ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 1035 ลอบสังหาร
ตอนที่ 1035 ลอบสังหาร
พวกใต้เท้าวังโส่วฝู่กับใต้เท้าฟางรองโส่วฝู่ต่างมีสีหน้าสิ้นหวังพากันหันหลังเดินจากไป
พวกเขาคิดไม่ออกจริงๆ ว่าเหตุใดองค์หญิงสามจึงมีกลิ่นอายบารมีฮ่องเต้แข็งแกร่งเพียงนี้ เห็นอยู่ว่าเป็นสตรี แต่กลับไม่แพ้ชายชาตรี ทั้งยังโดดเด่นยิ่งกว่า แม้แต่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันก็ยังมิได้มีบารมีเด็ดขาดเช่นนาง
ตอนมาทุกคนพากันเดินทางมาอย่างฮึกเหิม ตอนกลับพากันกลับไปอย่างสิ้นหวัง มีคนทำใจยอมรับผลเช่นนี้ไม่ได้ เอ่ยขึ้นว่า “หรือว่าจะยอมให้ฝ่าบาทแต่งตั้งองค์หญิงสามเป็นรัชทายาทหญิง”
“ใต้เท้าวัง คืนนี้พวกเราไปหาที่ร่วมกันคิดหารือยับยั้งเรื่องนี้อย่างไรกันดีกว่า”
วังโส่วฝู่ได้สติทันที เอ่ยขึ้นว่า “อย่าดีกว่า ระยะนี้พวกเราทุกคนอย่าได้ใกล้ชิดกันดีกว่า ไม่เช่นนั้นอาจนำภัยมาสู่แต่ละตระกูลได้”
เรื่องเมื่อครู่ทำให้วังโส่วฝู่มองออกว่า องค์หญิงสามร้ายกาจมาก ไม่ใช่พวกไร้สามารถยอมอยู่นิ่งเฉย หากพวกเขามารวมตัวกันในเวลาเช่นนี้ องค์หญิงสามรู้เข้า พวกเขาทุกคนคงไร้จุดจบที่ดี
แคว้นต้าโจวมีกฎระบุชัดเจนว่า ขุนนางในราชสำนักห้ามรวมตัวกันเป็นการส่วนตัว ขุนนางตรวจการจับได้ก็จะถูกยื่นฎีกา หากถูกยื่นฎีกา สถานเบาก็คงถูกกล่าวหาว่าคิดการไม่สมควร สถานหนักก็จะถูกกล่าวหาว่าคิดการไม่ซื่อต่อแผ่นดิน
แน่นอนว่าฮ่องเต้องค์ปัจจุบันทรงพระเมตตา พวกเขาแอบรวมตัวกันหารือวางแผนอยู่บ้าง ก็ไม่ทรงเอ่ยอันใด แต่เห็นได้ชัดว่าองค์หญิงสามมิใช่ พวกเขาคัดค้านนางเป็นรัชทายาทหญิงอย่างเปิดเผย หากไม่เหนือความคาดหมาย ระยะนี้นางย่อมส่งคนมาคอยเฝ้าดูพวกเขา พวกเขาอย่ามารวมตัวกันจะดีกว่า
พอวังโส่วฝู่เอ่ย คนอื่นก็ได้แต่รับคำ แต่ยังมีบางคนบ่นอย่างไม่พอใจนัก
“องค์หญิงสามดูแล้วน่ากลัวมากจริงๆ”
ผู้ใดพลันไม่กล้าเอ่ยอันใด คนไม่น้อยแอบบ่นในใจว่า วันหน้าองค์หญิงสามขึ้นสู่ตำแหน่ง คงมิได้คิดแค้นใจเอาคืนพวกเขากระมัง เช่นนั้นพวกเขาก็คงโชคร้ายแล้ว
ทุกคนพลันไร้วาจาเอื้อนเอ่ย
ขุนนางในราชสำนักต่างกลัวองค์หญิงสาม ยามนี้ใบหน้านางมีแต่รอยยิ้มคล้ายหญิงสาวตัวน้อยน่ารักกำลังไปเข้าเฝ้าฮองเฮา
ฮองเฮาได้รู้เรื่องขุนนางในราชสำนักคัดค้านแต่งตั้งบุตรสาวตนเป็นรัชทายาทหญิงจากคำบอกกล่าวของฮ่องเต้แล้ว
