ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 458 เจ้าจะไปจากตระกูลเซี่ยหรือ
ตอนที่ 458 เจ้าจะไปจากตระกูลเซี่ยหรือ
ลู่เจียวเอ่ยถึงเรื่องนี้ เซี่ยอวิ๋นจิ่นพลันเงียบงันไปครู่หนึ่ง เขาเงยหน้ามองไปยังลู่เจียวกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้เจ้าสงสัยว่าข้าเป็นลูกหลานตระกูลเซี่ยหรือไม่”
พอเซี่ยอวิ๋นจิ่นเอ่ย ในที่สุดลู่เจียวก็เข้าใจแล้วว่า ทำไมคืนนี้เขาจึงมอมสุราเซี่ยเหล่าเกิน เพราะสงสัยว่าตนเองไม่ใช่บุตรชายเซี่ยเหล่าเกิน ดังนั้นมอมสุราเขาเพื่อสืบความจริงในตอนนั้น
“เจ้าสืบอันใดได้หรือไม่”
“ข้าได้ยินท่านพ่อเล่าว่า ในปีนั้นหมอตำแยที่ทำคลอดให้ท่านแม่เกิดท้องเสียกะทันหัน ไม่อาจมาทำคลอดให้ท่านแม่ข้าได้ สุดท้ายท่านย่าข้าเป็นคนทำคลอดให้ท่านแม่ข้า ตอนท่านย่าข้าทำคลอดให้ท่านแม่ข้ายังนำหีบไม้เข้าไปด้วยใบหนึ่ง ตอนนั้นนางบอกกับผู้อื่นว่าในหีบไม้ก็คือพวกกรรไกรทำคลอดพวกนั้น”
“ข้าสงสัยว่าที่จริงในหีบไม้นั่นก็คือข้า ท่านย่าข้าทำคลอดให้ท่านแม่ข้าแล้วก็สับเปลี่ยนเอาข้าไว้ แล้วนำบุตรสาวท่านแม่ข้าไป”
ลู่เจียวได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่นเล่าแล้วก็คิดอย่างละเอียด ก็เหมือนสมเหตุสมผลอยู่มากจริงๆ
ดังนั้นเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ใช่ลูกหลานตระกูลเซี่ย เขาเป็นเด็กตระกูลอื่น แต่เหตุใดบอกว่าเขาเหมือนกับท่านปู่เขาเล่า
“เจ้าไม่ได้บอกว่าเจ้าเหมือนกับท่านปู่เจ้าหรือ นี่มันเรื่องอันใดกัน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นทำท่าทางเหมือนคิดไตร่ตรอง “นี่ก็เป็นเหตุที่ทำให้ข้าตอนนั้นเลิกล้มความตั้งใจค้นหาความจริง เรื่องนี้ต้องมีอันใดปิดบังอยู่เป็นแน่ หากข้าไม่ใช่ลูกหลานตระกูลเซี่ย ทำไมกับข้ากับท่านปู่จึงเหมือนกัน ข้าคิดไม่ตกจริงๆ ว่าแท้จริงมีปัญหาตรงจุดใด ตอนนี้คิดจะพิสูจน์ว่าข้าไม่ใช่ลูกหลานตระกูลเซี่ย มีเพียงทางเดียวก็คือหาคนที่ส่งเด็กทารกหญิงนั่นออกไป”
“ท่านปู่ท่านย่าข้าล้วนไม่ใช่คนใจร้าย พวกเขาสลับตัวทารกหญิงไป ต้องรู้สึกผิดอย่างแน่นอน ตามหลักแล้ว พวกเขาน่าจะหาครอบครัวที่ดีให้นางอยู่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดถึงเรื่องนี้ก็รีบลุกขึ้นเดินออกไป การกระทำของเขาทำเอาลู่เจียวนิ่งอึ้ง จากนั้นนางก็ตามเขาออกไป
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเดินไปยังห้องหนังสือด้านนอกหยิบพู่กันกับหมึกมาวาดรูป
ลู่เจียวชะโงกหน้าไปมอง พบว่ารูปที่เขาวาดเป็นภาพเซี่ยเหล่าเกินกับหร่วนซื่อสองคน
ลู่เจียวมองภาพวาด เข้าใจแล้วว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นต้องการจินตนาการถึงภาพบุตรสาวเซี่ยเหล่าเกินกับหร่วนซื่อ
ในสถานการณ์ทั่วไป บุตรที่บิดามารดาให้กำเนิดมาย่อมต้องเหมือนบิดามารดา
