ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 1070 ชื่อเสียงก้องหล้า
ตอนที่ 1070 ชื่อเสียงก้องหล้า
เนี่ยเยี่ยเจินสีหน้าย่ำแย่อย่างยิ่ง กำลังตวาดใส่เซียวหวงอย่างเดือดดาลสุดขีด
แต่เซียวจิ่งไม่คิดพูดจามากความต่อ เอ่ยเย็นเยียบขึ้นว่า “เอาละ ไปได้แล้ว”
เนี่ยเยี่ยเจินไม่พูดอีก หันหลังเดินออกไปด้านนอก ทุกคนมุ่งตรงไปยังเส้นทางกลางภูเขา
ตอนเซียวหวงเดินผ่านกลางเขา ก็รู้สึกได้ว่ามีคนซุ่มอยู่โดยรอบไม่น้อย หากไม่เหนือความคาดหมาย คนเหล่านี้ถูกเนี่ยเยี่ยเจินล่อลวงมา ให้ติดตามมาร่วมก่อการกับเขา หากเขาก่อการสำเร็จ ก็จะได้เลื่อนตำแหน่ง น่าเสียดายพวกเขาวางแผนผิดพลาดแล้ว
เซียวหวงแค่นยิ้ม เดินตามพวกเนี่ยเยี่ยเจินไปข้างหน้า
ไม่นาน เซียวเหวินอวี๋ก็เห็นเซียวจิ่งและเนี่ยเยี่ยเจินที่ยืนข้างกายเขา
พอเห็นทุกอย่างนี้แล้ว เขายังมีอันใดไม่เข้าใจ เนี่ยเยี่ยเจินสมคบคิดกับเซียวจิ่งวางแผนใช้เซียวหวงยึดครองบัลลังก์แคว้นต้าโจว
แววตาเซียวเหวินอวี๋ที่มองเซียวจิ่งมีแต่ความผิดหวังอย่างไม่อาจบรรยาย
ตอนนั้นที่เขาส่งบุตรชายไปสุสานหลวง ก็เพราะบุตรชายมีใจอ่อนเกินไป หากให้เขาอยู่เมืองหลวง ต่อไป ย่อมต้องตกเป็นเครื่องมือของผู้อื่น เดิมเขาคิดว่าการส่งเขาไปสุสานหลวงจะรักษาชีวิตเขาเอาไว้ได้ ทำให้เขาไม่ต้องตกเป็นเครื่องมือของผู้อื่น วันหน้าหวงเอ๋อร์ได้ขึ้นครองราชย์ ก็จะอภัยโทษทั่วหล้า ให้เขาได้ออกจากสุสานหลวง ได้ตำแหน่งอ๋อง ชีวิตที่เหลือมีแต่สุขวาสนา คนเช่นเขาไม่เหมาะกับการดำรงตำแหน่งฮ่องเต้จริงๆ
ปรากฏ เขาอยู่ไกลถึงสุสานหลวง ยังถูกคนล่อลวงให้ทำเรื่องไร้สมองเช่นนี้ได้
“เซียวจิ่ง เราผิดหวังมาก เจ้าอยู่สุสานหลวงมาสิบห้าปี ยังคงโง่เง่าไม่ต่างจากเมื่อก่อนแม้แต่น้อย”
เซียวจิ่งนิ่งอึ้ง จากนั้นแววตาก็มีแต่ความดื้อดึง คำรามอย่างแค้นใจว่า “ทรงกล่าวเช่นนี้ก็เพราะไม่ทรงโปรดเสด็จแม่หม่อมฉัน ไม่ทรงโปรดหม่อมฉันเท่านั้น”
“ตอนนั้นที่ทรงโปรดเสด็จแม่ ก็แต่งตั้งหม่อมฉันเป็นรัชทายาท ดีต่อหม่อมฉันมาก ต่อมาไม่ทรงโปรดเสด็จแม่แล้ว ทรงโปรดเสด็จแม่ของเซียวหวง ก็แต่งตั้งนางเป็นรัชทายาท”
เซียวเหวินอวี๋มองเซียวจิ่ง ในใจมีแต่ความปวดร้าว เขาเคยรักเซียวจิ่งด้วยใจจริง แต่ไม่รู้เหตุใดบุตรชายผู้นี้จึงได้ไม่อาจรักเขาได้มากพอ จึงไม่อาจเชื่อใจเขา ไม่ว่าเขาพูดกับเขาอย่างไร อีกฝ่ายก็ไม่ยอมเชื่อใจเขา
บางทีเขาสองคนอาจขาดวาสนาพ่อลูกกระมัง
เซียวเหวินอวี๋ไม่เอ่ยอันใดอีก เนี่ยเยี่ยเจินเอ่ยขึ้นว่า “ฝ่าบาท เรื่องงานสำคัญกว่า”
