก รอให้เย็นก่อน ข้าค่อยดื่ม”
ลู่เจียวอมยิ้มกล่าวว่า “ไม่เป็นไร คนงานทิ้งให้เย็นแล้ว ดื่มได้แล้ว สุขภาพท่านไม่ดี นี่คือยาบำรุง ท่านดื่มมากหน่อย สุขภาพก็จะไม่อ่อนแอเช่นนี้อีก”
ลู่เจียวกล่าวจบก็ยกยาไปตรงหน้าเซี่ยเหล่าไท่ไท่ คิดจะกรอกยานาง เซี่ยเหล่าไท่ไท่ถดตัวถอยหลังไม่ยอมดื่มด้วยสัญชาตญาณทันที
ลู่เจียวยื่นจ่อเข้าไปอีก นางทนไม่ไหวยกมือผลักมือลู่เจียวทิ้ง ชามยาในมือลู่เจียวก็ร่วงหล่นแตกกระจายทั้งชามดังเพล้ง
คนในหอยาเป่าเหอต่างพากันตกใจเพราะเสียงนี้ ทุกคนมองเซี่ยเหล่าไท่ไท่กับเศษชามแตกข้างเท้านาง
ลู่เจียวกล่าวได้จังหวะพอดี “เหล่าไท่ไท่ ข้าหวังดีคิดป้อนยาท่าน เหตุใดท่านจึงปัดชามยาข้า ท่านกลัวข้าทำร้ายท่านหรือ”
วาจานี้ทำเองคนในหอยาเป่าเหอตกตะลึง คงไม่กระมัง เซี่ยเหล่าไท่ไท่สงสัยลู่เหนียงจื่อทำร้ายนางหรือ
ลู่เหนียงจื่ออยู่ดีๆ จะทำร้ายนางทำไมกัน
ลู่เหนียงจื่อเป็นคนดีเพียงใด จะทำร้ายคนได้อย่างไร
คนผู้นี้สมองมีปัญหาหรือ
“คงไม่ใช่ว่าสมองนางมีปัญหากระมัง นางเป็นแค่หญิงชราคนหนึ่ง ลู่เหนียงจื่อจะทำร้ายนางทำไมกัน”
“ใช่ ไม่รู้ว่านางคิดอย่างไร คนเขาเขียนเทียบยาให้นาง ต้มยาให้นาง นางถึงกับปัดชามยาทิ้ง ไม่ดื่มก็ไม่ดื่มสิ ไยต้องปัดชามยาที่ต้มดีๆ ทิ้งด้วย นั่นมันเงินทองทั้งนั้นนะ”
ลู่เจียวได้จังหวะกล่าวต่อว่า “เหล่าไท่ไท่ หากไม่เชื่อใจข้า ก็เอาเทียบยาไปดูได้ ตัวยาที่เขียนล้วนเป็นยาบำรุง อย่างเช่นเขากวาง หลิงจือ โสมแดง หวงซื่อ อะไรพวกนี้ เป็นสมุนไพรที่ไม่ได้ส่งผลเสียต่อสุขภาพ”
ลู่เจียวยิ่งพูด คนที่มารักษาในหอยาก็ยิ่งแตกตื่น เขากวาง หลิงจือ โสมแดง หวงซื่อ อะไรพวกนี้ล้วนแพงมาก หญิงชราผู้นี้ปัดร่วงเช่นนี้ ช่างไม่รู้จักดี