ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 427 คนเราไม่อาจมองแต่ภายนอก
ตอนที่ 427 คนเราไม่อาจมองแต่ภายนอก
จ้าวหลิงเฟิงในห้องโถงเห็นด้วยกับคำพูดเซี่ยอวิ๋นจิ่นขึ้นมาทันที “จริง หญิงผู้นี้ไม่เหมาะเป็นหญิง นางเป็นหญิงแก่หยาบกระด้าง”
จ้าวหลิงเฟิงเพิ่งกล่าวจบ นอกประตูก็มีเงาร่างหนึ่งพัดวูบเข้ามารวดเร็ว “ข้าคือหญิงแก่หยาบกระด้าง แล้วเจ้าเล่า หญิงปากยื่นปากยาวนินทาผู้อื่นลับหลังหรืออย่างไร”
จ้าวหลิงเฟิงคิดไม่ถึงว่าเถียนฮวนจะมา ตนเองกล่าววาจาว่าร้ายถูกจับได้คาหนังคาเขา ก็รู้สึกร้อนตัว แต่พอได้ฟังวาจาเถียนฮวนก็โมโหแค่นเสียงฮึเยียบเย็น
“หรือว่าข้ากล่าวผิด”
เถียนฮวนแค่นเสียงฮึเยียบเย็น “ข้าไม่ได้ว่าเจ้ากล่าวผิด แต่ข้าว่าข้าไม่ได้กล่าวผิด ดังนั้นเราสองเสมอกัน สองชั่งแปดเหลี่ยง[1]พอๆ กัน ไม่อาจว่าข้าไม่ได้ความ เพราะเจ้าก็ไม่ได้เรื่องพอกัน”
เถียนฮวนกล่าวจบก็เหล่มองจ้าวหลิงเฟิงพลางกล่าวเยาะเย้ยว่า “ยังว่าเป็นคุณชายสูงศักดิ์เมืองหลวง ไม่มีสง่าราศีสักนิด ไม่ต่างอันใดกับชายบ้านนอกหยาบกระด้าง”
วาจาเถียนฮวนกระแทกจิตใจจ้าวหลิงเฟิงอย่างมาก เขาถลึงตาใส่เถียนฮวนอย่างโกรธจัด “เจ้าว่าผู้ใดไม่มีสง่าราศี ผู้ใดไม่ต่างกับชายบ้านนอกหยาบกระด้าง”
เถียนฮวนยิ้มกล่าวว่า “ข้าว่าเจ้า”
นางไม่มีความเกรงกลัวแม้แต่น้อย
จ้าวหลิงเฟิงโมโหแทบกระอัก “เจ้า!?”
ในห้องโถงตระกูลเซี่ย เซี่ยอวิ๋นจิ่นดูละครสนุกอย่างอารมณ์ดี เห็นพวกเขาทั้งสองคนทะเลาะกัน อารมณ์เขาจะไม่ดีได้อย่างไร
แต่ลู่เจียวกลับไร้วาจาจะกล่าว สองคนนี้ทำไมเหมือนขมิ้นกับปูน เจอกันก็ทะเลาะกันทุกที
ลู่เจียวรีบถามเถียนฮวน “ฮวนฮวน เจ้าไม่ใช่ว่าไปแล้วหรือ กลับมาทำไมกัน”
เถียนฮวนไม่สนใจจ้าวหลิงเฟิงอีก หันหลังเดินไปหาลู่เจียว เขยิบเข้าไปใกล้กระซิบกับนางเบาๆ ว่า “เมื่อครู่ข้าเห็นหลี่ซิ่วไฉอยู่ข้างนอก พวกเจ้าต้องระวังคนผู้นี้”
ลู่เจียวรีบหันไปมองเถียนฮวน “หมายความว่าอย่างไร”
เถียนฮวนเขยิบเข้าใกล้ลู่เจียวพลางกระซิบเบาๆ ว่า “มีครั้งหนึ่งข้าเห็นคนผู้นี้กำลังทารุณกรรมแมว น่าตกใจมาก เจ้าอย่าเห็นหน้าตาซื่อๆ ภายนอกของเขาหลอกเอา ในใจคนผู้นี้น่าจะไม่ปกติอย่างมาก อย่าให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่พวกเจ้าพูดคุยกับคนผู้นี้มาก ป้องกันเขาทำร้ายพวกเจ้า”
สีหน้าลู่เจียวพลันเยียบเย็น คิดไม่ถึงว่าหลี่เหวินปินไม่เพียงแต่ทำร้ายเซี่ยอวิ๋นจิ่น แม้แต่แมวน้อยหมาน้อยก็ไม่ละเว้น ในใจคนผู้นี้ผิดปกติเพียงใดกัน
ลู่เจียวครุ่นคิดแล้วก็เงยหน้ากล่าวขอบคุณเถียนฮวน “ขอบคุณฮวนฮวนที่เตือน ข้าพอรู้แล้วว่าควรทำเช่นไร”
เถียนฮวนพยักหน้าอย่างยินดี หันหลังก้าวออกไป ตอนผ่านหน้าจ้าวหลิงเฟิงยังไม่ลืมเยาะใส่เขา “ปากยื่นปากยาวดังสตรี ชายบ้านนอกหยาบกระด้าง วันหน้านินทาผู้อื่นลับหลัง จำไว้ว่าระวังหน่อย”