เซียวจิ่งพลันยื่นมือไปดึงเซียวหวงออกมาข่มขู่เซียวเหวินอวี๋ “เสด็จพ่อไม่ใช่ว่าทรงโปรดเซียวหวงหรือ เช่นนั้นก็ทรงมีราชโองการยกบัลลังก์ให้หม่อมฉัน หม่อมฉันจะปล่อยนางไป หากไม่ทรงยินยอม ก็แสดงให้เห็นว่าในใจพระองค์ เซียวหวงก็ไม่ได้มีค่าเท่าไร”
เซียวจิ่งกล่าวถึงตรงนี้ ในใจก็รู้สึกปวดร้าวขึ้นมา
เขากลับเมืองหลวงครั้งนี้ ไม่ใช่ว่าไม่เคยคิดว่าจะล้มเหลว ฮ่องเต้จะยอมสละบัลลังก์เพื่อบุตรสาวได้อย่างไร แม้สุดท้ายเขาพ่ายแพ้ แต่เขาก็สร้างปมในใจให้เซียวหวงได้แล้ว วันหน้าพวกเขาพ่อลูกก็ไม่อาจกลับไปเป็นดังเดิมได้อีกแล้ว
ในเมื่อเขาไม่ได้ความรักจากเสด็จพ่อ ก็ไม่อยากให้บุตรคนใดได้ความรักนี้ไป
เซียวจิ่งครุ่นคิดแล้วก็หัวเราะเยียบเย็น
เซียวหวงกำลังอยากจะเอ่ย นางไม่มีทางยอมให้เสด็จพ่อเลือกเช่นนี้เป็นแน่
เพียงแต่เซียวหวงไม่ทันได้พูดอะไร
ก็มีเงาดำร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากด้านหลังเซียวเหวินอวี๋
เงาร่างดำนั้นครอบคลุมไปด้วยหมอกดำหนาแน่น คล้ายดังหมอกควันดำทะมึน พริบตาก็มาถึงข้างกายเซียวหวง เขายกเท้าเตะเซียวจิ่งเต็มแรง จากนั้นก็สะบัดฝ่ามือใส่เนี่ยเยี่ยเจิน
ฝ่ามือนี้ฟาดเนี่ยเยี่ยเจินกระเด็นออกไปกระแทกต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลนัก
ทุกคนไม่ทันได้ตั้งสติ ฟู่หลินก็จัดการหัวหน้าสองคนเรียบร้อยแล้ว
เขายื่นมือขึ้นกอดเซียวหวง ปลอบนางอย่างอ่อนโยนว่า “อาหวง ไม่ต้องกลัว ไม่เป็นอันใดแล้ว”
เซียวหวงตกอยู่ในอ้อมกอดเขา หัวเราะขำเบาๆ “อืม ข้าไม่กลัว มีฟู่หลินอยู่ข้างกาย ข้าไม่มีวันหวาดกลัวอันใด”
“อืม”
เซียวเหวินอวี๋กับซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนมองเห็นสองคนที่กอดกันอยู่ไม่ไกลนัก
เห็นอยู่ว่ามาช่วยบุตรสาว เหตุใดจึงได้กลายเป็นส่วนเกินไปได้
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนได้สติขึ้นก่อน รีบผลักเซียวเหวินอวี๋ทีหนึ่ง “ฝ่าบาทรีบรับสั่งให้คนจับตัวนักโทษเหล่านี้สิเพคะ”
เซียวเหวินอวี๋รีบมีราชโองการสั่งให้จับกุมทันที
พริบตากลางเขาก็มีเสียงปะทะกันดังขึ้น มีคนคิดเข้าใกล้ฟู่หลินกับเซียวหวงเพื่อจับตัวรัชทายาทอีกครั้ง
น่าเสียดายพวกเขาไม่อาจเข้าใกล้รัชทายาทได้ ถูกฟู่หลินฟาดกระเด็นหมดสิ้น
สุดท้ายจึงไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้พวกเขาอีก