บุตรสาวเซี่ยเหล่าเกินกับหร่วนซื่ออย่างไรก็ต้องเหมือนพวกเขาบ้าง ดังนั้นเซี่ยอวิ๋นจิ่นจึงวาดภาพพวกเขาทั้งสองคน เรียกโจวเส้ากงเข้ามาสั่งการว่า “สองสามวันนี้ เจ้าไปหาดูอยู่ละแวกหมู่บ้านตระกูลเซี่ยว่ามีสตรีที่อายุใกล้เคียงกับข้า หน้าตาเหมือนกับท่านพ่อข้าหรือท่านแม่ข้าหรือไม่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเพิ่งกล่าวจบ โจวเส้ากงไม่ทันได้เอ่ยอันใด นอกประตูก็มีเสียงของหล่นแตกกระจาย
โจวเส้ากงพุ่งตัวออกไปทันที กระชากประตูเปิดออกก็เห็นเซี่ยเอ้อร์จู้ยืนสีหน้าซีดเผือดอยู่นอกประตู
เซี่ยเอ้อร์จู้อึ้งมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นอยู่นาน ก่อนจะพึมพำว่า “น้องสาม เจ้า เจ้ากล่าวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร”
ความจริงโจวเส้ากงได้ยินฝีเท้าเซี่ยเอ้อร์จู้นานแล้ว เพียงแต่ที่นี่เป็นเรือนด้านในตระกูลเซี่ย เขาไม่ได้ระแวงอันใด คิดไม่ถึงว่ากลับถูกเซี่ยเอ้อร์จู้ได้ยินเรื่องความจริงนี้เข้า
โจวเส้ากงมีสีหน้าตำหนิตนเองเล็กน้อย เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับไม่ตำหนิเขา โบกมือให้เขาไปจัดการงานที่มอบหมาย
“เจ้าไปทำงานต่อเถอะ”
โจวเส้ากงหันหลังออกไป ในห้อง เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองเซี่ยเอ้อร์จู้กล่าวว่า “พี่รอง พี่เข้ามานั่งด้านในสิ”
ในเมื่อพี่รองได้ยินวาจาเขาแล้ว เขาก็จะบอกเรื่องนี้กับอีกฝ่ายพอดี พร้อมกันนี้จะได้ลองถามจากปากเขาถึงเรื่องของท่านปู่ท่านย่า
ตอนท่านปู่ท่านย่าตาย เขาเพิ่งจะเก้าขวบ ความทรงจำเกี่ยวกับท่านปู่ท่านย่าก็เลือนรางอย่างมาก แต่พี่รองโตกว่าเขา น่าจะพอจำเรื่องราวของท่านปู่ท่านย่าได้
เซี่ยเอ้อร์จู้เดินตัวแข็งทื่อเข้ามา อธิบายขึ้นก่อนด้วยสัญชาตญาณว่า “ข้าคิดได้ว่าเจ้าดื่มสุราไปไม่น้อย จึงได้คิดจะเอาน้ำแกงสร่างเมามาให้เจ้า คิดไม่ถึงว่า…”
คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำพูดเซี่ยอวิ๋นจิ่นเช่นนี้ คำพูดเซี่ยอวิ๋นจิ่นแสดงให้เห็นว่าเขาเชื่อคำพูดท่านแม่หรือ
เซี่ยเอ้อร์จู้เงยหน้ามองเซี่ยอวิ๋นจิ่นทันที สีหน้าเคร่งเครียดกล่าวว่า “น้องสาม เจ้าอย่าได้เชื่อคำพูดท่านแม่ นางเสียสติไปแล้ว วันๆ เอาแต่พูดจาเหลวไหล”
“เจ้าเป็นลูกหลานตระกูลเซี่ย เป็นน้องชายข้า เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าหน้าตาเหมือนกับท่านปู่เจ้ามาก”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นแสดงท่าทางให้เซี่ยเอ้อร์จู้นั่งลง จากนั้นก็มองเขา กล่าวเตือนสติด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “พี่รอง แม้ข้าไม่ใช่น้องชายแท้ๆ ของพี่ แต่ข้าก็จะปฏิบัติต่อท่านดังพี่ชายแท้ๆ หลายปีมานี้ พี่มีบุญคุณต่อข้า ข้าไม่มีทางลืม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นปกติเป็นคนเย็นชา ไม่ค่อยมีท่าทีจริงใจเช่นนี้มากนัก