กล่าวจบก็ก้าวออกไปทันที จ้าวหลิงเฟิงโมโหถลึงตาใส่นาง น่าเสียดายเถียนฮวนจากไปแล้ว ไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นสีหน้าลู่เจียวไม่ดีนัก ก็รีบเข้ามาถามลู่เจียวว่า “เถียนฮวนบอกอะไรเจ้าหรือ”
ลู่เจียวหรี่เสียงให้เบาลง “นางบอกข้าว่า เคยเห็นหลี่เหวินปินทารุณกรรมแมว”
วาจานี้ไม่เพียงแต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ยิน แม้แต่จ้าวหลิงเฟิงก็ได้ยิน ทั้งสองคนสีหน้ายากอธิบาย
เจ้ามีความสามารถก็ไปคิดบัญชีกับภรรยาเจ้าสิ ไร้ความสามารถแต่แอบมาทารุณกรรมสัตว์ตัวเล็กๆ นี่มันอะไรกัน
ทุกคนในห้องโถงต่างเงียบงัน หลินตงเดินเข้าประตูมา “คุณชาย หลี่ซิ่วไฉมาขอรับ”
ตอนนี้หลี่เหวินปินร้อนใจอย่างที่สุด เขาอยู่บ้านตระกูลเซี่ยมาสามวันแล้ว สามวันนี้ไม่มีโอกาสลงมือเลย เมื่อครู่จางปี้เยียนสั่งให้คนแอบโยนก้อนกระดาษให้เขา เตือนเขาว่าอย่าลืมว่าต้องฆ่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นให้ได้ภายในสามวัน
หากวันนี้ยังทำไม่สำเร็จ พรุ่งนี้เช้าจะส่งเขาไปให้นายผู้เฒ่าตระกูลเหลียง ยังจะบอกเซี่ยอวิ๋นจิ่นว่าในตอนนั้นคนที่วางยาเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ใช่หลิ่วซื่อเหริน แต่เป็นหลี่เหวินปิน
หลี่เหวินปินไม่กล้าชักช้าเสียเวลาอีก รีบมาหาเซี่ยอวิ๋นจิ่นทันที
“อวิ๋นจิ่น ข้ามารบกวนบ้านเจ้าได้สามวันแล้ว รู้สึกเกรงใจริงๆ ไม่อาจอยู่รบกวนต่อแล้ว”
ทั้งสามคนในห้องโถงหันไปมองเขาพร้อมกัน ครุ่นคิดวาจาเถียนฮวนก่อนหน้านี้ที่ว่าคนผู้นี้ทารุณกรรมสัตว์
กล่าวตามตรง มองภายนอกไม่ออกเลยจริงๆ ว่าหลี่เหวินปินจะทำเรื่องเช่นนี้ได้ ภายนอกเขาดูไม่เหมือนคนหลอกลวง ไม่ว่าผู้ใดเห็นครั้งแรกก็จะคิดว่าเขาเป็นคนดีมาก เป็นคนประเภทที่เรียกว่าดูแล้วซื่อๆ
แต่ในความเป็นจริงคนผู้นี้กลับเจ้าเล่ห์ชั่วร้ายและจิตใจคับแคบ ตอนนี้ยังรู้ว่าเขาโหดเหี้ยมอีก
คนผู้นี้หากอาศัยตระกูลจางก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งขุนนางได้ วันหน้าย่อมเป็นขุนนางละโมบชั่วร้าย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวได้ฟังคำพูดหลี่เหวินปิน ก็รู้สึกแปลกใจว่าจะมาจากไปในตอนนี้ ไม่คิดทำร้ายเซี่ยอวิ๋นจิ่นแล้วหรือ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวนั้นอย่างไรก็ได้ เพราะพวกเขาวางยาหลี่เหวินปินไปแล้ว หากเขากลับตระกูลจางไปกินอะไรผิดสำแดง ก็จะกำเริบทันที
“พี่หลี่ตัดสินใจจะกลับบ้านแล้วหรือ”
“ข้าไม่คิดกลับไปตระกูลจางแล้ว ข้าจะกลับสำนักศึกษา ไว้ค่อยคุยกับจางปี้เยียนว่าจะหย่าได้หรือไม่”
หลี่เหวินปินกล่าวคำพูดสุดท้ายก็มีสีหน้าเหมือนทนการดูถูกดูหมิ่นไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวมองเขาด้วยสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน
“ในเมื่อพี่หลี่ตัดสินใจเช่นนี้ ก็วางใจทำไปได้เลย อย่าได้เกรงกลัวพวกตระกูลจาง พวกเขาก็แค่พ่อค้าเล็กๆ เท่านั้น หากพี่หลี่ต้องการความช่วยเหลือใดก็มาหาข้าได้ทุกเมื่อ”
“อืม หากพวกเราช่วยได้ย่อมต้องช่วยพี่หลี่”
หลี่เหวินปินมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวด้วยความซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง “ขอบคุณเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เหนียงจื่อ สองสามวันนี้ข้ามารบกวนพวกเจ้า รู้สึกเกรงใจมาก อวิ๋นจิ่น คืนนี้ข้าขอเลี้ยงเจ้ากินข้าวถือเป็นการขอบคุณพวกเจ้าทั้งครอบครัว”
พอหลี่เหวินปินเอ่ย เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวก็สบตากันทันที ที่แท้ก็รอโอกาสนี้ พวกเขายังคิดว่าเขายอมวางมือชั่วคราว
ตอนนี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวนับว่ารู้จักนิสัยหลี่เหวินปินแล้ว ย่อมต้องระวังตัวมากขึ้น คาดว่ายามนี้คงเร่งร้อนใจอยากลงมือกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นแล้ว
เห็นชัดว่าตระกูลจางให้เวลาเขามา ดังนั้นเขาจึงไม่อาจรั้งรอ
แววตาเซี่ยอวิ๋นจิ่นเก็บซ่อนความโมโหเอาไว้ พยายามเก็บอาการทางสีหน้าอย่างที่สุด
เขามองหลี่เหวินปินด้วยสีหน้านิ่งเรียบ “ระหว่างพวกเราไม่ต้องเกรงใจอะไร พี่หลี่อยู่บ้านข้ามาไม่กี่วันเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเลี้ยงอาหารค่ำข้าหรอก”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวสีหน้านิ่งเรียบ แต่หลี่เหวินปินยังคงเก็บอาการตนเองไม่อยู่
พรุ่งนี้หากเขาฆ่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้ เขาก็ต้องถูกส่งตัวไปให้นายผู้เฒ่าตระกูลเหลียง เพราะเหลียงจื่อเหวินตายไป ตระกูลเหลียงย่อมไม่ปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน
“หากไม่ให้เลี้ยง ในใจข้าก็รู้สึกติดค้าง อวิ๋นจิ่น เจ้าให้โอกาสข้าเลี้ยงเจ้าสักมื้อเถอะนะ แม้ว่าข้าไม่มีเงินทอง แต่ข้าวมื้อเดียวข้าเลี้ยงไหว”
หลี่เหวินปินแสดงท่าทางน่าสงสาร สีหน้าซื่อๆ ยิ่งแลดูซื่อจนโง่เง่า ทำให้ปฏิเสธไม่ลง
แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวรู้จิตใจชั่วร้ายของเขาแล้ว จะเปิดโอกาสให้เขาได้อย่างไร
ลู่เจียวเอ่ยขึ้นว่า “หลี่ซิ่วไฉ ไม่ใช่บ้านเราไม่ให้โอกาสพี่หลี่ แต่ตอนนี้บ้านเรากำลังตกอยู่ในอันตราย ไม่อาจออกไปไหนได้ หากหลี่ซิ่วไฉรู้สึกติดค้าง ก็ให้ทางร้านอาหารส่งอาหารมา ก็นับว่าได้ท่านได้เลี้ยงพวกเราสมดังต้องการแล้ว”
ลู่เจียวกล่าวเช่นนี้ หลี่เหวินปินจะทำอย่างไรได้ สุดท้ายได้แต่เห็นด้วย “เช่นนั้นก็ได้ เย็นนี้ข้าเลี้ยงสุราอวิ๋นจิ่นสักจอก พรุ่งนี้เช้าข้าก็จะไปจากบ้านตระกูลเซี่ย”
[1] หมายถึงน้ำหนักสองชั่งเท่ากับแปดเหลี่ยง คนสองคนพอๆ กัน