เนี่ยเยี่ยเจินกลับเมืองหลวงมาครั้งนี้นำทหารมาเกือบพันนาย เดิมคิดว่าชนะอย่างแน่นอน ปรากฏพริบตาก็ถูกจัดการราบคาบ ตนเองถูกคนฟาดสลบไปในฝ่ามือเดียว จับตัวส่งคุกกรมอาญา
เซียวหวงไม่ได้บาดเจ็บแม้แต่เส้นผม กลับวังอย่างราบรื่น
แต่เซียวเหวินอวี๋กลับเกิดความระแวงฟู่หลินผู้นี้ขึ้นมา
ฝีมือร้ายกาจเช่นนี้ หากคิดทำร้ายหวงเอ๋อร์ หวงเอ๋อร์จะรอดหรือ
เซียวเหวินอวี๋ครุ่นคิด ตนเองต้องกำจัดคนผู้นี้หรือไม่
แต่สุดท้ายเขาคิดถึงว่าฟู่หลินเป็นห่วงเซียวหวงอย่างมาก ก็อดคิดถึงเรื่องที่ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนเอ่ยกับเขา ก่อนหน้านี้ไม่ได้
หรือว่าเซียวหวงรู้จักกับฟู่หลินมาแต่ภพก่อน ดังนั้นเขาปรากฏตัวขึ้น ก็เพื่อปกป้องเซียวหวง
เซียวเหวินอวี๋ตัดสินใจให้โอกาสฟู่หลินอีกครั้ง
“ว่ามา แท้จริงเจ้าเป็นใคร มาจากที่ใด บุตรชายปัญญาอ่อนตระกูลฟู่ไม่มีทางได้สติคืนมาก็จะมีฝีมือร้ายกาจเช่นนี้ได้ จำไว้ หากเจ้าไม่พูด เราก็จะไม่ให้หวงเอ๋อร์แต่งกับเจ้า และจะไม่ให้เจ้าเข้าใกล้หวงเอ๋อร์อีก อย่าคิดว่าเจ้าวิทยายุทธ์ร้ายกาจก็จะทำอันใดก็ได้”
ฟู่หลินเงยหน้ามองเซียวเหวินอวี๋
เขารู้ความปรารถนาของอาหวงมาตลอด นางต้องการความรักของบิดามารดา ภพก่อนนางไม่มี แต่มาถึงภพนี้ นางก็ได้มา
เขาไม่อยากให้นางสูญเสียความรักนี้ไป
ฟู่หลินเงียบงันไม่เอ่ยอันใด
เซียวเหวินอวี๋มองเขา ค่อยๆ เอ่ยขึ้นว่า “เราคิดเช่นนี้ได้หรือไม่ หวงเอ๋อร์ไม่ให้เจ้าพูดหรือว่าเจ้าไม่อยากให้เรารู้ว่านางมีอดีต”
ฟู่หลินมีสีหน้าตกใจทันที เซียวเหวินอวี๋รู้ทันทีว่าเขาคาดเดาถูกต้องแล้ว
“ดังนั้นเจ้ากับนางมาจากภพก่อน พวกเจ้าจดจำกันและกันได้ ดังนั้นชาติภพนี้จึงคิดอยู่ด้วยกัน”
ฟู่หลินไม่เอ่ยอันใด แต่มีสีหน้ายอมรับ
เซียวเหวินอวี๋มองฟู่หลิน แม้รู้อดีตพวกเขาแล้ว แต่เซียวเหวินอวี๋ยังคงไม่วางใจฟู่หลิน ให้คนร้ายกาจเช่นนี้อยู่ข้างกายหวงเอ๋อร์ เขาไม่อาจวางใจได้จริงๆ
“เราจะให้โอกาสเจ้าสักครั้ง แต่เจ้าต้องรับปากเงื่อนไขเราข้อหนึ่ง”
ฟู่หลินดีใจอย่างมาก “ฝ่าบาท เชิญตรัสพ่ะย่ะค่ะ”
“เรายอมให้เจ้าแต่งกับหวงเอ๋อร์ได้ และหากหวงเอ๋อร์ไม่คิดแต่งชายอื่นอีก เราก็จะไม่บังคับให้นางแต่ง แต่เจ้าต้องกินยาพิษ ยาพิษนี้จะไม่ทำลายสุขภาพเจ้า แต่ทุกสองปีต้องกินยาถอนพิษ หากไม่กินยาถอนพิษ เจ้าก็จะตาย”
“หากเจ้าตกลง เราก็จะมีราชโองการให้เจ้าแต่งกับรัชทายาท หากเจ้าไม่ตกลงก็แล้วไป แต่เจ้าอย่าได้พบกับหวงเอ๋อร์อีก”