เขาเปิดเผยความในใจต่อเซี่ยเอ้อร์จู้ ทำให้ในใจเขารู้สึกอบอุ่น เพียงแต่เขายังคงรู้สึกว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นเป็นลูกหลานตระกูลเซี่ยพวกเขา
“น้องสาม เจ้าเป็นลูกหลานตระกูลเซี่ย หน้าตาเหมือนกับท่านปู่พวกเรา ไม่เช่นนั้นเหตุใดท่านปู่จึงได้ดีกับเจ้ามากกว่าคนอื่น”
ท่านปู่เขาสุขภาพไม่ดี ไม่ค่อยผูกพันกับบรรดาบุตรหลานในตระกูลเซี่ย มีเพียงเซี่ยอวิ๋นจิ่นที่ต่างจากหลานคนอื่น
ก่อนหน้านี้ท่านปู่ท่านย่ายังคิดจะเลี้ยงน้องสามด้วยตนเอง ความรักเช่นนี้ ไม่เพียงพอจะทำให้น้องสามรู้ว่าเป็นลูกหลานตระกูลเซี่ยหรือ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองเซี่ยเอ้อร์จู้ ก็เห็นเซี่ยเอ้อร์จู้เสียใจมาก
เขายื่นมือไปกุมมือเซี่ยเอ้อร์จู้ “พี่รอง ไม่ว่าเมื่อไรพวกเราก็เป็นพี่น้องกัน”
เซี่ยเอ้อร์จู้เงียบ เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวต่อช้าๆ ว่า “ก่อนหน้านี้คำพูดท่านแม่เป็นไปได้มากว่าข้าไม่ใช่ลูกหลานตระกูลเซี่ยจริงๆ ตระกูลเซี่ยในปีนั้นให้กำเนิดทารกหญิง ก่อนหน้านี้ข้าถามท่านพ่อ ท่านพ่อว่าในปีนั้นคนที่ทำคลอดให้ท่านแม่ตอนท่านแม่ปวดท้องจะคลอดก็คือท่านย่า นางเป็นคนทำคลอดให้ท่านแม่ ตอนนั้นท่านย่ายังนำหีบไม้เข้าไปในห้องคลอดด้วย”
เซี่ยเอ้อร์จู้ได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็เงียบงันไปทันที พอคิดถึงว่าน้องสามที่ตนเองเลี้ยงมาอาจจะไม่ใช่ลูกหลานตระกูลเซี่ย ไม่ใช่น้องชายแท้ๆ ของเขา ในใจเขาก็เสียใจอย่างมาก เงียบไปเป็นนานกว่าเขาจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
“หากเจ้าไม่ใช่ลูกหลานตระกูลเซี่ย ทำไมหน้าตาเจ้าเหมือนกับท่านปู่ ท่านปู่ดีกับเจ้ามากไม่ใช่หรือ”
เซี่ยเอ้อร์จู้กล่าวจบก็พลันอึ้งไปทันที เพราะเขาคิดถึงเรื่องที่ว่า เหตุใดท่านปู่จึงดีกับน้องสามต่างจากผู้อื่น
ท่านปู่สุขภาพอ่อนแอล้มป่วยออดแอด ปกติไม่ค่อยสนใจลูกหลานตระกูลเซี่ยสักเท่าไร แต่เขากลับดีกับน้องสามไม่เหมือนคนอื่น
หรือว่าเป็นดังที่น้องสามพูดมา เขาไม่ใช่ลูกหลานตระกูลเซี่ย แต่เป็นเด็กที่ท่านปู่พามา ดังนั้นท่านปู่จึงดีกับเขาไม่เหมือนคนอื่น อีกอย่างท่านย่าเชื่อฟังท่านปู่ทั้งชีวิต ดังนั้นท่านย่าจึงลงมือด้วยตนเอง
เซี่ยเอ้อร์จู้ขอบตาแดงก่ำ เซี่ยอวิ๋นจิ่นยื่นมือไปกุมมือเขาไว้
“พี่รอง”
เซี่ยเอ้อร์จู้พลันเงยหน้ามองเซี่ยอวิ๋นจิ่น ยิ้มกล่าวว่า “น้องสาม ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ยินดีที่เป็นคนตระกูลเซี่ย ตอนนี้เจ้าไม่ใช่คนตระกูลเซี่ยก็ดี”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นเขาเสียใจอย่างมากแต่ยังยินดีกับเขา สมกับเป็นพี่รองที่ดูแลเขามาจนโต
เซี่ยอวิ๋นจิ่นอมยิ้มมองเซี่ยเอ้อร์จู้ เซี่ยเอ้อร์จู้ผ่านความเสียใจแรกมาได้ ตอนนี้ที่เป็นห่วงก็คืออีกเรื่องหนึ่ง
“น้องสาม เจ้าจะบอกท่านพ่อเรื่องนี้ไหม เจ้าต้องหาบุตรสาวท่านพ่อท่านแม่ให้เจอก่อนไปจากตระกูลเซี่ยไหม”