นางเห็นองค์หญิงสาม ก็ยื่นมือไปดึงนางมานั่งข้างกายพลางเอ่ยปลอบใจนาง
“หวงเอ๋อร์อย่าได้เสียใจไป แต่โบราณกาลมาก็ให้ค่าชายด้อยค่าหญิง คนพวกนั้นไม่มีทางยอมรับเรื่องเช่นนี้ในตอนนี้ได้ ให้เวลาพวกเขายอมรับสักพัก เสด็จแม่เชื่อว่า พวกเขาจะยอมรับหวงเอ๋อร์ได้ในที่สุด หวงเอ๋อร์ของเสด็จแม่เป็นหญิงอัศจรรย์ที่หาได้ยากในใต้หล้านี้ อย่าว่าแต่เป็นรัชทายาทหญิง แม้แต่เป็นฮ่องเต้หญิง เสด็จแม่ก็ยังรู้สึกว่าหวงเอ๋อร์คู่ควรยิ่งกว่านั้น”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนรู้สึกจริงๆ ว่าบุตรสาวตนเก่งกาจมาก การที่นางจะเป็นฮ่องเต้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด
อย่าเห็นว่าบุตรสาวนางอายุเพียงสิบห้า แต่อุบายความคิดในใจไม่มีขาดตกบกพร่อง แม้แต่วิทยายุทธ์ก็ยังล้ำเลิศ แม้แต่หัวหน้าองครักษ์ลับก็ยังมิใช่คู่ต่อสู้ของนาง
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนไม่รู้ว่าเซียวหวงมาจากอีกโลกหนึ่ง โลกแห่งนั้นคือโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรพลังปราณวิเศษ ยกย่องผู้มีวิทยายุทธ์ล้ำเลิศ เซียวหวงกลับมาเกิดใหม่ในภพนี้ยังคงรู้เคล็ดลับวิชาบำเพ็ญเพียรพลังปราณวิเศษของสำนักเซียวเหยาในภพก่อน แม้ว่าภพนี้พลังปราณวิเศษจะเบาบาง แต่ยังคงนับได้ว่ามีอยู่บ้าง ดังนั้นองค์หญิงสามฝึกยุทธ์ไม่เพียงแต่ฝึกวิชายุทธ์ แต่ยังฝึกพลังปราณวิเศษ เพียงแต่ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนไม่รู้ คิดว่าบุตรสาวตนเองวิทยายุทธ์ล้ำเลิศเท่านั้น
องค์หญิงสามได้ฟังซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนก็อดยิ้มไม่ได้ เอนตัวพิงเสด็จแม่เอ่ยว่า “เสด็จแม่วางใจ หม่อมฉันไม่เสียใจ หม่อมฉันจะทำให้พวกเขาเห็นด้วยกับการแต่งตั้งหม่อมฉันเป็นรัชทายาทหญิง เสด็จแม่อย่าได้ร้อนพระทัยกับเรื่องนี้เพคะ”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนเห็นบุตรสาวเช่นนี้ ในใจก็หวานล้ำ ในภพนี้ นางรู้สึกว่าตนเองตกอยู่ในรังแห่งความสุขวาสนาแท้จริง หรือควรกล่าวว่าภพนี้นางเป็นดังนางเอกในนิยาย มีท่านแม่และสามีที่รักนางมาก ตอนนี้แม้แต่บุตรสาวก็รักนางมากเช่นกัน ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนยิ่งคิดก็ยิ่งดีใจ ยื่นมือไปบีบแก้มงดงามของบุตรสาว