ฟู่หลินรับปากทันทีอย่างไม่แม้แต่จะไตร่ตรอง “ตกลง กระหม่อมตกลง ฝ่าบาททรงวางพระทัย กระหม่อมรักอาหวงไม่น้อยไปกว่าฝ่าบาท มีแต่มากกว่า แม้ต้องเสียสละตนเอง ก็จะไม่ทำร้ายอาหวงแม้แต่น้อย หากมีคนกล้าทำร้ายนาง กระหม่อมจะไม่ละเว้นเขา”
ยามนี้แววตาฟู่หลินดุดันน่ากลัว
เซียวเหวินอวี๋ได้ฟังคำเขา ในใจก็ทั้งโล่งอกและเฝื่อนขม
ในที่สุดบุตรสาวเขาก็ต้องออกเรือนไปกับชายอื่น
“จำคำของเจ้าวันนี้ไว้ให้ดี อีกอย่างเรื่องที่ข้าคุยกับเจ้า อย่าได้บอกหวงเอ๋อร์ รวมทั้งเรื่องที่เจ้ากินยาพิษด้วย วางใจ หากเจ้าดีต่ออาหวงจริง เราก็จะให้ยาถอนพิษเจ้า หากวันหน้าเราเชื่อใจเจ้าแล้ว ก็จะไม่ให้เจ้ากินยาพิษอีก”
ฟู่หลินรีบรับรองกล่าวว่า “ฝ่าบาททรงวางพระทัย กระหม่อมจะทำให้ฝ่าบาทได้เห็น”
เซียวเหวินอวี๋ค้อนใส่เขาทีหนึ่ง บุตรสาวเป็นหนึ่งไม่มีสองของเขาถูกคนตรงหน้าพาไปแล้ว ในใจเขาอิจฉายิ่งนัก
“รีบไปได้แล้ว เราเห็นเจ้าแล้วก็รำคาญ”
เซียวเหวินอวี๋โบกมือ
ฟู่หลินถอยออกไปอย่างรู้ความ ออกจากห้องทรงอักษรไปอย่างรวดเร็ว
นอกห้องทรงอักษร เซียวหวงกำลังรอฟู่หลินอยู่ พอเห็นเขาออกมาก็รีบถามว่า “เสด็จพ่อไม่ได้ทำอันใดให้เจ้าลำบากใจกระมัง”
ในห้องทรงอักษร เซียวเหวินอวี๋ย่อมได้ยินเสียงบุตรสาว แค่นเสียงฮึเยียบเย็นอย่างโมโหทันที บุตรสาวยังไม่ทันแต่งก็เอนเอียงไปหาผู้อื่นแล้ว คิดสงสารผู้อื่นเช่นนี้แล้ว
บิดาเป็นคนไร้เหตุผลเช่นนั้นหรือ
ฟู่หลินด้วยน้ำเสียงดีใจให้ดังเข้าไปด้านใน “อาหวง ฝ่าบาททรงยินยอมให้ข้าแต่งกับเจ้าแล้ว”
เซียวหวงตกใจ “จริงหรือ เสด็จพ่อทรงเห็นด้วยแล้วหรือ เหตุใดข้าไม่รู้สึกเชื่อเช่นนี้”
เซียวหวงเพิ่งกล่าวจบ ก็มีเสียงเซียวเหวินอวี๋ดังมาจากในห้องทรงอักษร “มา มา เราถอนรับสั่งคืน”
เซียวหวงหัวเราะดังลั่น ตะโกนกลับไปว่า “ขอบพระทัยเสด็จพ่อ”
นางหันหลังดึงฟู่หลินไปตำหนักตนเองอย่างดีใจ
ฟู่หลินหันหน้าไปมองสาวน้อยงดงามราวกับสายลม แววตาอ่อนโยนราวกับเมฆบนท้องฟ้า นี่คืออาหวงที่เขารัก เขาโตมากับอาหวงแต่เล็ก วันหน้าพวกเขาจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน
เขาตั้งใจรอคอยวันนั้นจริงๆ
เซียวเหวินอวี๋มีราชโองการเลือกฟู่หลินคุณชายใหญ่ตระกูลฟู่ใหญ่เป็นราชบุตรเขยอย่างรวดเร็ว ส่วนเหตุใดเลือกฟู่หลิน เพราะรัชทายาทถูกจับตัวไป คุณชายใหญ่ตระกูลฟู่เสียสละตนเองช่วยรัชทายาทออกมาอย่างไม่คำนึงถึงอันตราย
พอประกาศราชโองการ เมืองหลวงก็ฮือฮาดัง มีทั้งคนอิจฉาไม่อาจยอมรับได้ แต่ก็มีคนโล่งอก และมีคนผิดหวัง สรุปเรื่องรัชทายาทเลือกคู่ครอง ในที่สุดก็จบลง
เทียบกับผู้อื่นแล้ว ตระกูลฟู่ตกใจนิ่งอึ้งไปทันที จากนั้นก็ลิงโลดดีใจแทบคลั่ง ใต้เท้าฟู่กับฮูหยินฟู่ต่างไม่รู้ควรเอ่ยอันใดดี
บุตรชายได้เป็นราชบุตรเขย ว่าที่พระสวามีฮ่องเต้หญิง และไม่ได้เป็นแค่ราชบุตรเขยรอง แต่เป็นพระสวามีฮ่องเต้หญิงเพียงคนเดียว
สวรรค์ ฟ้าดิน บรรพชนตระกูลพวกเขาคุ้มครองแล้ว ตระกูลพวกเขาถึงกับมีพระสวามีฮ่องเต้หญิง
ฟู่เซวียนกับฟู่เซวียนดีใจอย่างที่สุด พูดจาไปไม่เป็นเลยทีเดียว
“พี่ใหญ่ได้เป็นว่าที่พระสวามีฮ่องเต้หญิง ฝ่าบาทจะต้องแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ให้ตระกูลเรา วันหน้าพี่ใหญ่เข้าวังเป็นพระสวามีฮ่องเต้หญิง ข้าก็จะได้แต่งตั้งเป็นซื่อจื่ออันใดกระมัง”
ฟู่เซวียนดีใจแทบเป็นลม ตระกูลพวกเขาประสบโชคสุนัขเข้าแล้ว
ฟู่ซือเองก็ดีใจมาก ดึงมือฟู่เซวียนมากล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “วันหน้าข้าก็จะได้เป็นสตรีสูงศักดิ์ใช่หรือไม่ หากข้าออกเรือนไป ก็จะเลือกคู่ครองที่ดีได้ใช่หรือไม่”
“ใช่ วันหน้าเจ้าจะต้องได้ออกเรือนไปยังตระกูลดี น้องสาวพระสวามีฮ่องเต้หญิงจะแต่งกับคนสถานะต่ำต้อยได้อย่างไร ไม่เหมาะสม”
“อืม อืม ข้าต้องเลือกให้ดีๆ ดูว่าผู้ใดเหมาะสมกับข้า”
คนตระกูลฟู่กำลังดีใจ ราชโองการฝ่าบาทก็มาถึง แต่งตั้งใต้เท้าตระกูลฟู่เป็นอี้อวิ๋นป๋อ
ใต้เท้าฟู่และฮูหยินฟู่นำพวกฟู่หลินออกมารับราชโองการ วันหน้าตระกูลฟู่พวกเขาก็คือจวนอี้อวิ๋นป๋อแล้ว
แม้ว่าเป็นเพียงแต่จวนป๋อ วันหน้าไม่อาจก้าวขึ้นไปได้อีก ผู้ใดให้ตระกูลพวกเขามีคนได้เป็นพระสวามีฮ่องเต้หญิงกันเล่า
พอรับราชโองการ ส่งขันทีนำราชโองการกลับไปแล้ว ฟู่หลินก็เรียกคนตระกูลฟู่มารวมตัวกันเปิดประชุม เคร่งเครียด
“วันนี้ข้าหวังว่าทุกคนจะจดจำวาจาข้าไว้ให้ดี วันหน้าข้าแต่งกับรัชทายาท เป็นพระสวามีฮ่องเต้หญิง หวังว่าทุกคนจะไม่เป็นตัวถ่วงข้า อย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้รัชทายาทเสื่อมเสียชื่อเสียง อย่าได้อาศัยชื่อรัชทายาทรังแกผู้อื่น ทำเรื่องผิดกฎหมาย หากทุกคนไม่ทำเรื่องผิดกฎหมาย ไม่รังแกผู้อื่น ไม่ทำเรื่องผิดต่อฟ้าดิน ข้ารับรองว่าจะคุ้มครองทุกคนให้รอดปลอดภัย แต่หากทุกคนทำเรื่องผิด ไม่ต้องรอให้รัชทายาทลงมือ ข้าจะเป็นคนแรกที่จะไม่ปล่อยทุกคนไป”
ฟู่หลินแววตาเยียบเย็นจ้องมองคนตระกูลฟู่
คนตระกูลฟู่พลันเงียบกริบ จากนั้นใต้เท้าฟู่ ฮูหยินฟู่ ฟู่เซวียนและฟู่ซือพากันแสดงท่าทีว่า วันหน้าจะไม่ทำเรื่องที่เสื่อมเสียถึงรัชทายาท