“ลูกแม่ เสด็จแม่เป็นมารดาเจ้า จะไม่ร้อนใจกับเรื่องของเจ้าได้อย่างไร แต่เสด็จแม่เชื่อหวงเอ๋อร์ หวงเอ๋อร์จะต้องนำพาแคว้นต้าโจวไปสู่ความรุ่งเรืองสูงสุดครั้งใหม่ได้”
สีหน้าเต็มไปด้วยความมั่นใจและภาคภูมิใจ
สองแม่ลูกพากันยิ้มให้กัน องค์หญิงสามอยู่เป็นเพื่อนซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนได้ครู่หนึ่ง ก็นำนางกำนัลตนกลับไป
พอนางออกจากตำหนักฮองเฮา สีหน้าก็กลับคืนสู่ความเย็นเยียบดังเดิมเหมือนกำลังครุ่นคิด นางข้าหลวงใหญ่ชิงฉางเอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ตอนนี้องค์หญิงคิดทำเช่นไรต่อเพคะ”
ข้างกายองค์หญิงสามมีนางข้าหลวงใหญ่สี่คน ชิงฉางกับฮว่าซ่านปรนนิบัตินางเป็นหลัก เจี้ยงเสวี่ยรับหน้าที่อารักขา เฉี่ยนเซี่ยรับหน้าที่ดูแลงานทั่วไป
ทั้งสี่คนล้วนมีวิทยายุทธ์ และยังเป็นวิทยายุทธ์ที่เก่งกาจพอตัว
ทั้งสี่โตมาพร้อมกับองค์หญิงสาม ย่อมรู้ว่าองค์หญิงสามร้ายกาจเพียงใด และรู้ว่าเรื่องที่นางตัดสินใจแล้วจะไม่มีวันแปรเปลี่ยน ดังนั้นองค์หญิงสามตัดสินใจเป็นรัชทายาทหญิงแห่งแคว้นต้าโจว ก็ไม่มีทางยอมให้ขุนนางในราชสำนักผู้ใดมาคัดค้านได้อย่างแน่นอน
ก่อนหน้านี้นางเอ่ยห้ามฝ่าบาทย่อมเพราะมีแผนการของตนเอง
เซียวหวงยิ้มบางกล่าวว่า “เจี้ยงเสวี่ย ไปนัดพบให้ข้า ข้าต้องการพบเฉิงโฮ่วไท่ รองเจ้ากรมตรวจการฝ่ายซ้าย จ้าวเหิง ผู้บัญชาการสำนักจิ่วหลงซือ วังเจิน อดีตผู้บัญชาการฝ่ายขวาสำนักจิ่วหลงซือ”
เจี้ยงเสวี่ยรับคำทันที “เพคะ องค์หญิง”
คนเหล่านี้ล้วนเป็นหมากในกระดานเดินหมากขององค์หญิงสาม แน่นอนว่านางไม่ได้คิดพบพวกเขาพร้อมกัน แต่คิดพบทีละคน
ตอนบ่ายองค์หญิงสามเปลี่ยนฉลองพระองค์ชาย นำบ่าวหญิงแต่งกายเหมือนกันสามคนออกจากวังหลวง
จวนองค์ชายรอง องค์ชายรองกำลังเรียกประชุมขุนนางที่สอพลอเขา ดูท่าทีเสด็จพ่อก็เห็นชัดว่าคิดแต่งตั้งน้องสามเป็นรัชทายาทหญิงจริงจัง เช่นนี้จะได้อย่างไร เขาควรเป็นรัชทายาทถูกต้องตามทำนองคลองธรรมแห่งแคว้นต้าโจว
แต่เห็นท่าทางเสด็จพ่อที่ทรงมุ่งมั่นจะแต่งตั้งน้องสามเป็นรัชทายาทหญิง เขาไม่มีทางยอมให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นเป็นแน่