ฟู่หลินพยักหน้าอย่างพอใจ “หวังว่าทุกคนจะจำคำพูดตนเองไว้ให้ดี”
“จดจำไว้แล้ว”
รัชทายาทเลือกพระสวามีแล้ว เซียวเหวินอวี๋ก็มีราชโองการให้สำนักโหรหลวงเลือกฤกษ์แต่งงาน สุดท้ายก็เลือกวันปลายปี ห่างจากตอนนี้อีกสองเดือนกว่า เซียวเหวินอวี๋รังเกียจว่าใกล้เกินไป แต่เซียวหวงกลับเห็นด้วย
นางกับฟู่หลินแยกจากกันมานาน ได้อยู่ร่วมกันเร็วอีกหน่อยก็ดี ฟู่หลินอยู่ข้างกายนาง นางจึงจะวางใจ
เซียวเหวินอวี๋ทนเสียงอ้อนของบุตรสาวไม่ไหว สุดท้ายได้แต่ยอมเห็นด้วย ตกค่ำก็เอ่ยกับซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนอย่างปวดใจว่า “บุตรสาวโตแล้วก็เอนเอียงไปหาผู้อื่น ดังคาด พอมีชายคนรักก็แทบจะรีบแต่ง”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนรู้ว่าคนของตนเองอิจฉาลูกเขย จึงหยอกเขาอย่างนึกขำ “ฝ่าบาทไม่ใช่มีหม่อมฉันหรือเพคะ หรือว่าทรงรังเกียจหม่อมฉันว่าแก่ชราแล้ว”
เซียวเหวินอวี๋รีบเอาใจนาง “ที่ไหนกัน เยี่ยนเอ๋อร์เราอายุสิบแปดตลอดไป หากไม่ใช่ว่าเยี่ยนเอ๋อร์รูปโฉมงดงามจะมีบุตรสาวงามเช่นนี้ได้อย่างไร”
เซียวเหวินอวี๋ไม่ได้เล่าเรื่องฟู่หลินกับเซียวหวงภพก่อนให้ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนฟัง ปล่อยให้อวิ๋นเยี่ยนคิดว่า บุตรสาวพวกเขาน่ารักน่าเอ็นดูเช่นนั้นไปก็ได้
วันอภิเษกรัชทายาท เฉลิมฉลองทั้งแผ่นดิน เซียวเหวินอวี๋ยังส่งเทียบเชิญไปยังซีเหลียงและเป่ยฉี ยังมีราชโองการให้พี่น้องเขากลับมาร่วมงานอภิเษก
ยามนี้ทั้งแคว้นต้าโจวมีแต่ความเริงรื่น ซีเหลียง เป่ยฉีและหนานเจาล้วนนำคนเร่งเดินทางมาร่วมงานอภิเษกรัชทายาท
หลายปีมานี้ ซีเหลียงกับเป่ยฉีส่งคนไม่น้อยมาเรียนรู้ที่แคว้นต้าโจว ทั้งวัฒนธรรมแคว้นต้าโจวและการเกษตร วิชาการแพทย์กับหลักการอบรมสั่งสอนเด็ก
สรุป ตอนนี้นอกจากแคว้นต้าโจวร่ำรวยแล้ว แคว้นอื่นก็ร่ำรวยสงบสุข ทั่วหล้ามีแต่ความสุขถ้วนหน้า
ระหว่างแคว้นก็ไม่ได้มีเรื่องต้องมาคอยระแวงวางอุบายใส่กันดังเช่นเมื่อก่อนอีก ทุกแคว้นล้วนเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน
และเพราะงานอภิเษกรัชทายาท เซียวเหวินอวี๋ไม่เพียงส่งเทียบเชิญไปยังแคว้นต่างๆ ยังเขียนจดหมายไปถึงเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวที่อยู่ไกลถึงเมืองหนิงโจวด้วยตนเอง ขอให้พวกเขาเข้าเมืองหลวงมาร่วมงานอภิเษกรัชทายาท
ในวันอภิเษกรัชทายาท ทั้งเมืองหลวงมีรถม้าไปมาขวักไขว่ ครึกครื้นอย่างที่สุด
ตำหนักบูรพาตกแต่งใหม่ ฮองเฮาจัดการงานทุกอย่างด้วยตนเอง ลู่เจียวมองทุกอย่างอย่างมีความสุข
ตอนนี้นางก็มีอายุมากแล้ว แต่เวลาเหมือนหยุดอยู่ที่นาง เห็นอยู่ว่าใกล้หกสิบแล้ว แต่ดูแล้วเหมือนกับสามสี่สิบ การเดินเหินก็ยังคล่องแคล่วว่องไว ไม่ได้มีท่าทางแก่ชรา ช่วยฮองเฮาจัดการดูแลงานในตำหนักบูรพา
ฮองเฮาเองก็ไม่ห้าม สองแม่ลูกหารือเรื่องการจัดงาน
ลู่เจียวไม่ค่อยรู้เรื่องราชบุตรเขย เป็นห่วงว่าแต่งแล้วจะทำให้เซียวหวงต้องทนรับทุกข์ จึงถามซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนกระซิบว่า “ข้าสงสัยว่าอาหวงกับข้ามีอดีตที่ผ่านมาเหมือนกัน ราชบุตรเขยก็อาจจะมีวาสนาร่วมกับนางมาแต่ภพก่อน ชาติภพนี้พวกเขาจึงได้มาอยู่ร่วมกันอีกครั้ง”
แม้ว่าเซียวเหวินอวี๋ไม่ได้เอ่ยอันใดกับนาง แต่นางพอเดาออก ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนไม่ได้ไปสอบถามความจริง ปล่อยให้นางเบิกบานใจสักหน่อย มีอันใดผิดหรือ
ลู่เจียวไม่พูดต่ออีก บุตรหลานโตกันแล้ว เพียงพอจะจัดการทุกอย่างได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องให้นางมาชี้นิ้วสั่งการอีก เช่นนี้นับว่าดีอย่างมาก
“อืม”
ทั้งสองคนกำลังคุยกัน นอกประตูขันทีก็รีบก้าวเข้ามา “ฮองเฮา ฮูหยินโจวกั๋ว รัชทายาทรับราชบุตรเขยกลับมาแล้ว กำลังเตรียมกราบไหว้ฟ้าดิน ฝ่าบาทให้ทูลเชิญฮองเฮากับฮูหยินโจวกั๋วไปทางนั้น”
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “ข้าไปทำอันใด”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนคล้องแขนนาง “ฝ่าบาทให้ท่านแม่ไป ก็ไปกันเถอะ ไป ไป”
ลู่เจียวจิ้มจมูกนางอย่างนึกขำ “โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ยังเอาแต่อ้อนแม่อีก”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนกล่าวอย่างรู้สึกสมเหตุสมผลว่า “ไม่ว่าโตเพียงใด ต่อหน้าท่านแม่ ข้าก็คือเด็กน้อยตลอดไป”
ทั้งสองคนเดินออกไปด้วยกันอย่างสนิทสนม
รัชทายาทอภิเษก นอกจากฮ่องเต้และฮองเฮา ยังมีเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวนั่งรอรับการคำนับ
เดิมทั้งสองคนไม่อยากมานั่ง แต่ฮ่องเต้และฮองเฮาดึงดันไม่ยอม กอปรกับคนโดยรอบช่วยกันกล่อม คิดว่าพวกเขาควรนั่ง
สุดท้ายเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวก็นั่งร่วมกับฮ่องเต้และฮองเฮา รับการคุกเข่าคำนับจากราชบุตรเขยและรัชทายาท