องค์ชายรองครุ่นคิดมองไปยังที่ปรึกษาในห้องหนังสือ กล่าวว่า “พวกท่านว่าตอนนี้ทำอย่างไรดี เสด็จพ่อไม่ได้คิดแต่งตั้งข้าเป็นรัชทายาทแม้แต่น้อย พวกเราต้องคิดหาวิธีแล้ว”
ยามนี้ในใจบรรดาที่ปรึกษาล้วนกำลังร้อนใจ เพราะพวกเขาคิดมาตลอดว่าสุดท้ายองค์ชายรองจะได้ขึ้นเป็นรัชทายาท แม้รู้ว่าเขาไร้สามารถ แต่ผู้ใดให้ฝ่าบาทมีองค์ชายเพียงพระองค์เดียว ไม่มีผู้ใดคิดถึงรัชทายาทที่ถูกปลดส่งไปไกลถึงสุสานหลวง
แต่ตอนนี้พวกเขาจึงได้รู้ว่าฝ่าบาทคิดแต่งตั้งองค์หญิงสามเป็นรัชทายาทหญิง เช่นนั้นใช่ว่าพวกเขาคว้าเอาเศษสวะอยู่ในมือหรือ
ที่ปรึกษาหลายคนทำใจยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้ มององค์ชายรอง กล่าวว่า “แผนการเพียงหนึ่งเดียวในตอนนี้ก็คือสังหารองค์หญิงสาม หากองค์หญิงสามตายไป องค์ชายรองก็จะได้ขึ้นเป็นรัชทายาทมิใช่หรือ”
องค์ชายรองพอได้ฟังก็เห็นด้วยทันที “ใช่ พวกเจ้ากล่าวได้ถูกต้อง หากน้องสามตาย เสด็จพ่อย่อมต้องยินยอมแต่งตั้งข้าเป็นรัชทายาท เสด็จพี่หญิงใหญ่กับเสด็จพี่หญิงรองออกเรือนไปแล้ว น้องสี่ก็แค่ไม่กี่ขวบ ไปมาก็เหลือเราคนเดียวที่เหมาะสมที่สุด ดังนั้นตอนนี้ขอเพียงสังหารน้องสามได้ก็พอ”
องค์ชายรองยิ่งพูดยิ่งตื่นเต้น คล้ายเห็นภาพตนเองสังหารน้องสามและขึ้นแทนที่นาง โชคดีที่ก่อนหน้านี้เขาได้วางสายสืบไว้ในวัง ขอเพียงเฝ้ามองตอนเซียวหวงออกจากวังหลวงแล้วมาส่งข่าวก็พอ
องค์ชายรองเพิ่งคิดจบ นอกประตูก็มีบ่าวผู้หนึ่งเดินเข้ามารายงานว่า “องค์ชายรอง ในวังมีคนส่งข่าวมาว่าองค์หญิงสามออกจากวังหลวงแล้ว”
พอเอ่ยวาจานี้ องค์ชายรองก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที โอกาสมาถึงแล้ว
ยามนี้เขาลืมไปหมดสิ้น เขายังไม่ได้ให้คนในวังส่งข่าวมาบอกเขา เขายังไม่ได้สั่งให้เฝ้ามองตอนองค์หญิงสามออกจากวัง เหตุใดในวังส่งข่าวมาได้เช่นนี้
แม้บรรดาที่ปรึกษากลับสังเกตเห็นความผิดปกติของเรื่องนี้ แต่ยามนี้ทุกคนล้วนไม่มีกะจิตกะใจคิดเอ่ยเตือนองค์ชายรอง ตามความคิดพวกเขา เกรงว่าขุนนางราชสำนักน่าจะไม่อยากให้องค์หญิงสามขึ้นเป็นรัชทายาทหญิงแห่งแคว้นต้าโจว เช่นนั้นหากไม่เหนือความคาดหมาย ข่าวพวกนี้มาจากคนของขุนนางในราชสำนัก เป้าหมายก็คือคิดยืมมือองค์ชายรองจัดการองค์หญิงสาม
“องค์ชายรอง ส่งผู้ใดไปลอบสังหารองค์หญิงสามดี”
————————