หลังกราบไหว้ฟ้าดิน ทั้งสองคนถูกส่งเข้าห้องหอ เดิมควรมีการก่อกวนห้องหอตามธรรมเนียม แต่เพราะเกรงความโหดเหี้ยมของรัชทายาท ไม่มีผู้ใดกล้ามาก่อกวนห้องหอ กลัวว่ารัชทายาทจะจดจำไว้คิดบัญชีในวันหน้า ดังนั้นรัชทายาทจึงผ่านคืนเข้าหอกับราชบุตรเขยไปอย่างราบรื่น หลังคืนนี้ เซียวหวงกับฟู่หลินก็จะได้อยู่ร่วมกันตลอดไปแล้ว
หลังวันอภิเษกรัชทายาท ฮ่องเต้ซีเหลียง ฮ่องเต้เป่ยฉีและอ๋องผู้สำเร็จราชการเป่ยฉีเตรียมเดินทางออกจากแคว้นต้าโจว รัชทายาทกลับให้เชิญพวกเขามารวมตัวกันที่หอจินเฟิ่ง
“วันนี้เชิญท่านลุงทุกท่านมารวมตัวกัน ก็เพราะข้ามีเรื่องอยากทำ ขอให้ท่านลุงทุกท่านช่วยเหลือ”
เซียวเหวินอวี๋กับซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนมองบุตรสาวตนเองอย่างแปลกใจ บุตรสาวต้องการทำอันใด เหตุใดพวกเขาไม่รู้
สองคนเงยหน้ามองไปยังราชบุตรเขยด้วยสัญชาตญาณ ราชบุตรเขยคล้ายไม่เห็น ตั้งแต่งานอภิเษก เขาก็ทุ่มเททั้งใจเพื่อรัชทายาท สีหน้าแววตามีแต่ความอ่อนโยน นอกจากรัชทายาทก็ไม่มองผู้ใดอีก
ฮ่องเต้และฮองเฮาเองก็เห็นจนชินแล้ว
เซียวเหวินอวี๋เอ่ยขึ้นก่อนว่า “หวงเอ๋อร์อยากขอให้พวกเขาช่วยอันใดหรือ”
เซียวหวงมองทุกคนในห้องทีหนึ่งแล้วก็กล่าวว่า “ข้ามีความคิดหนึ่งมาตลอด อยากจะเขียนประวัติท่านย่าเล่มหนึ่ง แต่ข้าไม่ค่อยรู้เรื่องของท่านย่า หลายเรื่องก็ล้วนแค่เพียงได้ยินได้ฟังมา แต่ท่านลุงทุกท่านย่อมต้องรู้มากกว่าข้ามาก ดังนั้นข้าจึงได้เชิญท่านลุงทุกท่านมา ก็เพื่อขอให้ทุกท่านบอกเล่าเรื่องราวที่เกี่ยวกับท่านย่า ข้าจะรวบรวมข้อมูลเอาไว้ จากนั้นข้าจะหาคนมาเรียบเรียง ชื่อข้าคิดไว้แล้ว ชื่อว่า ตำนานฮูหยินโจวกั๋ว”
รัชทายาทกล่าวจบ ในห้องรับรองพลันเงียบกริบ จากนั้นแต่ละคนก็เอ่ยอย่างตื่นเต้นว่า “ดีมาก เป็นความคิดที่ดีมาก หวงเอ๋อร์คิดเช่นนี้ ไว้พวกเรากลับไปแล้วก็จะรีบเรียบเรียงข้อมูลส่งมาให้”
ฮ่องเต้ซีเหลียง ฮ่องเต้เป่ยฉีและอ๋องผู้สำเร็จราชการเป่ยฉีต่างพยักหน้าอย่างดีใจ นอกจากพวกเขาแล้วเสนาบดีกรมอาญาและแม่ทัพแคว้นต้าโจวเองก็พยักหน้าแสดงท่าทีว่าตนเองจะรวบรวมข้อมูลส่งมาให้รัชทายาทเช่นกัน
หนึ่งปีผ่านไป ตำนานฮูหยินโจวกั๋วก็เรียบเรียงเรียบร้อยด้วยฝีมือของรัชทายาท พิมพ์เป็นหนังสืออกมา ได้รับการเผยแพร่ไปในวงกว้าง ราษฎรแคว้นต้าโจวจึงได้รู้ว่า ที่แท้แคว้นต้าโจวร่ำรวยเช่นในวันนี้ได้ ก็เพราะการทุ่มเทของสตรีในตำนานผู้นี้
ไม่เพียงแต่แคว้นต้าโจว ยังเผยแพร่ออกไปไกลถึงซีเหลียง เป่ยฉีและหนานเจาทางใต้ ตั้งแต่นั้นมาชื่อเสียงฮูหยินโจวกั๋วก็เลื่องลือไปทั่วใต้หล้า
จบบริบูรณ์
**************************